ผมนั่งอ่านเรื่องราวต่าง ๆ ของลิเวอร์พูลไปเรื่อย ๆ และกลับไปสะดุดมันอีกครั้ง..
ในวันนี้ลิเวอร์พูลอยู่ในยุคของ อาร์เน่อ ชล็อต เต็มตัว ความห่วงใยกังวลที่เคยเกิดขึ้นสร่างซาลงไปมากแล้ว ชีวิตยังคงก้าวเดินต่อไปและชีวิตหลัง เยอร์เก้น คล็อปป์ มันก็ไม่ได้แย่อย่างที่กังวล
เมื่อลองย้อนกลับไปถึงความตื่นตกใจในวันนั้น เราก็พบว่าเอาเข้าจริงแล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายอย่างที่รู้สึก ไม่ได้เลวร้ายหมองหม่นหรือทุกอย่างอวสานอย่างที่อารมณ์หวั่นไหวยามนั้นแผ่ปกคลุม
แน่ล่ะครับ เราไม่รู้อนาคตหรอกว่าสุดท้ายแล้วจะเป็นอย่างไร เส้นทางที่ชล็อตจะพาทีมไปถึงนั้นอยู่ตรงไหนก็สุดจะคาดเดา เพียงแต่เมื่อถึงตรงนี้ก็คงต้องบอกว่ามีความสบายใจเกิดขึ้นมาก มากจนอาจทำให้เราหลายคนรู้สึกขบขันตัวเองเมื่อย้อนกลับไปนึกถึงความตื่นตูมในเวลานั้นอีกครั้ง
มันเหมือนโลกแตกลงข้างหน้ายังไงยังงั้นจริง ๆ นะ
แต่ในวันนี้เราก็ได้รู้ ได้เห็น ได้เข้าใจมันถ่องแท้ขึ้น สุดท้ายแล้ว คล็อปป์ ก็คือคนที่รู้ดีที่สุด
เขารู้จักตัวเองดีที่สุด และรู้จักทีมดีที่สุด
เขารู้ดีที่สุดว่าเวลาไหนคือเวลาที่เหมาะสมสำหรับความเปลี่ยนแปลงอันจำเป็นสำหรับสโมสร
ไม่ยื้อ ไม่ดึงดัน ไม่แข็งขืนฝืนไป..
กลั้นใจ ตัดใจ และหนักแน่นในการตัดสินใจของตนที่คิดมาเป็นอย่างดีแล้ว
เมื่อถึงเวลาต้องพอ มันก็ต้องพอ แม้ว่าใจจะยังโหยหาปรารถนาเพียงใดก็ตาม
ความรักที่ คล็อปป์ มีต่อลิเวอร์พูลนั้น.. ยิ่งมาถึงวันนี้เราก็ยิ่งเข้าใจมากขึ้นไปอีกว่าเขารักสโมสรแห่งนี้จริง ๆ
รักถึงระดับที่สามารถเสียสละตัวเองได้ ยอมหยุด ยอมพอ เพื่อให้สโมสรเดินหน้าต่อไปด้วยคนที่มอบในสิ่งที่เขาไม่อาจมอบให้ได้แล้ว
มันไม่ใช่เรื่องความสามารถ มันสมอง ความเฉลียวฉลาด ไหวพริบ ความกล้าหาญ หรือปรัชญาในการทำงาน หากเป็นเรื่องพละกำลัง แรงประทุ และการจุดประกายทางความคิดใหม่ ๆ
เขารู้ตัวว่า ณ เวลานั้นเขาพาทีมมาถึงกรอบจำกัดของตัวเองแล้ว อนาคตเขาอาจกลับมาสดชื่นมีชีวิตชีวาพร้อมไอเดียอะไรใหม่ ๆ อีกครั้งก็ได้
เพียงแต่ไม่ใช่ในตอนนั้นที่เขาไม่มีพลังเหลือมากพอที่จะผลักดันทีมต่อไปได้อีกแล้ว
-------------
ย้อนกลับไปดูคำพูดของเขาในวันที่ฟ้าผ่ากลางใจเดอะค็อปทั่วโลกอีกครั้ง ก็ยิ่งเข้าใจถ้อยคำเหล่านั้นมากขึ้น
ณ วันนั้นเราอาจไม่เข้าใจ แต่ในวันนี้ความเข้าใจนั้นแทบจะแทรกซึมลงไปในใจเราเลยล่ะ
"ผมเข้าใจได้นะว่ามันเป็นเรื่องที่ช็อกผู้คนมากมายแค่ไหนเมื่อคุณได้ยินมันเป็นครั้งแรก แต่ผมสามารถอธิบายได้นะ ขอให้ผมได้อธิบายให้พวกคุณได้ฟังหน่อยเถอะ
"ผมรักทุกสิ่งทุกอย่างในสโมสรแห่งนี้ ผมรักทุกสิ่งทุกอย่างของเมือง ๆ นี้ ผมรักทุกสิ่งทุกอย่างในความเป็นกองเชียร์ของเรา ผมรักทีม ๆ นี้ รักทีมงาน รักทั้งหมดเลย แต่กระทั่งผมมีความรู้สึกอย่างนี้ผมก็ยังตัดสินใจแบบนี้ มันย่อมแสดงให้เห็นว่าผมมีสติดีและรู้ตัวดีว่าทำอะไรลงไป
"มันเป็นเพราะผม.. จะพูดยังไงดีล่ะ ผมหมดแรง.. จริง ๆ แล้วผมไม่ได้มีปัญหาอะไรหรอกนะในตอนนี้ ผมรู้มานานแล้วว่าสักวันหนึ่งผมก็ต้องประกาศมันออกมา ตอนนี้ผมยังสบายดีอยู่ แต่ผมก็รู้ว่าตัวเองไม่สามารถทำงานนี้ต่อไปซ้ำแล้วซ้ำอีก ซ้ำแล้วซ้ำอีก ได้อีกแล้ว
"หลายปีที่เราผ่านมันมาด้วยกัน เวลาแล้วเวลาเล่าที่เราใช้มันด้วยกัน สิ่งต่าง ๆ ทั้งหมดที่เราร่วมฝ่าฟันมาด้วยกัน ความเคารพเติบโตขึ้นในตัวคุณ ความรักเติบโตขึ้นในใจคุณ มันทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองต้องซื่อสัตย์กับพวกคุณในความจริงบางอย่าง และเรื่องนี้ก็คือความจริงนั้น
"สำหรับผมมันคือเรื่องสำคัญสุด ๆ ที่สามารถพาทีมกลับมาอยู่บนเส้นทางที่ดีได้ (เวลานั้นลิเวอร์พูลมีลุ้นแชมป์ทั้ง 4 รายการ) แต่เมื่อผมได้รู้สึกตัวว่าทีมชุดนี้มีดีแค่ไหนมีศักยภาพมากเพียงใด อยู่ในกลุ่มอายุที่ยอดเยี่ยม แคแร็กเตอร์โดดเด่น และเรื่องดีอื่น ๆ ผมก็เริ่มคิดถึงตัวเองอีกครั้ง แล้วความรู้สึกนี้ก็เกิดขึ้น มันไม่ใช่สิ่งที่ผมอยากจะทำหรอกนะ แต่มันคือสิ่งที่ผมเชื่อเต็มที่ว่ามันถูกต้องแน่นอนร้อยเปอร์เซนต์
"ตอนนี้เรามาพร้อมเผชิญหน้ากับมันกันเถอะ โลกภายนอกคงอยากจะใช้การตัดสินใจนี้ของผมหัวเราะเยาะเรา สร้างความรำคาญใจให้กับเรา แต่เราคือลิเวอร์พูล เราผ่านช่วงเวลายาก ๆ มาด้วยกันกี่ครั้งแล้ว พวกคุณเองก็ผ่านเวลาที่หนักหนาสาหัสยิ่งกว่านี้มาก่อนผมด้วยซ้ำ
"เรามารับมือกับมันกัน น่าสนุกออกนะ มาร่วมกันเค้นทุกอย่างที่มีออกมาให้หมดในฤดูกาลนี้ แล้วก็มองย้อนกลับมาดูมันอีกครั้งด้วยรอยยิ้ม"
ย้อนกลับไปอ่านแล้วนึกดูอีกครั้ง มันก็เป็นอย่างที่เขาพูดไว้ทั้งหมด ทุกถ้อยคำ เพียงแต่ในวันนั้นเราแค่อาจยังไม่เข้าใจ
ในความจริงแล้ว คล็อปป์จะยังอยู่ต่อก็ได้ สถานะความเป็นที่รักของเขาในแอนฟิลด์ไม่มีวันถูกกระทบอยู่แล้ว แต่มันจะได้ประโยชน์อะไรเมื่อเขามองเห็นมันอยู่ชัด ๆ ว่าทีมจะถูกนำโดยผู้ชายวัยใกล้ 60 ปีคนหนึ่งที่ไม่มีเรี่ยวแรงเหลือพออีกแล้ว
การรู้ตัวเองอย่างรวดเร็ว ซื่อสัตย์ต่อตัวเอง และเปี่ยมด้วยความรับผิดชอบที่มีต่อสโมสรนั่นคือการนำสิ่งที่ดีที่สุดเข้ามาสู่ทีม เมื่อตัดสินใจอย่างเด็ดขาดแล้วเขารีบแจ้งฝ่ายบริหารตั้งแต่เนิ่น ๆ ให้สโมสรมีเวลามากพอในการสรรหาคนใหม่
ในวันนี้ ลิเวอร์พูลอยู่ในมือของคนที่วางใจได้ ทีมยังคงเดินหน้าไปด้วยดี สานต่อทีมที่ "เต็มไปด้วยศักยภาพและแคแร็กเตอร์อันโดดเด่น" อย่างที่เขาพูดเอาไว้
จากวันนั้น สู่วันนี้ และมองไปยังวันข้างหน้า เข้าใจอย่างถ่องแท้ในความรักที่ เยอร์เก้น คล็อปป์ มีให้กับลิเวอร์พูล
ความรักในระดับกล้าหาญพอที่จะปล่อยมือ.. อยากขอบคุณเขาไม่รู้จบสำหรับความรักนี้
วันนี้เขาคงมีความสุขกับงานที่กำลังทำ แต่เมื่อใดก็เมื่อนั้น เดอะค็อปเราคงอยากจะบอกว่า ทุกคราวที่คุณกลับมาเยือน แอนฟิลด์จะยังคงโอบกอดคุณให้แน่นที่สุด
ตังกุย