ศึกดาร์บี้แมตช์เมืองแมนเชสเตอร์ครั้งที่ 195 จบลงอย่างสนุกเร้าใจเมื่อ แมนยู บุกไปพลิกสถานการณ์แซงชนะ แมนซิตี้ ในช่วงสองนาทีสุดท้ายได้ถึงถิ่น เอติฮัด สเตเดี้ยม ด้วยสกอร์ 2-1 จากการฟาดแข้งเมื่อวันอาทิตย์ที่ 15 ธ.ค. โดย รูเบน อโมริม เพิ่มรอยแค้นให้กับ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ได้อย่างไม่น่าเชื่อ ขณะที่ อาหมัด ประกาศศักดาเป็นหัวใจสำคัญของ ผีแดง อย่างเต็มตัวแล้ว
1. เรือได้ เดอ บรอยน์ บู๊คู่ โฟเด้น เกมแรก
แมนฯ ซิตี้ จัดทัพในแผงรุกได้อย่างที่ กวาร์ดิโอล่า ต้องการเมื่อ เควิน เดอ บรอยน์ กับ ฟิล โฟเด้น สองขุนพลตัวฉกาจสามารถลงเล่นในโผ 11 คนแรกร่วมกันได้เป็นเกมแรกในซีซั่นนี้โดยหนสุดท้ายที่ทั้งสองได้เล่นร่วมกันเป็นเกมเฝ้าบ้านพิชิต เวสต์แฮม 3-1 เมื่อเดือนพ.ค.ซึ่งทำให้ทีมได้แชมป์ พรีเมียร์ลีก เป็นปีที่สี่ติดต่อกัน
พร้อมกันนี้ นายใหญ่กาตาลันได้ จอห์น สโตนส์ ฟิตกลับมารับบทตัวสำรองด้วย รวมทั้งสิ้น เรือใบสีฟ้า เปลี่ยนนักเตะสองรายจากเกม แชมเปี้ยนส์ลีก นัดออกไปแพ้ ยูเวนตุส 2-0 เมื่อวันพุธโดย ริโก้ ลูอิส ที่ติดโทษแบนถูกแทนที่โดย มาเตอุส นูเนส ชณะที่ โฟเด้น เบียด แจ็ค กรีลิช หล่นไปนั่งข้างสนาม
2. ข่าวรั่วผีตรงเป๊ะ-แรชฟอร์ด หลุดจากทีม
ก่อนเกมบุกมาเยือน แมนฯ ซิตี้ ไม่นาน มีข่าวหลุดออกมาเกี่ยวกับโผนักเตะ แมนฯ ยูไนเต็ด 11 คนแรกจาก ซามูเอล ลัคเฮิร์สท์ นักข่าวของ แมนเชสเตอร์ อีฟนิ่ง นิวส์ ซึ่งเจ้าตัวระบุว่าไม่ขอยืนยันว่าเป็นทางการ
อย่างไรก็ดี หลังจาก อโมริม ประกาศรายชื่อนักเตะ ปรากฏว่าเป็นไปตามข่าวรั่่วทุกประการโดย เมสัน เมาท์ กับ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ได้ออกสตาร์ต ขณะที่ มาร์คัส แรชฟอร์ด ไม่มีส่วนร่วมกับเกมจริงตามข่าว
เท่านั้นไม่พอ อเลฮานโดร การ์นาโช่ ซึ่งมีผลงานแย่เช่นเดียวกับสตาร์อิงลิชไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเกมนี้เช่นกันโดยมีการตั้งข้อสังเกตว่าพี่ชายของเขาน่าจะเป็นคนปล่อยข่าวโผรายชื่อทีม ผีแดง ในเกมนี้หลังรับรู้ข้อมูลจากน้องชาย
รวมเบ็ดเสร็จ กุนซือเลือดฝอยทองสลับโผสี่รายจากเกมบุกไปเฉือนชนะ วิคตอเรีย พิลเซ่น 2-1 ในเกม ยูโรปา ลีก เมื่อวันพฤหัสบดีโดยนอกจาก แม็กไกวร์ กับ เมาท์ แล้ว ราสมุส ฮอยลุนด์ ฮีโร่กดสองเม็ดจากเกมดังกล่าว และ มานูเอล อูการ์เต้ ได้ออกสตาร์ต แทน ไทเรลล์ มาลาเซีย , กาเซมีโร่ , โจชัว เซิร์กซี่ และ แรชฟอร์ด
ด้าน แม็กไกวร์ ลงเล่นเกม พรีเมียร์ลีก เป็นนัดที่ 250 เมื่อนับรวมช่วงที่ค้าแข้งกับ ฮัลล์ และ เลสเตอร์ ซิตี้ เข้าไปด้วย
3. เมาท์ จะฟิตกี่โมง?
ไม่รู้ว่าจะผิดแผนไปจากที่ อโมริม วาดหวังหรือเปล่าหลังจากเกมผ่านไปได้แค่ 12 นาที เมาท์ มิดฟิลด์กระดูกเปราะก็กลับไปล้มเจ็บอีกรอบอย่างไวจนถึงกับต้องเปลี่ยนตัวออกให้ ค็อบบี้ เมนู ลงบู๊แทน
เท่ากับว่านับตั้งแต่ย้ายมาจาก เชลซี ดาวเตะเลือดผู้ดียังไม่เคยลงเล่นแบบเต็มเกมให้ ผีแดง เลยแม้แต่นัดเดียวเนื่องจากต้องเยียวยาอาการบาดเจ็บซะเป็นส่วนใหญ่
แม้จะว่าไป อโมริม แสดงเจตนารมณ์ชัดเจนว่าหวังปั้น เมาท์ ให้เป็นคีย์แมนของทีมในตำแหน่งหมายเลข 10 แต่มรดกชิ้นนี้ที่ เอริค เทน ฮาก ทิ้งเอาไว้ให้ดูต่างหน้าไม่มีวี่แววเลยว่าจะตอบแทนเม็ดเงินของ ผีแดง ได้ แถมไม่รู้ว่างวดนี้อดีตสตาร์ทีม สิงห์บลูส์ จะต้องร้างสนามไปอีกนานแค่ไหน
ทำไปทำมา เมาท์ จึงเป็นการเซ็นสัญญาที่เลวร้ายของ แมนฯ ยูไนเต็ด อีกรายเช่นเดียวกับ อันโตนี่ เนื่องจากหนสุดท้ายที่พ่อค้าแข้งวัย 25 ปีเจ้าของค่าตัว 55 ล้านปอนด์อยู่ในสนามครบ 90 นาทีเป็นเกมที่ เชลซี บู๊กับ คริสตัล พาเลซ เมื่อเดือนม.ค.2023
หลังล้มเจ็บในเกมดาร์บี้แมตช์ เมาท์ ลงเล่นเกม พรีเมียร์ลีก ให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ไปทั้งสิ้นแค่ 21 นัดเท่านั้นนับตั้งแต่ย้ายสู่ โรงละครแห่งความฝัน เมื่อ 18 เดือนก่อนหรือช่วงซัมเมอร์ปี 2023
4. จุดอ่อนผีที่แก้ไม่หาย
ชัดเจนอย่างยิ่งว่า แมนฯ ยูไนเต็ด เจอลูกเตะมุมเหมือนเจอระเบิดเพราะเป็นอีกครั้งที่พวกเขาตาข่ายทะลุจากลูกเตะมุมซึ่งทำให้ แมนฯ ซิตี้ ได้ประตูนำไปก่อนจากลูกโขกของ ยอสโก้ กวาร์ดิโอล ในนาทีที่ 36
ถึงตอนนี้ ผีแดง เสียประตูจากลูกเตะมุมในเกม พรีเมียร์ลีก ซีซั่นนี้เป็นลูกที่แปดเข้าไปแล้ว และมีแค่ วูล์ฟส์ ทีมเดียวที่เสียประตูในลักษณะนี้มากกว่า 9 ประตู
แต่หากจะนับเฉพาะช่วงที่ อโมริม เข้ามาคุมทีม แมนฯ ยูไนเต็ด เสียประตูจากลูกเตะมุม 4 ประตูโดยมีแค่ วูล์ฟส์ และ เซาธ์แฮมป์ตัน (6) ที่เสียประตูในลักษณะนี้มากกว่าพวกเขา
นอกจากจะอ่อนหัดในการป้องกันลูกเตะมุมแล้ว แมนฯ ยูไนเต็ด ยังแก้นิสัยเริ่มเกมช่วงครึ่งแรกแบบสุดเนือยเหมือนคนเพิ่งตื่นนอนไม่หายจนต้องเสียประตูให้กับคู่แข่งก่อนหลายเกม แล้วจากนั้นพวกเขาจึงเริ่มวิ่งพล่านเดินเกมรุกอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกับเกมพลิกชนะ แมนฯ ซิตี้
ฉะนั้นแล้ว อโมริม สมควรติวเข้มให้ทีมเล่นกันอย่างคึกคักฮึกเหิมตั้งแต่ออกสตาร์ตเพื่อชิงทำประตูนำหน้าก่อน ไม่ใช่เดินเล่นกันอย่างนวยนาดเหมือนกลัวเสียเหงื่อกระทั่งเสียประตูให้ฝ่ายตรงข้ามอย่างซ้ำซากมาหลายเกมแล้ว
5. อโมริม คิดสั้นเกินไป
แม้สุดท้ายแล้ว อโมริม จะเพิ่มแค้นให้ กวาร์ดิโอล่า ได้หลังเพิ่งพา สปอร์ติ้ง ลิสบอน ถล่ม แมนฯ ซิตี้ จมดิน 4-1 ในเกม แชมเปี้ยนส์ลีก แต่มันเกิดขึ้นในช่วงสองนาทีสุดท้ายซึ่งเกือบเป็นการฆ่าตัวตายของกุนซือโปรตุกีส
ที่ต้องบอกอย่างนั้นก็เพราะเขาตัดสินใจหุนหันพลันแล่นเกินไปที่แม้จะไม่เลือกใช้งาน การ์นาโช่ กับ แรชฟอร์ด แต่อย่างน้อยก็ไม่ควรดร็อปตัวรุกไปพร้อมกันถึงสองรายในเกมดาร์บี้แมตช์แม้ แมนฯ ซิตี้ จะอยู่ในช่วงฟอร์มแย่ก็ตาม แต่ยังไงซะพวกเขาก็ได้เล่นในรังตัวเอง และเกือบเฉือนชนะ ผีแดง ด้วยซ้ำ ดีที่ว่า อโมริม มาได้ความมหัศจรรย์ของ อาหมัด ในช่วงสองนาทีสุดท้ายช่วยพาทีมเก็บสามแต้มได้
แน่นอนว่าแม้ แรชฟอร์ด กับ การ์นาโช่ จะเล่นได้แย่ในหลายเกมหลัง แต่ในเมื่อทั้งสองมีความคล่องตัวเหนือกว่าทั้ง ฮอยลุนด์ และ เซิร์กซี่ อโมริม ก็ควรใส่ชื่อทั้งคู่ให้นั่งข้างสนามเป็นการเผื่อเหลือเผื่อขาดเอาไว้เพื่อเตรียมส่งลงไปพลิกสถานการณ์เนื่องจากการมีดาวยิงทีมชาติ เนเธอร์แลนด์ ที่อืดเป็นเรือเกลือเหลือเป็นอ็อปชั่นเดียว แถมเลี้ยงกินตัวฝ่ายตรงข้ามไม่ได้เป็นเรื่องเสี่ยงเกินไปที่จะพาทีมกำชัยชนะ
อย่างไรก็ดี หลังรอดพ้นการพาทีมแพ้เกม พรีเมียร์ลีก สามนัดซ้อน ผีแดง ชนะเกม พรีเมียร์ลีก นอกบ้านทั้งๆที่โดนยิงนำก่อนได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เกมบู๊กับ แอสตัน วิลล่า วันที่ 9 พ.ค.2021 โดยก่อนหน้านี้มันกินเวลา 17 เกมที่พวกเขาชนะไม่ได้หลังตกเป็นฝ่ายตามหลังในช่วงครึ่งแรก
ด้าน แมนฯ ซิตี้ แพ้เกมเหย้าของ พรีเมียร์ลีก เป็นหนแรกหลังมีสกอร์นำในครึ่งแรกนับตั้งแต่เกมบู๊กับ เชลซี วันที่ 8 พ.ค.2021 (รวม 44 นัดที่ไม่แพ้)
และที่น่าช็อกอย่างแรงก็คือ แมนฯ ซิตี้ ยิงบอลเข้ากรอบไม่ได้เลยแม้แต่หนเดียวช่วงครึ่งหลังกระทั่งพลิกแพ้ แมนฯ ยูไนเต็ด 2-1
รวมแล้ว กวาร์ดิโอล่า คุมทีม เรือใบสีฟ้า แพ้เกม พรีเมียร์ลีก นัดเหย้าเป็นหนที่สี่จาก 105 นัดหากพวกเขาเป็นฝ่ายออกนำในครึ่งแรก (ชนะ 94 เสมอ7) โดยก่อนหน้านี้พวกเขาแพ้ ผีแดง เช่นกัน 3-2 ในเดือนเม.ย.2018