เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่า...
1. หลังจากถูกตัดออกจากทีมชุดบุกเหยียบจมูกอริร่วมเมืองอย่าง แมนซิตี้ ก่อนมีกระแสข่าวตามมาว่า แมนยูไนเต็ด พร้อมปล่อย มาร์คัส แรชฟอร์ด ออกจากทีมในราคาย่อมเยาว์
เมื่อวานเจ้าตัวแสดงความเคลื่อนไหวออกมาด้วยการเชิญคนข่าวระดับ แกรนด์ กูรู อย่าง เฮนรี่ วินเตอร์ มาสอบปากคำ
คีย์ เวิร์ด ที่ถูกตัดออกมานำเสนอจากบรรดาสรรพสื่อจนกลายเป็นข่าวใหญ่คือคำพูดที่ว่า...
"ผมพร้อมแล้วสำหรับความท้าทายใหม่"
อืมมมมมมม...นะ
2.ผมอ่านบทสัมภาษณ์ทั้งหมดอย่างละเอียดแล้วนะครับพลางดูบริบทรอบด้านอย่างถี่ถ้วน
ประโยคนี้ มันตีความเป็นอื่นใดไปไม่ได้เลย นอกจากยอมรับในโชคชะตา
คำถามต่อมาคือแล้วทีมใดจะรับไปอุปการะ ???
ค่าตัวอาจไม่ใช่ปัญหา เพราะ แมนยูไนเต็ด น่าจะยอมขายในราคาถูก เพื่อลดภาระค่าเหนื่อยที่มหาศาลเกินไปจนทำให้ตัวเองลำบาก
เฉพาะอย่างยิ่ง หากไม่ได้ไปเล่นใน 'ยูซีแอล' ที่เป็นแหล่งขุมทรัพย์
ค่าเหนื่อย 3 แสนปอนด์ + โบนัส 7.5 หมื่นปอนด์ต่อสัปดาห์ ถามว่าทีมใดจะยอมวอดวายให้ผู้เล่นที่ชอบลงไปเดินเอ้อระเหยลอยชายในสนาม ???
เห็นจะมีแต่พวกโคตรเศรษฐีที่เมืองทะเลทรายเท่านั้นที่พร้อมจะหน้ามืด แต่มันไม่เร็วเกินไปสำหรับนักเตะที่อายุเพิ่งจะ 27 เหรอ ???
ที่ระยำคือเหลือสัญญากับปีศาจแดงจนถึงเดือนมิถุนายน 2028
3. ผมผู้ซึ่งเอาใจช่วยนักเตะประเภท 'ลูกหม้อ' ทุกตัวที่ถือกำเนิดจากหยดอสุจิของปีศาจแดงเป็นพิเศษมาตลอด
ต่อให้ทำตัวน่าโมโหขนาดไหน ลึกๆ แล้วก็แอบเอาใจช่วยมากกว่าการขับไสไล่ส่ง
มาร์คัส แรชฟอร์ด เป็นผู้เล่นที่มีของนะครับ ทั้งคล่องแคล่วและปราดเปรียว แถมตะบันตาข่ายได้เด็ดขาดและหนักหน่วงดีนักและ
เพียงแต่ใจจิ๋มมดตะนอยไปหน่อย
จังหวะเบียด จังหวะปะทะ การแสดงความมุ่งมั่น และทุ่มเทออกมาไม่ได้ครึ่งของ เวย์น รูนี่ย์
เมื่อถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงจนกระทั่งหลุดออกไปจากสายตาของผู้จัดการทีม ทั้งในระดับสโมสร และทีมชาติ
สิ่งที่ 'แรช' ควรทำคือปรับปรุงตัวด้วยการแสดงความมุ่งมั่นและทุ่มเทให้มากกว่าเดิมทั้งในสนามฝึกซ้อมและในการศึก เพื่อพิสูจน์ตัวเอง และเอาชนะใจผู้เป็นกุนซือให้ได้ เพราะตัวเองมีฝีเท้าอยู่แล้ว
ไม่ใช่ออกมาบอกประมาณว่า...กูยอมแล้ว กูไม่เอาแล้ว กูย้ายก็ได้ครับ !!!
เรียนตามตรงว่ามันแทบไม่ต่างจากตอนที่ เจดอน ซานโช่ ถูก เอริค เทน ฮาก ตัดออกจากทีมในเกมเยือน อาร์เซน่อล เมื่อฤดูกาลที่แล้วนั่นแหละ
คือเลือกที่จะใช้ปากพูดมากกว่าการกระทำ
4.ทางออกของเรื่องนี้
ถ้าไม่ไป ซาอุฯ ก็คงต้องปล่อยให้ทีมอื่นยืมตัวแล้วช่วยจ่ายค่าเหนื่อยส่วนใหญ่เหมือนเดิม
จริงๆ ทางออกง่ายๆ แต่สงสัยจะทำยากคือปรับทัศนคติของตัวเองใหม่แล้วก้มหน้าก้มตาทำงานหนักไปอย่างไม่ย่อท้อ
ตัวอย่างใกล้ๆ ก็มีให้เห็นจาก แฮร์รี่ แม็กไกวร์ และโดยไม่เว้นแม้แต่ อันโตนี่ เดอะ มอนส์เตอร์
ฝีเท้าห่วย แต่อย่างน้อย 'กูสู้' นะโว้ยยย !!!
5.ว่าแล้วก็นึกถึงตอนจบในทีมปีศาจแดงของ ปอล ป๊อกบา หรือ เจสซี่ ลินการ์ด และอีกไปยาล
จริงๆ ผมเห็นใจลูกกรอกคะนองพวกนี้ที่เติบโตขึ้นมาแบกความหวังของบรรดาเด็กผีที่ใจร้อน และต้องการเห็น แมนฯ ยูไนเต็ด กลับมาจากป่าช้าอีกครั้ง
ความยิ่งใหญ่ของปีศาจแดงในอดีตนี่แหละที่ทำให้ดาวรุ่งผู้ขึ้นมาเป็นตัวหลักในทีมชุดใหญ่ประสบกับความกดดันอย่างจงหนัก
แถมยุคสมัยก็เปลี่ยนไป ไม่เหมือนเดิม จากโลกเก่าสู่โลกใหม่
ผมก็เอือมระอากับสิ่งที่ มาร์คัส แรชฟอร์ด แสดงออกมาบนฟลอร์หญ้าเหมือนผู้มีจิตศรัทธาใน เรด เดวิลส์ ส่วนใหญ่นั่นแหละ แถมบ่อยครั้งที่สบถออกมาแบบไม่รู้ตัวว่า...มึงทำเหี้ยอะไรครับเนี่ย ???
เพียงแต่อีกใจหนึ่งก็อดไม่ได้ที่จะแอบเอาใจช่วยจนถ้าอยู่ใกล้ๆ ก็อยากจะบอกมันเหลือเกินว่า...
หนมน้า
ถุย...ไม่ใช่ ผมอยากบอกว่า...
สู้หน่อยดิวะ...ไอ้หอก !!!