วันอังคารหน้าลิเวอร์พูลจะได้โอกาสล้างตา น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์..
จนถึงเวลานี้ทีมเจ้าป่ายังคงเป็นทีมเดียวที่เอาชนะหงส์แดงได้ในฤดูกาลนี้ ไม่ว่าจะเป็นพรีเมียร์ลีก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก หรือฟุตบอลถ้วยลีก คัพ
ฤดูกาล 2024/25 ที่ลิเวอร์พูลเล่นไปแล้ว 28 เกมในทุกรายการและแพ้แค่เกมเดียว ฟอเรสต์ ของกุนซือ นูโน่ เอสปิริโต้ ซานโต้ คือทีม ๆ นั้นที่เอาชนะจ่าฝูงพรีเมียร์ลีกได้
มันเกิดขึ้นตั้งแต่เกมที่ 4 ของฤดูกาลช่วงกลางเดือนกันยายนปีที่แล้ว และลิเวอร์พูลไม่แพ้ใครอีกเลยนับจากนั้น
ถ้าไม่มีการพลิกล็อกถล่มทลายถูก แอคคริงตัน สแตนลี่ย์ เขี่ยตกรอบเอฟเอ คัพคาแอนฟิลด์วันเสาร์นี้ รวมถึงไม่แพ้เกมลีก คัพรอบตัดเชือกนัดแรกที่ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ สเตเดี้ยม สามวันก่อนหน้า ลิเวอร์พูลจะไปเยือนซิตี้ กราวน์ด คืนวันอังคารด้วยการยืดสถิติแพ้แค่เกมเดียวและไม่แพ้ใครมา 26 เกมติดต่อกันติดตัวไปด้วย
กลายเป็นเกมที่น่าดูเป็นพิเศษ ด้วยเดิมพันของมันที่สูงเป็นพิเศษโดยไม่มีใครคาดคิด เพราะมันคือเกมที่ทีมอันดับสามจะรับมือทีมจ่าฝูง
ถ้าฟอเรสต์ชนะ ช่องว่างจะถูกบีบจาก 6 ลงมาเหลือ 3 คะแนน และยังส่งอานิสงส์ไปยังทีมอื่น ๆ ในข่ายลุ้นแชมป์ทั้ง อาร์เซน่อล เชลซี รวมไปถึง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่กำชัยมาแล้ว 2 เกมติดต่อกันด้วย
------------
จากทีมที่ต้องดิ้นรนหนีตกชั้นจนถึงนัดสุดท้ายเมื่อฤดูกาลที่แล้ว กลายเป็นทีมที่มีผลงานชนะ 12 เสมอ 4 และแพ้แค่ 4 จาก 20 เกมพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้
จำนวนเกมที่ชนะ (12) เป็นรองลิเวอร์พูล (14) เพียงทีมเดียว.. จำนวนประตูที่เสีย (19) มากกว่าอาร์เซน่อล (18) แค่ทีมเดียว
6 นัดหลังสุด.. เก็บ 18 คะแนนเต็ม
บุกชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 3-2
แซงเชือด แอสตัน วิลล่า 2-1 ในช่วงสามนาทีสุดท้าย
บุกอัด เบรนท์ฟอร์ด ถึงถิ่นเป็นทีมแรกในฤดูกาล 2-0
เฉือน สเปอร์ส 1-0
บุกกด เอฟเวอร์ตัน 2-0
และเกมล่าสุดบุกถล่ม วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส 3-0
6 เกมหลังสุดของพรีเมียร์ลีกไม่มีทีมไหนผลงานดีไปกว่าฟอเรสต์ พวกเขาคือทีมเดียวที่เก็บชัยชนะ 100 เปอร์เซนต์
และเกมรับยังคงเหนียวแน่น 4 เกมหลังสุดไม่เสียประตูเลย กินเวลามา 434 นาทีเข้าไปแล้ว
ในวันที่บุกไปชนะลิเวอร์พูลที่แอนฟิลด์ น้ำเสียงที่มีต่อพวกเขายังเจือไปด้วยคำถากถาง.. มันก็แค่ฟลุ้ค มันก็แค่เรื่องบังเอิญ เดี๋ยวก็หายซ่า ไม่กี่นัดก็เข้าอีหรอบเดิม ไปจนถึงก็หงส์แดงมันทำไม่ได้เอง
แน่นอนครับในวันนี้คำถากถางเหล่านั้นแม้จะลดน้อยลงไปบ้างแต่ก็ยังคงหลงเหลืออยู่ เพราะว่ากันตามตรงพวกเขาก็ไม่ได้อยู่ในกลุ่มทีมใหญ่ที่ถูกจับตามองจริง ๆ นั่นแหละ
ไม่ต้องไปไกลถึงการลุ้นแชมป์ลีกหรอก กระทั่งพื้นที่ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก หลายคนก็ยังเชื่อไม่ลงว่าเจ้าป่าจะทำได้
เดี๋ยวก็คงแผ่วไปเอง เดี๋ยวก็หายซ่าไปเอง..
น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ จะไปได้ถึงไหนคงต้องรอให้เวลามอบคำตอบกับเราอย่างเดียว จะเป็นเหมือนทีมไฟแรงหลาย ๆ ทีมที่สุดท้ายแผ่วปลายรูดไปอยู่กลางตาราง หรือลากยาวฝ่าเสียงเย้ยหยันไปได้จนจบแบบ เลสเตอร์ ซิตี้ ในฤดูกาลมหัศจรรย์ 2015/16 ก็คงต้องรอดูกัน
แต่อย่างน้อยผลงานผ่านครึ่งฤดูกาลมาแล้ว ฟอเรสต์ก็คู่ควรกับคำชื่นชม ด้วยวิธีการเล่นที่เหมาะสมและทีมที่ลงตัวอย่างยิ่ง
เกมรับเหนียวแน่น การโต้กลับคมกริบ ลูกตั้งเตะดี แดนกลางทำงานหนัก ปีก 2 ฝั่งเร็ว คล่อง เพลย์เมกเกอร์ท็อปฟอร์ม กองหน้าพึ่งพาได้ในการจบสกอร์
ไม่ต้องมีนักเตะดาวดัง แต่ทุกคนตอบโจทย์ความต้องการของโค้ช รู้หน้าที่ตัวเอง และเข้าใจเกม
นูโน่ ซานโต้ มีทีมตัวจริงที่ชัดเจนทั้ง 11 ตำแหน่ง และยังมีตัวสำรองที่มีประสิทธิภาพ ทดแทนกันได้ หมุนเวียนกันได้
มัตซ์ เซลส์ ผู้รักษาประตูชาวเบลเยียมเฝ้าเสา นิโกล่า มิเลนโควิช กองหลังเซิร์บ กับ มูริลโล่ แข้งบราซิลปักหลักคู่เซนเตอร์ แบ๊กขวา โอล่า ไอน่า ชาวไนจีเรีย แบ๊กซ้าย เนโก้ วิลเลียมส์ ทีมชาติเวลส์
คู่กองกลางชาวอังกฤษ เอลเลียต แอนเดอร์สัน กับ ไรอัน เยตส์ สลับด้วย นิโกลัส โดมิงเกซ นักเตะอาร์เจนไตน์ ตัวรุกตรงกลาง มอร์แกน กิบบ์ส-ไวท์ ที่ขึ้นทีมชาติอังกฤษไปแล้ว ปีกซ้าย-ขวา แอนโธนี่ อีลังก้า แข้งสวีเดน กับ คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย อังกฤษอีกคนที่สลับฟากกันเล่นได้
และกองหน้าตัวเป้า.. คริส วู้ด ที่ระเบิดฟอร์มในวัย 33 ประตูล่าสุดที่ยิงใส่ทีมหมาป่าคือประตูที่ 12 เข้าไปแล้วของหัวหอกนิวซีแลนด์ในซีซั่นนี้
นักเตะใหม่อย่าง แอนเดอร์สัน จากนิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด และ มิเลนโควิช จากฟิออเรนติน่า เข้ามาเป็นตัวหลักเติมเต็มให้ทีมได้ทันที ขณะที่ โมราโต้ กองหลังบราซิเลียน รามอน โซซ่า ปีกซ้ายปารากวัย และ โชต้า ซิลวา ปีกขวาโปรตุกีส แก๊งแข้งใหม่เช่นกันก็เป็นฟันเฟืองที่ดีในการหมุนใช้งาน เช่นเดียวกับตัวเสริมคนอื่น ๆ อย่าง แฮร์รี่ ทอฟโฟโล่ (กองหลัง), วิลลี่ โบลี่ (กองหลัง), เจมส์ วอร์ด-เพราส์ (กองกลาง) และ ไทโว อโวนิยี่ (กองหน้า)
เกมล่าสุดที่บุกขยี้วูล์ฟแฮมป์ตัน ตัวสำรอง 2 คน วอร์ด-เพราส์ ผ่านให้ อโวนิยี่ ยิงปิดท้าย 3-0
ฟอเรสต์ไม่ใช่ทีมที่ถล่มประตูเป็นกอบเป็นกำ พวกเขาใช้เกมรับที่มั่นคงเป็นพื้นฐาน เกมรุกของทีมเจ้าป่าอยู่ในอันดับ 13 ของลีก 29 ประตูที่ทำได้นั้นน้อยกว่าทุกทีมใน 12 อันดับแรก และยังน้อยกว่าวูล์ฟส์ฯ ที่อยู่อันดับ 17
แต่ฟอเรสต์มีความสมดุล มีภาพของความเป็นหนึ่งเดียวที่โดดเด่น สปิริตทีมกำลังดี โมเมนตัมกำลังมา
กระนั้นใน 6 เกมล่าสุดที่ชนะรวดยิ่งทำให้มีเรื่องน่าสนใจมากขึ้นสำหรับทีมเจ้าป่า..
เกมรุกของพวกเขาดีขึ้นกว่าค่าเฉลี่ยของตัวเองชนิดโจนทะยาน จาก 1.14 ประตูต่อเกม (16 นัด 14 ประตู) เป็น 2.17 ประตูต่อเกม (6 นัด 13 ประตู) ขณะที่เกมรับก็ขันแน่นยิ่งกว่าเก่าจากที่เสีย 1.14 ประตูต่อเกม (16 นัด 14 ประตู) เท่าเกมรุก เหลือเพียงแค่ 0.5 ประตูต่อเกม (6 นัด 3 ประตู) เท่านั้น
และใน 13 ประตูที่ยิงได้จาก 6 เกมล่าสุดนั้น มาจากการมีส่วนร่วมของนักเตะถึง 10 คน
กิบบ์ส-ไวท์ ยิง 3 จ่าย 3.. อีลังก้า ยิง 3 จ่าย 2.. คริส วู้ด ยิง 3 จ่าย 1
มิเลนโควิช ยิง 2.. อโวนิยี่ ยิง 1.. โอล่า ไอน่า ยิง 1
ฮัดสัน-โอดอย จ่าย 2.. เอลเลียต แอนเดอร์สัน จ่าย 2.. วอร์ด-เพราส์ จ่าย 1.. นิโก้ วิลเลียมส์ จ่าย 1
ทีมเล็ก ๆ แบบนี้มักจะแข็งแกร่งด้วยสปิริต ด้วยนักเตะทุกคนมีความรู้สึกบางอย่างร่วมกัน เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเพื่อเป้าหมายที่ชัดเจน คือพวกข้าจะทำให้พวกเอ็งดู จะเอาชนะเสียงหัวเราะเย้ยหยันทั้งหลายให้ดู
และถ้าสปิริตที่มีอยู่เป็นทุนเดิมนี้ได้รับการส่งเสริมด้วยขุมกำลังที่พอดี มีตัวหลักชัดเจน มีตัวเสริมที่แทนกันได้ มีโค้ชที่เข้าใจทีม เป็นที่ยอมรับของลูกทีม กำหนดวิธีการเล่นที่ถูกต้อง ทีม ๆ นั้นก็มีโอกาสทะลุยาวสร้างความเหลือเชื่อไปได้จนสุด
ระบบพื้นฐานของ นูโน่ ซานโต้ คือ 4-2-3-1 แต่เกมที่ไปเยือน เบรนท์ฟอร์ด ซึ่งผลงานดีไม่แพ้ใครเลยในบ้านตัวเอง เขาแสดงความยืดหยุ่นให้เห็นด้วยการปรับระบบการเล่นเป็นเซนเตอร์แบ๊ก 3 คน
โมราโต้ ถูกส่งลงไปเล่นร่วมกับ มิเลนโควิช และ มูริลโล่ ริมเส้น ไอน่า กับ วิลเลียมส์ วิ่งขึ้นลงในบทบาทวิงแบ๊ก ถอย กิบบ์ส-ไวท์ มายืนคู่มิดฟิลด์กับ แอนเดอร์สัน ลดตัวรุกลงเหลือแค่ 3 ขยับ อีลังก้า กับ โอดอย เข้ามาเป็นคู่เบอร์ 10 เล่นด้านหลัง คริส วู้ด
ผลลัพธ์.. เป็นทีมแรกในฤดูกาลนี้ที่ยัดเยียดความพ่ายแพ้ในบ้านให้เบรนท์ฟอร์ด (ทีมผึ้งมหาภัยมีสถิติชนะ 7 เสมอ 1 ที่จีเท็ค คอมมิวนิตี้ สเตเดี้ยม ก่อนลงสนาม) วิงแบ๊กซ้ายส่งให้วิงแบ๊กขวายิงเบิกร่อง ก่อนปิดจ๊อบ 2-0 ด้วยอีลังก้า
น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ กำลังติดลมบน นักเตะในสนามเล่นดี ตัวสำรองข้างสนามพร้อมแทน โค้ชเข้าใจทีม เข้าใจเกม หยิบจับตัดสินใจอะไรก็ดูจะถูกจังหวะไปหมดในช่วงนี้
------------
ใครเป็นแฟนบอลทีมเจ้าป่าคงมีความสุขกับสิ่งที่กำลังดำเนินอยู่..
โดยพื้นฐานแล้ว เพียงแค่ความเป็นฟอเรสต์มันก็มีความน่าสนใจอยู่ในตัว พวกเขาคือแชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ 2 สมัย มีประวัติศาสตร์เกรียงไกร มีมนต์เสน่ห์อวลกลิ่นอายแห่งความคลาสสิกเฉพาะตัว
เพียงชื่อ ไบรอัน คลัฟ คนเดียวก็นำมาเล่าได้ข้ามวันข้ามคืน แล้วไหนจะยังสนาม ซิตี้ กราวนด์ อันโรแมนติกอยู่ติดริมน้ำเทรนท์..
แน่นอนครับ เกมวันอังคารหน้าคือศึกใหญ่ของพวกเขา จะพูดว่าเป็นด่านทดสอบที่สำคัญที่สุดก็คงไม่ผิด เพราะผู้มาเยือนคือจ่าฝูงที่ไม่แพ้ใครในทุกรายการมา 4 เดือนเต็ม
แต่ถึงตรงนี้แล้วจะไปกลัวอะไร ทุกประตู ทุกเกม ทุกเสียงเชียร์ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นหลังจากนี้คือกำไรล้วน ๆ
และในทางกลับกัน มันย่อมเป็นเกมที่อันตรายสุด ๆ สำหรับลิเวอร์พูลด้วย แม้ทีมของ อาร์เน่อ ชล็อต จะลงตัวยิ่งกว่าวันที่เจอกันช่วงต้นฤดูกาลก็ตาม
ชัยชนะที่แอนฟิลด์วันนั้นอาจเป็นแค่เรื่องบังเอิญในสายตาของหลาย ๆ คน แต่มาวันนี้ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าไม่ใช่เลย..
มันไม่ใช่ลมเพลมพัดอะไรเลย พวกเขากำลังท้าทายเราทุกคนในฤดูกาลที่น่าจดจำที่สุดฤดูกาลหนึ่งของพวกเขาต่างหาก
ตังกุย