กรีดตูดสาบาน !!! ผมไม่คิดไม่ฝันเลยนะครับว่า แมนยูไนเต็ด จะบุกไปเชือดคอหอย แมนซิตี้ ถึงถิ่นพลางฉาบเมืองแมนเชสเตอร์ให้เป็นสีแดงอีกครั้ง
และต่อไปคือสิ่งที่อยากจะป่าวประกาศ
1.รูเบน อโมริม ติดตั้งระบบ 3-4-2-1 เหมือนเดิม โดยปรับ 'หลังสาม' ใหม่อีกครั้งให้ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ เป็นตัวกลาง ขนาบข้างด้วย มาต์ไตส์ เดอ ลิกต์ กับ ลิซานโดร มาร์ติเนซ แล้วขยับ นุสแซร์ มัซราวี ออกไปเป็น วิง-แบ็คขวา
ส่วนทางซ้ายยังคงเป็น ดิโอโก้ ดาโลต์ เหมือนเดิม
ที่น่าแปลกใจคือในรายชื่อตัวสำรองนั้นปราศจาก มาร์คัส แรชฟอร์ด กับ อเลฮานโดร การ์นาโช่ ที่ไม่ได้มีอาการบาดเจ็บ
ในเมื่อไม่อยากเล่นก็ไม่ต้องเล่น ในเมื่อชอบเล่นเพื่อตัวเองมากกว่าเล่นเพื่อทีมก็ไม่ต้องลง ว่าแล้วขอสนับสนุนการตัดสินใจที่เด็ดขาดของกุนซือวัย 39 ขวบผู้นี้แบบเต็มตีน
2.ปีศาจแดงวางแผนมาเล่นเกมรับอย่างรัดกุม
เวลาตั้งรับ วิง-แบ็ค 2 ข้างจะถอยลงต่ำในระนาบเดียวกับเซ็นเตอร์ฯ เพื่อปิดเกมริมเส้นของ แมนซิตี้พลางบีบพื้นที่หน้าประตูให้หนาแน่นมากที่สุด ก่อนรอจังหวะสวนกลับ
ในส่วนของเกมรับทำกันได้ดีมีวินัย ไม่มีอะไรผิดพลาด เล่นเอาเจ้าบ้านแทบหาจังหวะยิงไม่เจอ แต่ก็มาเสียประตูจนได้จากลูกเตะมุม...อีกแล้ว
การป้องกันลูกเตะมุม ไม่ถึงกับผิดพลาดอะไรนะครับ โชคดีเป็นของทีมเรือใบมากกว่าที่ลูกเปิดของ เควิน เดอ บรอยน์ มันแฉลบเปลี่ยนทางไปเข้าหัว ยอสโก้ กวาร์ดิโอล พอดิบพอดี
3. เกมรับอาจเล่นกันได้ดีก็จริง ทว่าเกมรุกของ แมนยูไนเต็ด ก็ไม่ได้คุกคามคู่อริเมืองเดียวกันมากนัก
เวลาฉวยโอกาสเล่นเร็วยังขาดความแน่นอน เวลาเล่นช้าก็เจาะเกมรับเขาไม่เข้า เพราะไม่ค่อยมีความหลากหลายสักเท่าไหร่
อย่างไรก็ตาม
ต่อเมื่อขึ้นนำแล้ว แมนซิตี้ กลับไม่ยอมขย่มใส่แบบเอาให้จมธรณีเหมือนอย่างเคย แถมปรับโหมดมาเล่นอย่างระมัดระวัง เพื่อเน้นผลการแข่งขันชัดเจน
เหตุเพราะฟอร์มหลังยังแกว่งๆ ผลงานห่วยแตก เกมรับเสียประตูง่าย และอุดมด้วยความผิดพลาด
เห็นชัดเลยว่าเล่นกันแบบกล้าๆ กลัวๆ จนสัมผัสได้ถึงอาการเกร็ง
4. ทีนี้มาดู แมนยูไนเต็ด ตอนยังตามหลังบ้าง
ช่วงครึ่งชั่วโมงแรกของครึ่งหลังยังไม่เร่งเกมรุกอะไรมากพลางรอจังหวะอย่างอดทน เพราะตราบใดที่ยังตามแค่ประตูเดียวก็ยังถือว่าอยู่ในเกม
หากผลีผลามดันเกมรุกสูงแล้วถูกนำห่าง 2 ประตู นี่จบเลย
ก่อนจะเฆี่ยนตัวเองแรงขึ้นในช่วง 15 นาทีสุดท้าย
แล้ว 'จุดเปลี่ยน' ก็มาบังเกิด เมื่อ มัตติอัส นูเนส ส่งลูกคืนหลังเบาเกินไปแบบไม่ดูตาม้าตาเรือจนถูก
อาหมัด ดิยัลโล่ ฉกไป ก่อนจะตามมาทำฟาวล์แบบทะเล่อทะล่า...เสียจุดโทษ
และนั่นคือจุดเริ่มต้นความ 'ชิบหายนะคะ' ของ แมนซิตี้
5. การเสียประตูดื้อๆ จากความผิดพลาดของตัวเองอย่างซ้ำซากทำให้เกิดแรงเหวี่ยงแบบคูณสอง
ทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ธาตุไฟแตกจนเตลิดเปิดเปิงไปเลย ตรงกันข้ามกับ แมนยูไนเต็ด ที่กำลังได้ใจอย่างจงหนัก
หลังเสียประตูไม่คาดคิด แมนซิตี้ พยายามจะเอาชนะด้วยการดาหน้าบุกแหลกแบบไร้สติ
หารู้ไม่ว่าทีมสีแดงกำลังรอจังหวะแบบนี้ด้วยแววตาของซาตาน
จังหวะที่ ลิซานโดร มาร์ติเนซ ทิ้งบอลยาวมาหลังไลน์
ไอ้หมัดหมา ดิยัลโล่ มีพื้นที่ว่างมหาศาลเลย 55555
สะใจโว้ยยยยย !!!