ครั้งที่ 3! ย้อน 2 หนก่อนที่ แมนยู แพ้อย่างต่ำ 6 นัดในเดือนเดียว

นี่นับเป็นการปราชัยในลีกถึง 4 จาก 5 เกมหลังสุดของ แมนยูไนเต็ด และหากนับรวมแบบทุกรายการล่ะก็ มันก็เท่ากับว่าในเดือนสุดท้ายของปี 2024 ทีมของ รูเบน อโมริม แพ้ไปถึง 6 เกมเลยทีเดียว

ในหน้าประวัติศาสตร์ของ แมนยูไนเต็ด นี่ถือเป็นครั้งที่ 3 ที่พวกเขาแพ้อย่างน้อยถึง 6 เกมจากทุกรายการภายในเดือนเดียว ซึ่งหลายคนอาจจะสงสัยว่า 2 ครั้งก่อนหน้านี้เกิดขึ้นตอนไหน ?

สำหรับหนแรกนั้นเป็นในช่วงเดือนเมษายน ปี 1926 โดยตอนนั้น แมนยูไนเต็ด เพิ่งเลื่อนชั้นขึ้นมาจาก ดิวิชั่น 2 (เทียบเท่ากับ เดอะ แชมเปี้ยนชิพ ในปัจจุบัน) และตอนแรกๆ พวกเขาก็ยังเก็บชัยชนะได้เยอะพอตัวสำหรับทีมน้องใหม่

อย่างไรก็ตาม ในเดือนที่ 4 ของปี 1926 พวกเขาแพ้ในลีกไปถึง 6 นัดด้วยกัน ประกอบด้วยการพ่าย บิวรี่ 0-1 คาบ้านเมื่อวันที่ 3 เมษายน, แพ้ น็อตต์ส เคาน์ตี้ ด้วยสกอร์เดียวกันในอีก 2 วันต่อมา, ออกไปแพ้ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส แบบขาดลอยถึง 0-7 ในวันที่ 10 เมษายน, กลับจาก นิวคาสเซิ่ล ด้วยสกอร์ 1-4 ในวันที่ 14 เมษายน, ออกไปแพ้ เบอร์มิงแฮม ซิตี้ 1-2 เมื่อวันที่ 19 เมษายน และเกมที่ไปเยือนแล้วพ่าย เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด 0-2 เมื่อวันที่ 24 เมษายน

ถึงกระนั้น จากการที่ทำผลงานได้น่าพอใจในช่วงก่อนหน้าเดือนนั้น ไปจนถึงการชนะ 2 นัดสุดท้ายของฤดูกาล ทำให้ทีมของกุนซือ จอห์น แชปแมน ยังสามารถจบซีซั่น 1925-26 ด้วยการเป็นอันดับ 9 ของตารางคะแนนได้

ครั้งที่ 2 ที่เกิดขึ้นในช่วงเดือนกันยายน ปี 1930 และหนนี้พวกเขาแพ้ไปถึง 7 นัดเลยทีเดียว โดยมันเกิดขึ้นในเกมลีกทั้งหมด และที่จริงแล้วตลอดทั้งเดือนนั้น แมนยูไนเต็ด มีโปรแกรมลงเล่นในลีก 7 นัด พูดอีกแบบก็คือเดือนนั้นพวกเขาสะกดเป็นแต่คำว่าแพ้

เดือนแห่งฝันร้ายเริ่มจากการออกไปแพ้ มิดเดิ้ลสโบรช์ 1-3 เมื่อวันที่ 3 กันยายน ก่อนที่ 3 วันต่อมาจะโดน เชลซี ส่งกลับบ้านด้วยสกอร์ 2-6 ขณะที่ในวันที่ 10 กันยายน แม้ว่าจะได้เล่นในบ้านแต่พวกเขาก็แพ้ ฮัดเดอรส์ฟิลด์ ทาวน์ ไปถึง 0-6 ตามด้วยการแพ้ นิวคาสเซิ่ล คาบ้าน 4-7 ในวันที่ 13 กันยายน โดย 2 วันหลังจากนั้นพวกเขาก็ออกไปแพ้ ฮัดเดอร์สฟิลด์ ทาวน์ 0-3 ต่อด้วยการกลับจาก เชฟฟิลด์ เว้นส์เดย์ ด้วยสกอร์ 0-3 อีกนัดในวันที่ 20 กันยายน ก่อนจะปิดท้ายเดือนด้วยการแพ้ กริมส์บี้ ทาวน์ 0-2 คารังในวันที่ 27 กันยายน

หลังจากผ่านเดือนนั้นไปแล้ว แมนยูไนเต็ด ก็ยังมีผลงานที่เลวร้ายอย่างต่อเนื่องจนทำให้พวกเขาต้องจบฤดูกาลด้วยการเป็นอันดับที่ 22 ของตารางคะแนน หรือก็คืออันดับสุดท้ายของศึก ดิวิชั่น 1 (เทียบเท่ากับ พรีเมียร์ลีก ในสมัยนั้น) จากการมีเพียง 22 แต้ม และต้องตกชั้นไปในที่สุด

แน่นอนว่าแฟนบอล แมนยูไนเต็ด คงไม่อยากให้ประวัติศาสตร์ในฤดูกาล 1930-31 มันซ้ำรอยกับทีมรักของพวกเขาในซีซั่น 2024-25 ซึ่งก็คงต้องรอดูกันว่า อโมริม จะแก้ไขปัญหาภายในทีมของเขาได้หรือไม่

- เด็กเกร็ดบอล -