มิเกล อาร์เตต้า กุนซือ อาร์เซน่อล ระบุ ทีมของตนมีเกมรุกที่ดีในทุกด้าน พร้อมยืนกรานว่าไม่ได้สั่งให้ลูกทีมพยายามเน้นเรียกลูกเตะมุมให้ได้แต่อย่างใด
มิเกล อาร์เตต้า ผู้จัดการทีม อาร์เซน่อล กล่าวว่าทีมของตนไม่ได้มีดีแค่ลูกเซตพีซแต่อย่างใด หลังจากได้ 2 ประตูจากลูกเตะมุมในเกม พรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัดที่เปิดรัง เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม เอาชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2-0
อาร์เซน่อล ขึ้นชื่อเรื่องเก่งกาจในเรื่องลูกเซตพีซมาพักใหญ่แล้ว และนัดล่าสุดพวกเขาก็ตอกย้ำในเรื่องนั้นหลังทั้ง 2 ประตูมีจุดเริ่มต้นมาจากลูกเตะมุม โดยถ้านับตั้งแต่ตอนเริ่มฤดูกาลก่อน "ไอ้ปืนใหญ่" ก็ได้ประตูจากลูกเซตพีซมากถึง 22 ลูกเข้าไปแล้ว
หลังโดนถามว่าทำไม อาร์เซน่อล ถึงยังพัฒนาเรื่องการเล่นลูกเซตพีซได้อย่างต่อเนื่องแล้วนั้น อาร์เตต้า ก็แย้งว่า "ฤดูกาลก่อนเราทำประตู (ต่อ 1 ฤดูกาล) ได้เยอะที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสรฟุตบอลแห่งนี้ ซึ่งมันไม่ได้มาจากลูกเซตพีซเท่านั้น แต่ที่เราทำประตูได้เยอะมันเป็นเพราะเรามีคุณภาพหลายด้าน เราอยากสร้างจังหวะการเล่นที่สวยงาม นักเตะหลายคนก็เก่งพอที่จะทำประตูด้วยตัวเองได้"
"เราทำประตูได้ทั้งจากการเล่นสวนกลับเร็วไม่ว่าจะเป็นจากการผ่านบอลระยะสั้นหรือระยะยาว, จากการค่อยๆ ขึ้นเกม, จากการเริ่มเกมกันอีกครั้ง และจากโอกาสที่เปิดพื้นที่ว่างของคู่แข่ง เราต้องใช้ประโยชน์จากทุกๆ จังหวะการเล่นอย่างเต็มที่, เดินหน้ากันต่อไป และปรับปรุงกันต่อไป"
"แน่นอนว่าเราต้องการสิ่งนั้น (ความอันตรายจากการเล่นลูกเซตพีซ) ด้วย ผมคิดว่าเราอยากมีความอันตรายมากๆ และมีประสิทธิภาพที่ดีจากการเล่นทุกรูปแบบ วันนี้เรามีโอกาสทำประตูจากจังหวะโอเพ่นเพลย์เหมือนที่ทำได้ในเกมกับ เวสต์แฮม และ สปอร์ติ้ง เหมือนกัน"
"ทีมของเรามีความเชื่อว่าเราสามารถสร้างความอันตรายให้คู่แข่งได้จากการเล่นทุกรูปแบบ และพยายามที่จะทำประตูให้ได้ วันนี้เราได้ 2 ประตูจากลูกเซตพีซ จากการที่เราได้เล่นลูกเตะมุมรวมทั้งหมด 13 ครั้ง เราต้องเรียนรู้ให้เยอะจากจุดนั้น"
อาร์เตต้า ยืนกรานด้วยว่าไม่ได้สั่งให้ บูกาโย่ ซาก้า และ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ จงใจเรียกลูกเตะมุมด้วยการให้ทั้งคู่ขยับมาเล่นแถวริมเส้นเป็นหลักเหมือนที่ รูเบน อโมริม กุนซือ แมนยูไนเต็ด ให้ความเห็นแต่อย่างใด "เราไม่ได้ใช้แผนแบบนั้นเลย เราใช้แผนที่ให้ปีกหุบเข้ามาด้านใน"
"อีกฝั่งให้นักเตะเข้าไปอยู่ด้านในเยอะมากๆ ดังนั้นข้างในเลยไม่มีพื้นที่เยอะเท่าไหร่ แต่ในขณะเดียวกันมันก็มีพื้นที่เยอะให้กับนักเตะในตำแหน่งฟูลแบ็กได้เล่น หรือไม่ก็ทำให้นักเตะประเภทเบอร์ 6 กับเบอร์ 9 ขยับออกมาเล่นด้านนอกได้เช่นกัน เราจำเป็นต้องมองในทุกมุม เราปรเมินกันว่าตรงไหนที่อาจจะเป็นจุดอ่อนอของอีกฝ่าย และเราจะฉวยประโยชน์จากจุดอ่อนของคู่แข่งตรงไหนได้บ้าง"