มาร์คัส แรชฟอร์ด แสดงออกอย่างชัดเจนเรื่องอนาคตกับ แมนยูไนเต็ด หลังเปิดใจเรื่องความพร้อมในการออกไปหาความท้าทายใหม่ !!
"แรชชี่" กับ อเลฮานโดร การ์นาโช่ โดน รูเบน อโมริม ดร็อปออกจากทีมในเกมบุกชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2-1 ที่สนามเอติฮัด สเตเดี้ยม เมื่อวันอาทิตย์ หลังทั้งสองคนทำผลงานได้น่าผิดหวังในช่วงที่ผ่านมา
สถานการณ์ของ แรชฟอร์ด ยิ่งย่ำแย่มากขึ้นเมื่อสื่อหลายสำนักประโคมข่าวว่า แมนยู พร้อมที่จะปักป้ายขายนักเตะออกไป โดยอาจจะเปิดรับข้อเสนอในช่วงระหว่างตลาดพ่อค้าแข้งรอบ 2 เดือนมกราคมนี้เลยก็ได้
ขณะที่ ดาวยิงทีมชาติอังกฤษ วัย 27 ปี ก็เปิดอกยอมรับกับ เฮนรี่ วินเทอร์ นักข่าวคนดังว่าพร้อมที่จะออกไปพบกับความท้าทายใหม่เช่นกัน แล้วถ้านักเตะตัดสินใจอำลาถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด จริงๆ มีความเป็นไปได้ที่เขาจะย้ายไปเล่นกับ 5 สโมสรนี้
1. ปารีส แซงต์-แชร์กแมง
แชมป์ลีก ฝรั่งเศส แสดงความสนใจอยากได้ตัว แรชฟอร์ด มาตลอดช่วง 2-3 ฤดูกาลที่ผ่านมา โดยพวกเขาประทับใจแสนยานุภาพของนักเตะเป็นอย่างดีตอนที่นำ แมนยู ปราบพวกเขาในซีซั่น 2018/2019 และ 2019/2020
"เปแอสเช" ยังไม่มีนักเตะที่สามารถเข้ามาแทนที่ เนย์มาร์ ในตำแหน่แนวรุกฝั่งซ้ายได้เลย แถมทีมยังไม่มี คีลิยัน เอ็มบัปเป้ สตาร์ตัวชูโรง ที่ย้ายไปอยู่กับ เรอัล มาดริด แบบฟรีเอเจนต์ช่วงซัมเมอร์นี้ด้วย
ฉะนั้นการคว้าตัว แรชฟอร์ด มาร่วมทีม นอกจากจะเป็นการดึงสตาร์ฝีเท้าจัดจ้านมาเสริมแกร่งแล้ว ยังเป็นการช่วยเติมเต็มให้แผงกองหน้าของ แซงต์-แชร์กแมง มีความอันตรายมากยิ่งขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ในตอนนี้ด้วย
2. อาร์เซน่อล
นี่เป็นหนึ่งในสโมสรที่มีข่าวอยากได้ตัว แรชฟอร์ด มานานแล้ว แม้พวกเขาจะมีแนวรุกศักยภาพสูงหลายคนอยู่ในทีมก็ตาม แต่ก็ยังต้องการผู้เล่นที่มีความเร็วและอันตรายในการเล่นทางฝั่งซ้ายเพิ่มอีก
มิเกล อาร์เตต้า กุนซือคนหนุ่มไฟแรง มีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะมีขุมกำลังเชิงลึกในแนวรุกที่หลากหลาย และที่สำคัญเขามีความชื่นชอบในตัว แรชฟอร์ด เป็นการส่วนตัวด้วย
ถ้าหาก "แรชชี่" ยังต้องการพิสูจน์ตัวเองในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ต่อไป การย้ายไปค้าแข้งในถิ่นเอมิเรสต์ สเตเดี้ยม ก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจไม่น้อย เพียงแต่ว่า แมนยูไนเต็ด จะกล้าขายผู้เล่นให้กับคู่แข่งหรือเปล่า
3. เชลซี
การย้ายไปเล่นกับ เชลซี เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย เหมือนกับ เจดอน ซานโช่ อดีตเพื่อนร่วมทีมตอนอยู่ แมนยู ที่ย้ายไปได้ดิบได้ดีกับ "สิงห์บลูส์" ภายใต้การกุมบังเหียนของกุนซือเอ็นโซ่ มาเรสก้า
ศักยภาพของ แรชฟอร์ด เหมาะอย่างยิ่งที่จะทำให้แนวรุกของ เชลซี อันตรายมากยิ่งขึ้น และถ้าได้รับการปลุกปั้นจาก มาเรสก้า มีความเป็นไปได้สูงมากๆ ที่นักเตะจะกลับมาโชว์ฟอร์มได้อย่างสุดยอด เหมือนกับ ซานโช่ ในเวลานี้
อย่างไรก็ตาม เชลซี มีผู้เล่นแนวรุกฝั่งซ้ายชั้นยอดหลายคน ทั้ง ซานโช่, ชูเอา เฟลิกซ์ และเปโดร เนโต้ นั่นคงทำให้ สตาร์ชาวอังกฤษ อาจจะต้องเหนื่อยในการแย่งตำแหน่งตัวจริง
4. บาเยิร์น มิวนิค
มหาอำนาจลูกหนังแห่งศึกบุนเดสลีกา เยอรมนี มีข่าวอยากได้ตัว แรชฟอร์ด มาร่วมทั้งตั้งแต่ช่วงต้นฤดูกาลนี้ โดยหวังจะดึงตัวมาประสานงานกับ แฮร์รี่ เคน กองหน้ารุ่นพี่ทีมชาติอังกฤษ
แน่นอนว่าการย้ายมาอยู่กับทัพ "เสือใต้" คงทำให้ แรชฟอร์ด ได้พบกับบรรยากาศใหม่ๆ ที่เต็มไปด้วยความสำเร็จ และยิ่งมี เคน คอยดูแลโอกาสที่เขาจะช่วยเรียกความมั่นใจของนักเตะกลับคืนมาย่อมมีมากยิ่งขึ้น
ขณะเดียวกัน แว็งซองต์ กอมปานี กุนซือ มองว่านักเตะรายนี้มีศักยภาพที่จะพัฒนาได้อีก และจะเป็นหนึ่งในคีย์แมนที่จะนำ บาเยิร์น ทวงคืนความยิ่งใหญ่กลับมา แต่ประเด็นสำคัญก็คือเขาต้องแย่งตำแหน่งกับ คิงส์เลย์ โกมัน และ แซร์จ กนาบรี
5. บาร์เซโลน่า
ทัพ "เจ้าบุญทุ่ม" หวนกลับมาแสดงความสนใจอยากได้ตัว แรชฟอร์ด ไปร่วมทัพอีกครั้ง หลังจากที่พวกเขาพลาดโอกาสในการเซ็นสัญญากับ นิโก้ วิลเลี่ยมส์ แนวรุกจอมพลิ้วจาก แอธเลติก บิลเบา เมื่อช่วงซัมเมอร์
ปัจจุบัน ยอดทีมแห่งแคว้นคาตาลัน มีออกชั่นในตำแหน่งแนวรุกริมเส้นหลายคนก็ตาม แต่จากการที่ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ เริ่มโรยราเนื่องจากอายุ 36 ปีแล้ว ซึ่งหากได้ แรชฟอร์ด มาร่วมทีมก็จะเป็นเรื่องดี เพราะนักเตะมีศักยภาพที่สามารถยืนตำแหน่งหน้าเป้าได้
ยิ่งไปกว่านั้นหาก ดาวเตะดีกรีทีมชาติอังกฤษ วัย 27 ปี ได้ร่วมงานกับ ฮันซี่ ฟลิค เทรนเนอร์ชาวด๊อยท์ช ซึ่งมีแนวคิดเรื่องการเล่นเกมบุกเป็นหลัก น่าจะทำให้เขางัดฟอร์มโหดออกมาได้ยิ่งกว่าเดิมด้วย
ทอมเม้ง