ย้อนไป 2 ปีก่อนตอนช่วงใกล้เทศกาลคริสต์มาส ความเป็นเจ้าของ ลิเวอร์พูล ของ เฟนเวย์ สปอร์ตส์ กรุ๊ป มาถึงจุดสำคัญ เพราะสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนมันเกิดขึ้น
โกลด์แมน แซคส์ กับ มอร์แกน สแตนลี่ย์ 2 ธนาคารสัญชตาอเมริกาได้รับหน้าที่ให้เสาะหาคนที่อยากลงทุนกับสโมสร
จริงอยู่ว่าก่อนหน้านั้น เอฟเอสจี ซึ่งเคยจ่ายเงิน 300 ล้านปอนด์เพื่อซื้อ ลิเวอร์พูล เมื่อเดือนตุลาคม ปี 2010 มีความคิดที่จะขายหุ้นขนาดเล็กมานานแล้ว แต่ที่ต่างกันก็คือหนนี้พวกเขาพร้อมที่จะขายหุ้นทั้งหมดด้วย
ทุกอย่างมันมีที่มา หลังจากเห็น เชลซี ขายทีมให้กับกลุ่มทุนที่นำโดย ท็อดด์ โบห์ลี่ย์ เจ้าของร่วม ลอสแองเจลิส ด็อดเจอร์ส ด้วยราคา 2.5 พันล้านปอนด์เมื่อช่วง 6 เดือนก่อนหน้านั้น และมีความตั้งใจที่จะลงทุนกับโครงสร้างของสโมสรอีก 1.75 พันล้านปอนด์ เอฟเอสจี ก็อยากตั้งราคาที่พอจะทำให้คนอยากซื้อ โดย ฟอร์บส์ ประเมินมูลค่าสโมสร ลิเวอร์พูล เอาไว้ราว 4 พันล้านปอนด์
นอกจากนี้ จูเลี่ยน วอร์ด และ เอียน แกรม ผู้อำนวยการกีฬากับผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยในตอนนั้นต่างยื่นใบลาออกทั้งคู่ด้วย
ขณะที่ทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ก็มีผลงานดูดรอปลงจากเดิม ซึ่งทั้งหมดก่อให้สถานการณ์โดยรวมวุ่นวายมากขึ้นไปอีก
อย่างไรก็ตาม หลังผ่านไป 2 ปี สถานการณ์กลับต่างไปอย่างสิ้นเชิง เอฟเอสจี ยังเป็นหัวเรือใหญ่ของสโมสร และภายใต้การบริหารของพวกเขานั้นยุคใหม่ก็เริ่มขึ้น ลิเวอร์พูล กำลังเป็นจ่าฝูงทั้ง พรีเมียร์ลีก และรอบกลุ่ม แชมเปี้ยนส์ ลีก รวมไปถึงตีตั๋วสู่รอบตัดเชือก คาราบาว คัพ
จากที่หลายคนเคยบอกว่านี่เป็นการผลัดเปลี่ยนยุคที่น่าจะยากที่สุดของทีมใน พรีเมียร์ลีก นับตั้งแต่ที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน วางมือไปจากการคุม แมนยูไนเต็ด ในปี 2013 แต่ตอนนี้ดูเหมือนแทบจะไร้รอยต่อเลยก็ว่าได้
ลิเวอร์พูล 2.0 ของ คล็อปป์ ทำให้ทีมได้กลับไปเล่นในถ้วยใบโตของทวีปยุโรป ก่อนที่ตัวเขาจะบอกลา แอนฟิลด์ ตอนช่วงเดือนพฤษภาคม ซึ่งหลังจากนั้นเป็นต้นมา อาร์เน่อ โค้ชชาวดัตช์ ก็เข้ามาทำการพัฒนาทีมมากกว่าจะเรียกว่าเป็นการปฏิวัติ
นี่คือ ลิเวอร์พูล 2.01 เฮดโค้ชอาร์เน่อ ทำการปรับเปลี่ยนบางจุด แต่เรื่องนักเตะนั้นส่วนใหญ่ยังเหมือนเดิม
ทางกลับกัน เรื่องบุคลากรนอกสนามถือว่าต่างไปจากก่อนหน้านี้
โครงสร้างเรื่องผู้บริหารได้เปลี่ยนไป มีการแต่งตั้งตำแหน่งใหม่ ๆ ขึ้นมา โดยโครงสร้างนี้อยู่ภายใต้การควบคุมของ ไมเคิ่ล เอ็ดเวิร์ดส์ ประธานบริหารด้านฟุตบอลของ เอฟเอสจี ที่กลับมาทำงานให้กับองค์กรเมื่อช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา หลังจากเขาเคยบอกลาตำแหน่งผู้อำนวยการกีฬาของ ลิเวอร์พูล ไปเกือบ 2 ปี
ไม่นานมานี้มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในฝ่ายการเสริมทัพของสโมสร และเรื่องที่ ลิเวอร์พูล จัดการกับด้านการยืมตัวมากขึ้น
ทุกวันนี้ เอฟเอสจี ยังโดนหลายคนตำหนิอยู่ เพราะแฟนบอลบางส่วนไม่พอใจที่พวกเขายังยืนกรานอย่างหนักแน่นที่จะทำรูปแบบธุรกิจในเชิงที่ต้องยืนหยัดด้วยตัวเองให้ได้ รวมถึงไม่ยอมเสี่ยงในตลาดการเสริมทัพมากกว่านี้
ถึงกระนั้น ไม่มีใครกล้าแย้งว่าช่วง 14 ปีที่ แอนฟิลด์ ของ เอฟเอสจี ช่วยทำให้สโมสรเดินไปข้างหน้าได้ดี และตอนนี้ไม่มีทางเลยที่พวกเขาคิดจะขายสโมสร
...
ตอนที่ คล็อปป์ พูดกับลูกทีมในห้องแต่งตัวหลังจบเกมนัดสุดท้ายในการคุม ลิเวอร์พูล เมื่อช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
เขาพูดว่า "พวกนายออกสตาร์ตยุคใหม่ได้ดีมาก ๆ ตอนนี้พวกนายจะได้ประโยชน์จากพลังงานใหม่ ๆ"
ถ้าดูจากสถานการณ์ในตอนนี้นั้นคำพูดดังกล่าวก็เหมือนเป็นคำทำนายโดยชายชื่อ เจอร์เก้น
ถึงตอนนี้มีการนำเสนอไอเดียแบบใหม่ ๆ แต่ทุกอย่างยังได้รับการสนับสนุนด้วยมาตรฐานระดับสูงแบบเดิม
อาร์เน่อ สานต่อจากสิ่งที่ คล็อปป์ ทิ้งเอาไว้ และได้รับความช่วยเหลือจากโครงสร้างที่ เอ็ดเวิร์ดส์ กับ ริชาร์ด ฮิวจ์ส ทำขึ้นมาโดยที่ยึดเอาเขาเป็นศูนย์กลาง
สถานการณ์ตอนนี้ต่างไปจาก 2 ปีก่อนที่มีการพูดถึงความเป็นไปได้ของการขายทีมอย่างหนาหู แถมตอนนันยังมีปัญหาใหญ่ ๆ หลายอย่างทั้งในสนามและนอกสนามที่ต้องสะสาง
ด้วยความที่ตอนนี้ จอห์น เฮนรี่ กับ ทอม เวอร์เนอร์ ต่างอยู่ในช่วงกลาง ๆ ของคนวัย 70 ปีทำให้มันอาจจะไม่น่าแปลกใจถ้าพวกเขาจะปล่อยให้ เอ็ดเวิร์ดส์ รับหน้าที่บริหารด้านฟุตบอลให้กับ เอฟเอสจี แบบเต็มตัว
แต่ตอนนี้ไม่มีข่าวเรื่องการเทคโอเวอร์เลย หรือแม้กระทั่งเรื่องที่ เอฟเอสจี อาจจะยอมลดบทบาทของตัวเอง
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสโมสรบอกกับ ดิ แอธเลติก อีกว่าตอนนี้ไม่มีความคิดที่จะขายทีมแม้แต่นิดเดียว
สโมสรที่ เอฟเอสจี เข้ามาครอบครองเมื่อ 14 ปีก่อนยังอยู่ในมือของพวกเขาอย่างเหนียวแน่น
Ref. The Athletic
HOSSALONSO