นักฟุตบอลอาชีพหลังจากแขวนสตั๊ดแล้วส่วนใหญ่จะหันกลับไปทำงานด้านโค้ช โดยมีผู้เล่นระดับสตาร์พรีเมียร์ลีกหลายคนที่มีโอกาสได้คุมสโมสรในลีกสูงสุดเมืองผู้ดี ล่าสุดก็คือ รุด ฟาน นิสเตลรอย ที่เพิ่งรับงานกุมบังเหียนเลสเตอร์ ซิตี้ แบบถาวร
ก่อนหน้านี้มีอดีตสตาร์ดังในวงการลูกหนังที่เคยโลดแล่นในเกมลีกสูงสุดประเทศอังกฤษ จำนวนมากกว่าครึ่งร้อยที่ได้กลับมาโชว์กึ๋นในฐานะกุนซือ และมีบางคนก็ไปได้สวยถึงขนาดประสบความสำเร็จคว้าแชมป์เลยทีเดียว
อย่างไรก็ตามมีหลายคนที่ต้องชอกช้ำระกำใจไม่ว่าจะคุมทีมร่วงตกชั้น หรือบางรายก็โดนเฉดหัวออกจากสโมสรเพราะทำผลงานได้น่าผิดหวัง งานนี้ลองมาพิจารณาอดีตนักเตะระดับสตาร์ 15 รายที่มีโอกาสได้ทำงานคุมทีมในศึกพรีเมียร์ลีก แล้วบทสรุปจะเป็นยังไงไปเช็คกันเลย
1. โรแบร์โต้ มันชินี่
เคยเล่นกับสโมสร : เลสเตอร์ ซิตี้
คุมทีม : แมนเชสเตอร์ ซิตี้
คะแนนเฉลี่ยในการคุมทีมต่อเกม : 2.05
นี่คือผู้จัดการทีมที่มีความทันสมัยที่สุดในหน้าประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีกที่เคยคุม แมนซิตี้ จนก้าวขึ้นมาสร้างความยิ่งใหญ่ในวงการลูกหนังเมืองผู้ดี ลีลาการคุมทีมและการฉลองชัยชนะด้วยการล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงยังคงตราตรึงแฟนบอล "เรือใบสีฟ้า" อยู่เสมอ การทำงานให้กับทีมในช่วงระหว่างปี 2009-2013 เต็มไปด้วยความทรงจำที่งดงามโดยเฉพาะการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ในฤดูกาล 2011/2012 และ เอฟเอ คัพ ซีซั่น 2010/2011 ฉะนั้นนี่คือกุนซือที่สาวก "สำเภาทอง" ยังคงรักไม่เสื่อมคลาย
2. มิเกล อาร์เตต้า
เคยเล่นกับสโมสร : เอฟเวอร์ตัน, อาร์เซน่อล
คุมทีม : อาร์เซน่อล
คะแนนเฉลี่ยในการคุมทีมต่อเกม : 1.96
หลังจากที่ฝึกปรือฝีมือกับ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เป็นเวลาหลายปี อาร์เตต้า ตัดสินใจเข้ามารับงานคุม อาร์เซน่อล และผลงานก็ไม่ธรรมดาเมื่อนำทีมคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ ในซีซั่นแรกที่คุม จากนั้นเบียดลุ้นแชมป์ลีกสูงสุดเมืองผู้ดีกับ แมนซิตี้ 2 ฤดูกาลที่ผ่านมา สำหรับซีซั่นนี้ นายใหญ่ชาวสแปนิช ยังคงนำ "เดอะ กันเนอร์ส" ลุ้นแชมป์อีกครั้ง แม้ฟอร์มกระท่อนกระแท่นไปบ้าง แต่ก็ยังคงเป็นทีมที่อันตรายอย่างยิ่งโดยเฉพาะลูกตั้งเตะ
3. จานลูก้า วิอัลลี่
เคยเล่นกับสโมสร : เชลซี
คุมทีม : เชลซี
คะแนนเฉลี่ยในการคุมทีมต่อเกม : 1.77
เชลซี ประสบความสำเร็จกับ รุด กุลลิท ที่เป็นทั้งผู้เล่น-ผู้จัดการทีม แต่หลังจากที่ วิอัลลี่ เข้ามากุมบังเหียน ทัพ "สิงโตน้ำเงินคราม" ประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้น โดยบทพิสูจน์ก็คือการนำทีมคว้าแชมป์ลีก คัพ (คาราบาว คัพ), คัพ วินเนอร์ส คัพ (ยกเลิกการแข่งขันไปแล้ว) และ เอฟเอ คัพ แน่นอนว่านี่คือหนึ่งในกุนซือที่นำความสำเร็จมาสู่ทีม แม้ปัจจุบันเขาจะจากโลกนี้ไปแล้ว แต่สาวก "สิงห์บลูส์" ยังคงรักระลึกถึงอยู่เสมอ
4. รุด กุลลิท
เคยเล่นกับสโมสร : เชลซี
คุมทีม : เชลซี, นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด
คะแนนเฉลี่ยในการคุมทีมต่อเกม : 1.43
ตำนานดาวเตะ "งูเก็งก็อง" นำทีมคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ ในฐานะผู้เล่น-ผู้จัดการทีม ในปี 1998 และนำสโมสรจบอันดับ 4 ซึ่งถือว่าเป็นอันดับสูงสุดของพวกเขาในเกมพรีเมียร์ลีก ช่วงเวลานั้น แต่น่าเสียดายที่ทำงานได้ไม่นานหลังมีปัญหากับบอร์ดบริหารทำให้ต้องอำลาทีมไป แต่หลังจากนั้นไม่นานก็ได้รับโอกาสให้คุม นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด และเพียงซีซั่นแรกก็นำทีมเข้าชิง เอฟเอ คัพ ในปี 1999 แต่แพ้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
5. รุด ฟาน นิสเตลรอย
เคยเล่นกับสโมสร : แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
คุมทีม : แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, เลสเตอร์ ซิตี้
คะแนนเฉลี่ยในการคุมทีมต่อเกม : 2.33
"น้ารุด" เข้ามาทำงานกับ แมนยู ในฐานะผู้ช่วยของ เอริค เทน ฮาก ก่อนจะได้รับการแต่งตั้งให้คุมทีมชั่วคราวแทนลูกพี่ที่โดดเด้งกลางอากาศในช่วงต้นฤดูกาลนี้ โดยผลงานในลีกกับ "ผีแดง" ถือว่ายอดเยี่ยมชนะ 1 เสมอ 1 หลังจากหมดภารกิจกับทีมรัก จากนั้นก็ได้รับการแต่งตั้งคุม เลสเตอร์ โดยแมตช์ประเดิมคุมทัพ "จิ้งจอกสยาม" แบบถาวรก็โชว์กึ๋นนำทีมไล่ยำ เวสต์แฮม สบายเกือก แต่กระนั้นนี่คือการคุมทีมระดับลีกสูงสุดเพียงแค่ 3 เกมของ ฟาน นิสเตลรอย (รวมแมนยูและเลสเตอร์) นั่นหมายความว่าค่าเฉลี่ยของเขาอาจจะเพิ่มหรือลดลงก็ได้ในอนาคต
6. โอเล่ กุนนาร์ โซลชา
เคยเล่นกับสโมสร : แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
คุมทีม : คาร์ดิฟฟ์, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
คะแนนเฉลี่ยในการคุมทีมต่อเกม : 1.65
"น้าลูกอม" คือผู้จุดประกายวลีเด็ดของเหล่าสาวก "เร้ด อาร์มี่" ว่า "ปลุกปีศาจต้องใช้ปีศาจ" โดยเขาเข้ามาคุมทีมในฐานะกุนซือชั่วคราวแทน โชเซ่ มูรินโญ่ และผลงานก็โดดเด่นจนได้รับสัญญาถาวร แต่หลังจากนั้นฟอร์มของ แมนยูไนเต็ด ค่อยๆ สาละวันเตี้ยลงอย่างต่อเนื่อง บทสรุปก็คือการโดนเด้ง สิ่งที่แฟนบอล "ผีแดง" จดจำได้ไม่มีวันลืมก็คือลีลาการนั่งนิ่งๆ และดูหน้าจอทีวีอยู่ข้างสนามไม่มีลุกขึ้นมากระตุ้นลูกทีม
7. ปาทริค วิเอร่า
เคยเล่นกับสโมสร : อาร์เซน่อล, แมนเชสเตอร์ ซิตี้
คุมทีม : คริสตัล พาเลซ
คะแนนเฉลี่ยในการคุมทีมต่อเกม : 1.15
ในฐานะนักเตะ วิเอร่า คือตำนานของ อาร์เซน่อล ความสำเร็จกับทีมโดยเฉพาะชุดแชมป์ไร้พ่ายยังคงอยู่ในความทรงจำของแฟนบอลทุกสโมสร แต่หลังจากแขวนสตั๊ดและเข้ามาทำงานกุนซือผลงานของเขาไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ยิ่งตอนคุม คริสตัล พาเลซ ถือว่าย่ำแย่สุดๆ และการนำทีมไร้ชัยชนะ 12 เกม นั่นคงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ "ดิ อีเกิ้ลส์" ปลดเขาออกจากตำแหน่ง จากนั้นก็ได้รับโอกาสคุม สตาร์สบวร์ก แต่ก็ต้องแยกทางกันด้วยความยินยอมพร้อมใจหลังจบซีซั่นที่ผ่านมา ปัจจุบันรับงานคุมเจนัว และค่อนข้างไปได้สวยซะด้วย
8. โรแบร์โต้ ดิ มัตเตโอ
เคยเล่นกับสโมสร : เชลซี
คุมทีม : เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน, เชลซี
คะแนนเฉลี่ยในการคุมทีมต่อเกม : 1.42
นี่คืออีกหนึ่งนักฟุตบอลที่สร้างผลงานชิ้นโบว์แดงกับ เชลซี และยิ่งใหญ่เป็นทวีคูณจากการคุม "สิงห์บลูส์" ด้วยการนำทีมคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในฤดูกาล 2011/2012 ซึ่งเป็นสมัยแรกในหน้าประวัติศาสตร์สโมสร รวมทั้งได้แชมป์ เอฟเอ คัพ ด้วย แม้สถิติในการคุมทีมในลีกจะไม่ค่อยสวยหรู แต่สำหรับสาวก "สิงโตน้ำเงินคราม" กุนซือชาวอิตาเลียนคือบุคคลที่ยิ่งใหญ่ของสโมสร
9. จานฟรังโก้ โซล่า
เคยเล่นกับสโมสร : เชลซี
คุมทีม : เวสต์แฮม ยูไนเต็ด
คะแนนเฉลี่ยในการคุมทีมต่อเกม : 1.10
ไม่ต้องอธิบายความยิ่งใหญ่ของเขาสมัยเล่นให้ เชลซี แต่การคุม เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ต้องบอกว่าไปได้สวยเมื่อนำทัพ "ขุนค้อน" ขึ้นไปอยู่ในระดับครึ่งบนของตารางลีกในการคุมซีซั่นแรกของลีกสูงสุดเมืองผู้ดี ก่อนจะอำลาทีมเมื่อจบฤดูกาลที่สอง หลังพวกเขาสุ่มเสี่ยงที่จะตกชั้น
10. สตีเว่น เจอร์ราร์ด
เคยเล่นกับสโมสร : ลิเวอร์พูล
คุมทีม : แอสตัน วิลล่า
คะแนนเฉลี่ยในการคุมทีมต่อเกม : 1.16
ตำนานกัปตันทีมลิเวอร์พูล สร้างความโดดเด่นในการคุมทีมด้วยการนำ เรนเจอร์ส คว้าแชมป์สกอตติช พรีเมียร์ลีก ประเทศสกอตแลนด์ เป็นสมัยแรกในรอบทศวรรษ และนั่นทำให้เขามีโอกาสได้คุม แอสตัน วิลล่า แต่ผลงานไม่ค่อยดีเท่าไหร่ จนโดนปลดออกจากตำแหน่ง ส่วนคนที่เข้ามาแทนก็คือ อูไน เอเมรี่ ที่สามารถนำทีมขยับอันดับจนได้เล่นฟุตบอลถ้วยยุโรป และจากนั้นก็เข้าไปเล่นในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ส่วน "สตีวี่จี" ตอนนี้ชีวิตกุนซือที่อัล เอตติฟาค ก็ลุ่มๆ ดอนๆ มีแววจะโดนไล่ออกหลังผลงานน่าผิดหวังเมื่อไร้ชัยชนะ 9 เกมที่ผ่านมา
11. แว็งซ็องต์ กอมปานี
เคยเล่นกับสโมสร : แมนเชสเตอร์ ซิตี้
คุมทีม : เบิร์นลี่ย์
คะแนนเฉลี่ยในการคุมทีมต่อเกม : 0.63
ตำนานกัปตันทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เป็นหนึ่งในผู้เล่นคีย์แมนสำคัญของ "เรือใบสีฟ้า" ในยุคทองของพวกเขา แต่หลังจากแขวนสตั๊ดก็หันไปทำงานโค้ง และดูเหมือนจะไปได้สวยเมื่อสามารถนำ เบิร์นลี่ย์ คว้าแชมป์เดอะ แชมเปี้ยนชิพ ในซีซั่น 2022/2023 พร้อมเลื่อนชั้นไปเล่นในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ แต่ผลงานในลีกสูงสุดน่าผิดหวังจนสุดท้ายโดนปลด แต่กระนั้นด้วยลีลาและสไตล์การคุมทีมที่ถอดแบบมาจาก เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ลูกพี่เก่าของเขา ทำให้ บาเยิร์น มิวนิค ลองเสี่ยงดึงตัวมาคุมทีม และตอนนี้สามารถนำทัพ "เสือใต้" รังจ่าฝูงศึกบุนเดสลีกา เยอรมนี ได้อย่างสุดยอด
12. รอย คีน
เคยเล่นกับสโมสร : น็อตติงแฮม ฟอเรสต์, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
คุมทีม : ซันเดอร์แลนด์
คะแนนเฉลี่ยในการคุมทีมต่อเกม : 1.02
ไนออล ควินน์ ประธานสโมสรซันเดอร์แลนด์ สมัยที่ รอย คีน กุมบังเหียน "แมวดำ" ให้เหตุผลที่ ตำนานกัปตันทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดนไล่ออกเพราะเขาไม่สามารถรับมือกับงานที่ตึงเครียดได้ สำหรับตอนนี้ "คีโน่" ยังไม่ได้หวนกลับไปรับงานกุมบังเหียน เพราะกำลังสนุกกับการทำหน้าที่เป็นกูรูลูกหนัง ซึ่งเจ้าตัวทำได้ดีมากๆ จนหลายคนต้องซูฮกในเรื่องฝีปาก และการแสดงความเห็นที่เฉียบคม
13. แกเร็ธ เซาธ์เกต
เคยเล่นกับสโมสร : คริสตัล พาเลซ, แอสตัน วิลล่า, มิดเดิลสโบรช์
คุมทีม : มิดเดิลสโบรช์
คะแนนเฉลี่ยในการคุมทีมต่อเกม : 1.05
อันดับ 12 ในฤดูกาลแรก และทีมร่วงตกชั้นในซีซั่นถัดมา จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาจะต้องอำลา "เดอะ โบโร่" แต่ผลงานในระดับสโมสรเทียบไม่ได้เลยกับผลงานในการคุมทีมชาติอังกฤษ เพราะ เซาธ์เกต ถือเป็นผู้จัดการทีมที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดกับทัพ "ทรี ไลอ้อนส์" นับตั้งแต่เซอร์ อัล์ฟ แรมซี่ย์ นำทีมคว้าแชมป์โลกในปี 1966 โดยเฉพาะการนำชาติบ้านเกิดเข้าชิง ยูโร 2 สมัยติดต่อกัน ( 2020 และ 2024) แต่น่าเสียดายที่ได้แค่รองแชมป์เท่านั้น
14. โทนี่ อดัมส์
เคยเล่นกับสโมสร : อาร์เซน่อล
คุมทีม : พอร์ทมัธ
คะแนนเฉลี่ยในการคุมทีมต่อเกม : 0.67
หนึ่งในตำนานนักเตะระดับพรีเมียร์ลีก อังกฤษ คุม พอร์ทสมัธ คว้าชัยชนะแค่ 2 เกมจาก 16 แมตช์เท่านั้น และคงไม่ต้องคาดเดากันว่าเขาจะเจอกับอะไรตอนที่กลับเข้าไปที่ห้องทำงานในช่วงเช้าวันจันทร์ !!!
15. อลัน เชียเรอร์
เคยเล่นกับสโมสร : แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส, นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด
คุมทีม : นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด
คะแนนเฉลี่ยในการคุมทีมต่อเกม : 0.63
เจ้าของสถิติดาวซัลโวตลอดกาล พรีเมียร์ลีก ด้วยจำนวน 260 ประตู เคยออกมายอมรับอย่างน่าชื่นตาบานว่าผลงานในการคุมนิวคาสเซิ่ล สุดอนาถเหลือเกิน ซึ่งก็เป็นอย่างที่เจ้าตัวบอกเพราะการคว้าชัยชนะ 1 เกมและยิงได้แค่ 4 ประตูจาก 8 แมตช์ คงไม่โค้ชคนไหนของ "สาลิกาดง" ทำได้แบบ "ฮอตชอต" อีกแล้ว
ทอมเม้ง