เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ กองหลังลิเวอร์พูล รับตนสุดมีความสุขที่ได้เป็นกัปตันทีม ชี้การเป็นผู้นำคือความรับผิดชอบที่ตนพร้อมแบกรับเต็มที่ เพราะช่วยพัฒนาตัวเองและทำให้มีสมาธิในการเล่น
เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ เซนเตอร์แบ็กกัปตันทีมลิเวอร์พูล ยอมรับตนมีความสุขกับการรับหน้าที่สวมปลอกแขนผู้นำทัพ "หงส์แดง" และยินดีไม่มีปัญหาที่ต้องรับผิดชอบตำแหน่งนี้เพราะช่วยยกระดับความเป็นผู้นำทั้งในและนอกสนามของตน
ปราการหลังชาวดัตช์ เป็นหนึ่งในนักเตะระดับผู้นำมาตั้งแต่ย้ายจาก เซาธ์แฮมป์ตัน มาเล่นในถิ่นแอนฟิลด์เดือนมกราคมปี 2018 โดยเขาได้รับการแต่งตั้งให้ทำหน้าที่กัปตันทีมอย่างเป็นทางการในปี 2023 หลังจาก จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ตัดสินใจอำลาทัพ "หงส์แดง"
ฟาน ไดค์ มีความรับผิดชอบในฐานะผู้นำทีมตั้งแต่ที่ได้สวมปลอกแขนกัปตันตอนเล่นให้ วิลเล่ม ทเว รุ่นยู-19 และไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลยที่เขามีนักกีฬาอย่าง โรเจอร์ เฟเดอเรอร์, เลบรอน เจมส์ และ ทอม เบรดี้ เป็นแรงบันดาลใจ
ดาวเตะทีมชาติเนเธอร์แลนด์ เป็นคนที่มีความเข้มงวดในการเล่นอย่างมากโดยความผิดพลาดเพียงเล็กๆ น้อยๆ เจ้าตัวได้ลั่นวาจาจะไม่ให้เกิดขึ้นซ้ำอีกต่อไป และนั่นคือเหตุผลที่ทำให้เขาเป็นหนึ่งในเซนเตอร์แบ็กที่เก่งที่สุดในยุคของเขา
ด้วยผลงานชิ้นโบว์แดงในฤดูกาลนี้ทำให้ ฟาน ไดค์ ได้รับคำชื่นชมอย่างมากโดยเฉพาะในเกมที่ชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ บรรดาคอลูกหนังต่างยกย่องว่าเขายกระดับฝีเท้ามากยิ่งขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า และมีส่วนทำให้ "หงส์แดง" รั้งจ่าฝูงทั้งในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ รวมทั้ง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ ลีก เฟส ด้วย
แม้จะได้รับการยกย่องอย่างมากแต่ ฟาน ไดค์ ยืนยันว่าเขายังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาตัวเองและเพื่อนร่วมทีมให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม "ผมมีความสุขจริงๆ กับสิ่งนี้ (กัปตันทีม) มันทำให้ผมมีสมาธิ ผมรู้สึกถึงความรับผิดชอบตั้งแต่สมัยที่เป็นวัยรุ่นแล้ว"
"ผมเป็นกัปตันทีมครั้งแรกตอนเล่นให้ วิลเล่ม ทเว รุ่นยู-19 ในฤดูกาลสุดท้ายของผมก่อนที่ผมจะย้ายทีม เมื่อได้อยู่ในตำแหน่งนี้ผมรู้สึกได้ถึงความรับผิดชอบ ผมรู้สึกได้ว่าผมทำได้ และผมเติบโตมากยิ่งขึ้น ผมสนุกกับบทบาทนี้จริงๆ มันทำให้ผมมีสมาธิ และพร้อมที่จะแสดงผลงานให้เต็มที่ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นก็ตาม"
"ทุกๆ คนคาดหวังในตัวผม รวมทั้งเพื่อนร่วมทีมด้วย และนี่คือมาตรฐานที่ผมตั้งเอาไว้ และผมชอบมากๆ แต่แน่นอนว่าผมต้องรักษามาตรฐานระดับสูงเอาไว้ ผมอยากลงเล่นด้วยฟอร์มการเล่นที่ดีที่สุดเสมอ นั่นคือเป้าหมายของผม"
"ความผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ แม้จะไม่โดนมองว่าเป็นความผิดพลาดแต่สิ่งที่ผมเห็นมันคือความผิดพลาด แน่นอนว่ามันสามารถผุดขึ้นในใจผม และความคิดต่อไปก็คือ -เรื่องนี้จะไม่เกิดขึ้นอีกครั้ง- ผมต้องแก้ไขและก้าวต่อไป คุณต้องเป็นตัวอย่างที่ดี และเป็นตัวอย่างของความเป็นผู้นำ คุณต้องพบกับการแก้ปัญหาที่แตกต่างเมื่อคุณตกอยู่ภายใต้แรงกดดัน" กองหลังวัย 33 ปี ร่ายยาว