ลิเวอร์พูลกลับมาสู่ทิศทางที่ดีอีกครั้งหลังสะดุดเสมอไป 2 นัด

ลิเวอร์พูลกลับมาสู่ทิศทางที่ดีอีกครั้งหลังสะดุดเสมอไป 2 นัด
เสมอ นิวคาสเซิ่ล เสมอ ฟูแล่ม แล้วมา ชนะ สเปอร์ส ก่อนจะเก็บ เลสเตอร์ ซิตี้ ได้ในเกมล่าสุด

เสมอ นิวคาสเซิ่ล เสมอ ฟูแล่ม แล้วมา ชนะ สเปอร์ส ก่อนจะเก็บ เลสเตอร์ ซิตี้ ได้ในเกมล่าสุด

จาก 9 คะแนนที่เคยนำอันดับสอง ถูกจี้มาเหลือแค่ 2 แต้มหลังการสะดุด 2 นัดนั้นบวกกับเกมเยือนเอฟเวอร์ตันเลื่อน แล้วมันก็ดีดตัวกลับไปเป็น 7 แต้ม พร้อมเกมในมืออีกนัดหลังเชลซีหกล้มบ้าง 2 เกมล่าสุดเก็บได้แค่คะแนนเดียว

สถานการณ์ ณ เวลานี้ ลิเวอร์พูล นำจ่าฝูงทิ้ง อาร์เซน่อล ที่เบียดขึ้นมาอยู่อันดับสองแทนเชลซี 6 แต้มและมีเกมในมืออีกนัด

ฟุตบอลลีกก็อย่างนี้ มีช่วงเวลาที่ดี มีช่วงเวลาที่แย่ มีช่วงเวลาที่ไม่เป็นใจเท่าไหร่

การเป็นแชมป์ลีกไม่ใช่เรื่องยากในบางฤดูกาล แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายในหลาย ๆ ฤดูกาลเช่นกัน บ่อยครั้งมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับเราเพียงทีมเดียวอีกต่างหากด้วยมีองค์ประกอบปัจจัยแวดล้อมเกี่ยวข้องมากมายเต็มไปหมด

บางฤดูกาลปัจจัยนี้เด่น บางฤดูกาลปัจจัยนั้นโดด บางฤดูกาลอุตส่าห์ชนะรัว ๆ เข้าเบรกชนะ 10 นัดติด 14 นัดติด ทำแต้มทะลุ 90 แต่กลับไม่ได้แชมป์

ฤดูกาล 2018/19 ลิเวอร์พูลของ เยอร์เก้น คล็อปป์ กวาด 97 คะแนน.. ไม่ได้แชมป์

ฤดูกาล 2021/22 คล็อปป์พา ลิเวอร์พูล อาละวาดโกยคะแนนเกิน 90 อีกหน แต่ 92 คะแนนที่ทำได้ก็ยังไม่เพียงพออีกครา

เพราะในขณะที่บางฤดูกาล คุณชนะบ้างแพ้บ้าง ไม่ได้มีฟอร์มเหี้ยมโหดอะไรแต่กลับเป็นแชมป์เพราะบรรดาคู่ต่อสู้พากันดิ่งเหวไปเอง บางฤดูกาลเพียงคุณมีคู่แข่งแย่งแชมป์แค่ทีมเดียวแต่ดันเป็นทีมที่คล้ายจะเป็นอมตะ คุณก็อกหักได้เหมือนกันแม้จะทำดีสุด ๆ อย่างที่ไม่เคยทำมาก่อนก็ตาม

ฤดูกาลมหัศจรรย์ของคุณอาจลงเอยด้วยการเป็นผู้แพ้ก็ได้เพียงถ้าฤดูกาลนั้นคุณไปเจอทีมที่เก่งแบบบ้าบอ.. และความยากของมันก็คือสำหรับการเป็นแชมป์ลีกแล้ว คุณเจอทีมแบบนั้นแค่ทีมเดียวก็เกินพอ

ในยุค เยอร์เก้น คล็อปป์ ลิเวอร์พูลได้คะแนนเกิน 90 แต้ม 3 ครั้ง (92 คะแนน 97 คะแนน 99 คะแนน) มันควรจะเพียงพอสำหรับการเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีก 3 สมัย แต่ผลลัพธ์ที่ออกมากลับสมหวังแค่หนเดียวเท่านั้นคือเมื่อคราวที่เก็บได้ 99 แต้ม ซีซั่น 2019/20

ความตลกร้ายของมันก็คือในซีซั่น 97 คะแนน แมนซิตี้ ดันทำได้ 98 คะแนน และในฤดูกาล 92 คะแนน แมนซิตี้ กลับเก็บได้ 93 แต้ม แต่ในฤดูกาล 99 คะแนน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่เป็นรองแชมป์คะแนนรูดลงไปเหลือแค่ 81..

เวลาแพ้นั้นแพ้อย่างเจ็บปวดและแสนเสียดาย ช่องว่างระหว่างสมหวังกับผิดหวังห่างกันเพียงคะแนนเดียวเท่านั้น อุตส่าห์ทำขนาดนี้ เลือดตาแทบกระเด็นอย่างนี้ก็ยังไม่ได้แชมป์ แต่พอเวลาชนะบ้าง ทีมเรือใบกลับปล่อยให้ลิเวอร์พูลโดดเดี่ยวเดียวดายทิ้งกันไกลระดับเกือบยี่สิบแต้ม

ถ้าเรามีมือวิเศษสามารถจับนี่ไปอยู่นั่น จับนั่นไปอยู่นู่นได้ สามฤดูกาลนั้นเราคงอยากจะจับมันใหม่

เอาฤดูกาล 92 แต้มไปแพ้ แมนซิตี้ 98 แต้มซะ ลิเวอร์พูล ก็จะได้แชมป์เพิ่มขึ้นอีกสมัยรวมเป็น 2 สมัยแทนที่จะได้แค่สมัยเดียว เพราะซีซั่น 99 กับ 97 คะแนนจะชนะ 93 กับ 81 คะแนนของทีมเรือใบสบาย ๆ

หรือถ้าฟุ้งซ่านไปกว่านั้น หยิบเอาการเป็นรองแชมป์ทั้ง 5 ครั้งของลิเวอร์พูลในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีกขึ้นมาดู

- ฤดูกาล 2001/02 ได้ 80 แต้ม (อาร์เซน่อล 87 คะแนน)

- ฤดูกาล 2008/09 ได้ 86 คะแนน ผลต่างประตู +50 (แมนยูไนเต็ด 90 แต้ม)

- ฤดูกาล 2013/14 ได้ 84 คะแนน (แมนซิตี้ 86 คะแนน ผลต่างประตู +65)

- ฤดูกาล 2018/19 ได้ 97 คะแนน (แมนซิตี้ 98 แต้ม)

- ฤดูกาล 2021/22 ได้ 92 คะแนน (แมนซิตี้ 93 แต้ม)

ถ้านำมารวมกับฤดูกาล 2019/20 ที่ลิเวอร์พูล เป็นแชมป์ 99 แต้ม (แมนซิตี้ รองแชมป์ 81 แต้ม) แล้วเอามือวิเศษนั้นยักย้ายถ่ายเทมันตามใจชอบ ลิเวอร์พูล ก็จะเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ถึง 4 สมัย..

เอาฤดูกาล 80 กับ 84 คะแนนไปอยู่กับฤดูกาลที่ แมนซิตี้ เป็นแชมป์ที่ 86 คะแนนและอาร์เซน่อลเป็นแชมป์ที่ 87 คะแนนซะ แล้วเกลี่ยใหม่อีกที

- เอาฤดูกาล 86 คะแนนไปชนะ แมนซิตี้ 81 แต้ม

- เอาฤดูกาล 92 คะแนนไปชนะ แมนยูไนเต็ด 90 แต้ม

- เอาฤดูกาล 97 คะแนนไปชนะ แมนซิตี้ 93 แต้ม และ

- เอาฤดูกาล 99 คะแนนไปชนะ แมนซิตี้ 98 แต้ม

ลิเวอร์พูล จะได้แชมป์พรีเมียร์ลีกไปแล้ว 4 สมัยแทนที่จะเป็นสมัยเดียวอย่างวันนี้ ทั้งยังเป็นการได้แชมป์อย่างสมน้ำสมเนื้อชนิดแต่ละแต้มที่เก็บมาได้ช่างคุ้มค่า

99 แต้มชนะ 98 แต้ม.. 97 แต้มชนะ 93 แต้ม.. 92 แต้มชนะ 90 แต้ม และเป็นลิเวอร์พูลสมหวังทั้งหมด

หากก็นั่นล่ะครับ ในโลกแห่งจินตนาการนั้นเราวาดให้มันเป็นได้ตามใจชอบ แต่บนโลกแห่งความจริงทุกอย่างเกิดขึ้นไปแล้วในแบบที่มันเป็น ยามยิ้มก็ได้ยิ้มจริง ยามเศร้าก็ได้เศร้าจริง เสียน้ำตากันจริง ๆ ไม่มีกดรีเซ็ตเริ่มใหม่เหมือนเล่นเกม

ในโลกแห่งจินตนาการ ทุกอย่างเพริศแพร้วด้วยกันทั้งนั้น แต่ถ้าเรามีโลกแห่งจินตนาการได้ คนอื่นเขาก็มีโลกแห่งจินตนาการของเขาได้เช่นกัน

โลกแห่งจินตนาการที่เต็มไปด้วยสีสันและความสมหวังมีได้มากมาย สิบคนสิบโลก ร้อยคนร้อยโลก ล้านคนก็ล้านโลก..

แต่โลกแห่งความจริงมีเพียงใบเดียว เป็นโลกที่ทุกคนอยู่ร่วมกัน ผ่านหน้าประวัติศาสตร์หน้าเดียวกัน

และบนโลกแห่งความจริงนั้น บางครั้ง.. มันก็โหดร้าย

แฟน ลิเวอร์พูล จึงได้เห็นฤดูกาล 92 แต้มแพ้ 93 แต้ม ได้อยู่กับฤดูกาล 97 แต้มที่แพ้ 98 คะแนน หรือกระทั่งฤดูกาล 1988/89 ที่แพ้อาร์เซน่อล 0-2 คาแอนฟิลด์ในวินาทีสุดท้าย เห็นแชมป์กระเด็นหลุดมือต่อหน้าต่อตา

แต่อันที่จริงแล้ว.. มันก็ใช่จะมีเพียงด้านเดียว

เราอาจจะจมอยู่กับความจริงที่โหดร้ายมากเกินไปจนลืมไปว่ามันก็ไม่ได้ใจร้ายกับเราคนเดียว หรือมัวแต่หมกมุ่นอยู่กับมันจนลืมภาพความจริงอีกด้าน

ถ้าจะมองย้อนกลับไปดูมันอีกครั้ง เดอะค็อปก็ยังมีความสุขไม่รู้จบได้กับความทรงจำแห่งความจริงมากมายที่เคยผ่านมาให้สัมผัส

แชมป์ยุโรป แชมป์ดิวิชั่นหนึ่ง แชมป์เอฟเอ คัพ แชมป์พรีเมียร์ลีก แชมป์โลก เกมที่น่าตื่นตา บรรยากาศอันน่าตื่นใจ วันที่เราโกงความตาย แมตช์ที่จะฝังอยู่ในใจไม่ลืมเลือน การต่อสู้แบบถวายหัว นักเตะที่เราจะรักตลอดไป..

เสียงเพลง เสียงหัวเราะ เสียงตะโกนเชียร์ดังลั่นจนคอแหบแห้ง น้ำตาที่หลั่งไหลด้วยท่วมท้นความปีติ ความภาคภูมิใจ ความรู้สึกที่ว่าตัวเองคิดไม่ผิดเลยที่เลือกเชียร์ทีมนี้

เราทุกคนอยู่บนโลกแห่งความจริง และความจริงในวันนี้ ลิเวอร์พูลยุคใหม่ภายใต้กุนซือชื่อ อาร์เน่อ ชล็อต กำลังไปได้สวย หนักแน่น และมั่นคง

เราไม่รู้หรอกครับว่าบทสุดท้ายจะเป็นอย่างไร ฤดูกาลอันยาวนานยังเหลืออีกครึ่งทาง ประสบการณ์บอกกับเราว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้เสมอ ต้องมีสติ มั่นคง และไม่ประมาท

ฤดูกาลที่แล้ว ถึงกลางเดือนมีนาคม ลิเวอร์พูล ยังลุ้นแชมป์ 4 รายการอยู่เลย ลีก คัพสมัยที่ 10 เก็บเข้าตู้โชว์ไปแล้ว เหลือพรีเมียร์ลีก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และเอฟเอ คัพ ให้ไล่ล่า

บรรยากาศเต็มไปด้วยความหวังและความตื่นเต้น ฤดูกาลสุดท้ายของ เยอร์เก้น คล็อปป์ มีโอกาสจะเป็นฤดูกาลที่งดงามที่สุดเท่าที่เคยมีมา

แต่ก็นั่นล่ะครับ ความฝันกับความจริงใช่จะอิงแอบกันเสมอไป ทุกอย่างกลับจบสิ้นลงอย่างรวดเร็วภายในเวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์

โดยไม่มีปี่มีขลุ่ย ลิเวอร์พูล ที่ลุ้นแชมป์ 4 รายการอยู่ดี ๆ แพ้เพียงแค่เกมเดียวในรอบ 3 เดือนทุกรายการ แพ้เพียงแค่เกมเดียวในรอบ 7 เดือนพรีเมียร์ลีกก็พังครืน..

เริ่มต้นจากการตกรอบเอฟเอ คัพที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ต่อด้วยถูกอตาลันต้าบุกถล่มคาแอนฟิลด์ และแพ้คริสตัล พาเลซ แพ้เอฟเวอร์ตัน เสมอเวสต์แฮม ในเกมลีก

4 แชมป์หลุดลอย.. หยาดเหงื่อแรงกายที่ทุ่มเทมาตลอด 7 เดือนนับตั้งแต่เปิดฤดูกาลเดือนสิงหาคมกลายเป็นสูญเปล่า

ถึงกระนั้น.. คำว่าสูญเปล่าสำหรับหลายคนอาจไม่ได้สูญเปล่าสำหรับใครอีกหลาย ๆ คน

ถ้าเรามองที่ตำแหน่งแชมป์หรือโทรฟี่แชมป์มันก็คงจะพูดอย่างนั้นได้ แต่คุณค่าของการต่อสู้นั้นบางทีอาจไม่ได้อยู่ที่ผลลัพธ์จับต้องได้อย่างถ้วยรางวัลเสมอไป

โดยตัวของการต่อสู้เองนั่นแหละที่ทำให้สำหรับหลาย ๆ คนแล้ว 7 เดือนที่เหนื่อยกันมาก่อนร่วงถลาเหมือนหงส์ปีกหัก ไม่ใช่การสูญเปล่าเลย

ผมเองก็เช่นกัน.. ไม่เคยรู้สึกว่าการต่อสู้ของทีมนั้นสูญเปล่า ได้แชมป์หรือไม่ได้แชมป์เป็นเรื่องของเกมกีฬา ไม่มีใครเป็นผู้ชนะเสมอไป และไม่มีใครเป็นผู้แพ้ตลอดไปหรอก

ลิเวอร์พูลอยู่ในสถานการณ์ที่ดีมาก ๆ สำหรับการไล่ล่าความสำเร็จในฤดูกาลนี้ สุดท้ายจะเป็นอย่างไรก็ปล่อยให้เวลามอบคำตอบกับเรา

พอใจและมองด้านบวกในสิ่งที่เป็น มีความสุขกับปัจจุบัน มีความหวังที่ดีสำหรับอนาคต แล้วมารอดูกันว่าการต่อสู้ครั้งนี้จะได้บทสรุปออกมาอย่างไร



ที่มาของภาพ : Gettyimages
BY : ตังกุย
ณัฐพล ดำรงโรจน์วัฒนา
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport