ลิเวอร์พูลปิดฉากปี 2024 อย่างมีสไตล์..

ลิเวอร์พูลปิดฉากปี 2024 อย่างมีสไตล์..
ชัยชนะเหนือ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ที่ลอนดอน สเตเดี้ยม ไม่ใช่เรื่องจะที่เกิดขึ้นง่าย ๆ แต่ลิเวอร์พูลไม่เพียงทำมันได้เท่านั้น หากยังทำได้แบบไร้ปัญหา

เป็นชัยชนะที่ขาดลอย เหนือชั้น และควบคุมทุกอย่างได้เบ็ดเสร็จ

คำถามของลิเวอร์พูลถ้าจะยังพอมีอยู่บ้างกลายเป็นเรื่องนอกสนามไม่ใช่เรื่องในสนาม สัญญาฉบับใหม่ของนักเตะตัวหลักทั้ง โมฮาเหม็ด ซาลาห์, เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ และ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ จะลงเอยอย่างไร

เรื่องนี้ต่างหากที่ทำให้เดอะค็อปยังขมวดคิ้ววิตกกันอยู่ ด้วยความสุ่มเสี่ยงคืบคลานเข้ามาเรื่อย ๆ 1 มกราคมนี้ก็จะเซ็นสัญญาล่วงหน้ากับสโมสรใดก็ได้แล้ว

กระนั้นมันก็อาจไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด 1 มกราคมไม่ใช่เส้นตายว่าถ้ามาถึงแล้วยังต่อสัญญากันไม่ได้ทีมจะต้องเสียพวกเขาไปทันทีเสียเมื่อไหร่

ไม่ใช่เลย พวกเขาก็ยังเป็นนักฟุตบอลของสโมสรอยู่เหมือนเดิม ยังลงเล่นให้ทีมอยู่เหมือนเดิม เพียงแต่สัญญาเหลือแค่ 6 เดือน และระหว่างนั้นจะเซ็นสัญญาล่วงหน้ากับทีมไหนก็ได้

กับทีมไหนก็ได้ที่ว่า.. มันก็รวมถึงลิเวอร์พูลด้วยนะครับ

มันไม่ได้หมายความว่าถ้าเลย 1 มกราคมไปยังต่อสัญญากันไม่ได้ ทั้ง 3 คนจะต้องย้ายทีมร้อยเปอร์เซนต์ เราต้องไม่ลืมเผื่อกรณีที่ทั้ง 3 คนยังอยู่ในระหว่างการเจรจากับสโมสรด้วย

มันอาจเป็นการเจรจาที่ยืดเยื้อยังหาบทสรุปที่พอใจด้วยกันทุกฝ่ายไม่ได้ และการพูดคุยลากยาวข้ามวันที่ 1 มกราคมไป

เราอาจได้เห็นวันที่ 1 มกราคมยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วพอวันที่ 8 มกราคม ซาลาห์ก็ต่อสัญญา จากนั้น 19 มกราคมเทรนต์ต่อสัญญา แล้วฟาน ไดค์มาหลังสุดวันที่ 25 มกราคม.. ก็ได้

กระนั้นอะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด ต่อสัญญาได้ทั้งหมดก็ดี ต่อได้ 2 คนก็ดี หรือต่อได้แค่คนเดียวก็ดี ผมเชื่อว่าทั้งสโมสรและนักเตะต่างก็พยายามกันอย่างเต็มที่แล้วเพื่อที่จะเดินหน้าไปต่อด้วยกันให้ได้

รอกันต่อไปครับ แค่รอดูว่าบทสรุปจะออกมาอย่างไร

กับเกมเยือนเวสต์แฮมเมื่อคืนวันอาทิตย์ ลิเวอร์พูลทำได้อย่างสมบูรณ์แบบ เป็นเกมที่ใครเป็นแฟนบอลหงส์แดงได้นั่งดูแล้วคงรู้สึกไม่กังวลเท่าไหร่ ด้วยเกมที่เหนือกว่ากันทุกด้านจริง ๆ

ประตู 3-0 ของ ซาลาห์ ในนาทีที่ 44 แค่เป็นตะปูตอกย้ำความมั่นใจว่าถ้าไม่เจอปาฏิหาริย์ที่ลอนดอน สเตเดี้ยม ในครึ่งหลัง สามคะแนนคงไม่หนีไปไหน

สิ่งที่ลิเวอร์พูลทำได้ดีมากในเกมถล่มขุนค้อนคือการแย่งบอล ตัดบอล เปลี่ยนเกมจากรับเป็นรุก

นักเตะหงส์ทำเรื่องนี้ได้ดีในทุกจุดของสนาม การแย่งบอลในแดนตัวเอง การบีบกดดันเอาบอลมาครองตั้งแต่แดนขุนค้อน การอ่านจังหวะตัดบอลของเจ้าถิ่นตั้งแต่กลางสนาม

เมื่อเอาบอลมาครองได้มาก โอกาสทำประตูก็มาก ลิเวอร์พูลทยอยสร้างจังหวะทำประตูเป็นระยะ ๆ ใกล้เคียงบ้างไม่ใกล้เคียงบ้างแต่ไม่มีหยุด

เพียงเวลาผ่านไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ลิเวอร์พูลได้ยิงไปแล้ว 6 ครั้ง ตรงกรอบ 3 ขณะที่เวสต์แฮมยังไม่มีโอกาสสับไกยิงเลย จะมีก็เพียงจังหวะช่วงต้นเกมที่ ลูกัส ปาเกต้า ลื่นเข้าชาร์จลูกเปิดของ จาร์ร็อด โบเว่น ไม่ถึงเท่านั้น

นั่นน่าจะเป็นความผิดพลาดเดียวของลิเวอร์พูลในเกมนี้ มันเริ่มมาจากการที่ แอนดี้ โรเบิร์ตสัน ถูก โมฮาเหม็ด คูดุส จิ้มแย่งบอลไปจากเท้า

เกมนี้ลิเวอร์พูลจริงจังกับการรักษาประตูให้ได้ไม่ยอมเสียง่าย ๆ หลังจากช่วงหลังถูกคู่แข่งทะลวงตาข่ายได้ตลอด มีจังหวะหนึ่งที่ ร็อบโบ้ กับเพื่อนอีกคนปล่อยให้ คูดุส ตวัดเปิดเข้ากลางได้ ฟาน ไดค์ ต้องปรี่เข้าบล็อกไม่ให้ ปาเกต้า โหม่งได้ถนัด ก่อนจะหันมองเพื่อนร่วมทีมตาขวางประมาณให้รู้ว่ากูไม่โอเคนะที่ปล่อยให้เขาเปิดบอลง่าย ๆ แบบนี้ทั้งที่ยืนกันอยู่ตั้ง 2 คน

ในภาพรวมแล้วเกมรับหงส์แดงไม่ได้ถูกทดสอบอะไรมาก ตลอด 90 นาทีเวสต์แฮมได้ยิงแค่ 5 ครั้ง ไม่มีครั้งไหนตรงกรอบเลย

แดนกลางลิเวอร์พูลเก็บกินเรียบ โดยเฉพาะ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ ที่คุมทุกอย่างอยู่หมัด นิ่ง มั่นคง หนักแน่น ดักบอล แย่งบอล ปะทะเอาบอลมาครอง ควบคุมจังหวะ ไหลบอลสั้น วางบอลยาว เป็นเกมที่แม็คก้าฉายแสงมาก

ในวันที่ลิเวอร์พูลเล่นได้แบบเต็มความฟิต ขยับวิ่งเคลื่อนที่ได้ตามที่ใจสั่ง คู่ต่อสู้ก็รับมือลำบาก มองดูเกมรุกของทีมเมื่อคืนที่ผ่านมาเต็มไปด้วยไอเดียและจินตนาการ

การเข้าทำหลากหลายรูปแบบ บอลสั้นเจาะช่อง บอลยาวข้ามแนวรับ บอลครอสจากด้านข้าง ต่อบอลรุกคืบโยกซ้าย-ขวาเพื่อสร้างพื้นที่ วิ่งอ้อมหลัง บอลไปถึงสุดเส้นหลัง การยิงไกล หรือเกมโต้กลับ

ครองบอลกับตัวอยู่ดี ๆ เห็นช่องปุ๊บนักเตะอย่าง เทรนต์, แม็คก้า หรือกระทั่ง โจ โกเมซ พร้อมแทงขึ้นไปตรง ๆ ให้ตัวรุกเอาไปทำได้เลย

เวสต์แฮมพยายามเล่นอย่างมีสมาธิ รักษาพื้นที่อยู่ในแดนตัวเองไม่ใช้แรงไปไล่บีบแดนบน ไม่เข้าพรวดพราด ยืนกันให้แน่น แต่การเคลื่อนที่และสปีดบอลของหงส์แดงสามารถสร้างพื้นที่ขึ้นมาเองได้

พื้นที่เดียวกันเมื่อ 10 วินาทีที่แล้วยังแน่นอยู่ ผ่านบอลออกซ้ายออกขวา 2 รอบ กลับมาอีกทีกลายเป็นที่โล่งโจ้งแล้ว ด้วยการไม่เข้าพรวดและพยายามรักษาพื้นที่ของนักเตะเวสต์แฮมนั่นแหละ มันทำให้พวกเขาค่อย ๆ ถอยร่นลงไปเอง

ประตู 4-0 จากเทรนต์ก็เป็นแบบนั้น ผ่านบอลกันไปมาจากซ้ายไปขวา ขวาไปซ้าย  พอเปลี่ยนทางกลับมาอีกที เทรนต์มายืนรอหน้าหัวกะโหลกแล้ว มีพื้นที่ว่างแบบเชื้อเชิญเต็มที่เพราะแข้งแฮมเมอร์สถอยไปถอยมากลายเป็นลงไปกองกันในเขตโทษหมด

ลิเวอร์พูลในเกมนี้ยังได้จังหวะสองที่เป็นใจอีกหลายครั้ง บอลแรกชนะแทบตลอดไม่พอ บอลสองยังมาเข้าทางเกือบหมด

ประตู 1-0 ของ หลุยส์ ดิอาซ จ่ายไปถูกสกัดก็กระดอนกลับมาเข้าทางหวดเหมือนตั้งให้ยิง ประตู 2-0 ที่ซาลาห์จิ้มให้ โกดี้ คักโป ก็แฉลบขากองหลังมาเข้าโฟกัสซ้ำพอดี ประตู 4-0 ที่เทรนต์ยิงไกลบอลก็แฉลบศีรษะ คอนสแตนตินอส มาฟโรปานอส เปลี่ยนทางเล็ก ๆ เข้าประตู

กลายเป็นบอลวันเวย์ ไหลลื่น ทำเกมบุกอยู่แทบจะฝ่ายเดียว บอลของเวสต์แฮมไปไม่ถึงข้างหน้าเพราะตายตั้งแต่แดนกลางและหลายครั้งในแดนตัวเอง

ประตู 3-0 ที่ ซาลาห์ ยิงยัดเสาแรกลูกถนัดก็มาจากการรุม 3 ต่อ 1 แย่งบอลจาก การ์ลอส โซเลร์ ที่ตัดสินใจจับบอลที่กองหลังส่งมาให้ก่อน ไม่กล้าเล่นจังหวะเดียวด้วยความไม่ชัวร์ และนั่นคือจังหวะที่ลิเวอร์พูลจ้องไว้อยู่แล้ว

อ่านเกม ไล่บีบกดดัน แย่งบอลได้ตั้งแต่หน้าเขตโทษคู่แข่งแล้วลงฑัณฑ์ทันที

อาร์เน่อ ชล็อต ยังคงละเอียดในเรื่องการเปลี่ยนตัว นอกจากการแก้เกมที่ดีแล้วผมคิดว่าเขายังเปลี่ยนตัวได้ดี ด้วยเหตุผลในมิติต่าง ๆ บางครั้งเปลี่ยนเพื่อแท็คติก บางครั้งเปลี่ยนเพื่อเพิ่มความสดชื่น บางครั้งเปลี่ยนเพื่อถนอมร่างกายนักเตะ

บางครั้งเปลี่ยนตัวอย่างใส่ใจลูกทีม เปลี่ยนเพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นให้นักเตะ มอบกำลังใจให้เขา หรืออย่างครั้งนี้ก็เปลี่ยนเพื่อมองไปถึงเกมหน้า

ไรอัน กราเฟนแบร์ก กับ คักโป ที่มีใบเหลืองติดตัว 4 ใบถูกถอดออกในนาทีที่ 57 ตัดความเสี่ยงที่อาจรับใบเหลืองในเกมนี้แล้วติดโทษแบนแมตช์หน้าที่เจอแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

ชล็อตจะเปลี่ยนทั้งคู่ตั้งแต่ตอนพักครึ่งก็ได้เพราะนำห่าง 3-0 แล้วด้วยรูปเกมที่ควบคุมได้หมด แต่เขาเลือกให้เล่นครึ่งหลังไปสัก 10 นาทีก่อนเพื่อดูว่าสถานการณ์ยังเป็นเหมือนเดิมไหม เวสต์แฮมกลับมาดีขึ้นเหมือนเป็นคนละทีมกับครึ่งแรกไหม

เมื่อทุกอย่างยังเหมือนเดิม ไม่มีความเสี่ยงใด ๆ เพิ่ม เขาก็เปลี่ยนตัวตามแผนที่วางไว้ ดีโอโก้ โชต้า ลงไปแทน คักโป วาตารุ เอนโด ลงไปแทน กราเฟนแบร์ก

ราบรื่นไร้รอยต่อ ทีมรักษาโมเมนตัมไว้ได้ทั้งยังไม่เสี่ยงต่อการมีใครติดโทษแบนในเกมแดงเดือด และเมื่อถึงช่วงราว ๆ 15 นาทีสุดท้าย ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ กับ คอสตาส ซิมิกาส ก็ถูกส่งลงไปแทน เคอร์ติส โจนส์ กับ โรเบิร์ตสัน

เตะเกมนี้ แต่เมื่อสถานการณ์ไม่มีอะไรน่าห่วง ชล็อตก็ใช้มันเตรียมความพร้อมให้ทุกคนสำหรับเกมกับ แมนฯ ยูไนเต็ด วันอาทิตย์หน้าไปในตัว

แล้วซาลาห์ก็ลากจากแดนตัวเองขึ้นมาจ่ายให้โชต้ายิงปิดกล่องเป็น 5-0 

มันคือแอสซิสต์ที่ 23 เข้าไปแล้วในปี 2024.. ไม่เคยมีนักเตะลิเวอร์พูลคนไหนทำแอสซิสต์ในรอบปีปฏิทินได้มากเท่านี้มาก่อน

ลิเวอร์พูลยิงไปแล้ว 45 ประตูจาก 18 เกมที่ลงเตะในพรีเมียร์ลีก ในจำนวนนี้ 30 ประตูหรือ 2 ใน 3 มาจากการยิงหรือจ่ายของซาลาห์ (ยิง 17 จ่าย 13)

ไม่เคยมีนักเตะคนไหนมีส่วนร่วมโดยตรงกับ 30 ประตูในพรีเมียร์ลีกด้วยจำนวนเกมน้อยขนาดนี้มาก่อน (18 นัด)

ยิงและจ่ายในเกมเดียวกันเป็นนัดที่ 8 แล้ว มากเป็นสถิติต่อหนึ่งฤดูกาลของพรีเมียร์ลีก

ยิงรวมถึงหลัก 20 ประตูในทุกฤดูกาลที่อยู่กับลิเวอร์พูล (เวลานี้ซาลาห์ยิงรวม 20 ประตู จ่าย 17 ลูกในทุกรายการ) นับถึงตอนนี้คือ 8 ฤดูกาลติดต่อกันแล้วนับตั้งแต่ย้ายมาร่วมทีมเมื่อซีซั่น 2017/18 (อลัน เชียเรอร์ทำได้ 10 ฤดูกาล แฮร์รี่ เคน 9 ฤดูกาล)

และทั้งหมดนี้ เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ยังไม่ถึงครึ่งฤดูกาลดี..

ลิเวอร์พูลปิดฉากปี 2024 อย่างมีสไตล์จริง ๆ ทั้งทีมบริหาร ทั้งโค้ช ทั้งสตาฟฟ์ ทั้งนักเตะ ทั้งกองเชียร์ในสนาม ทั้งแฟนบอลทั่วโลก กำลังเดินหน้าไปด้วยกันด้วยความหวังในดวงใจ

With hope in your heart.. ทุกคนมีมันอย่างเต็มเปี่ยมทีเดียวล่ะครับ

ตังกุย


ที่มาของภาพ : getty images
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport