แมนยู ของกุนซือ รูเบน อโมริม หนีไม่พ้นต้องประสบกับความปราชัยเป็นเกมแรกจนได้หลังบุกมาโดนลูกเตะมุมของ อาร์เซน่อล เล่นงานสองครั้งก่อนพ่ายไปด้วยสกอร์ 2-0 ในเกม พรีเมียร์ลีก ที่สนาม เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม เมื่อวันพุธที่ 4 ธ.ค.โดย เดอะ กันเนอร์ส เก็บสามแต้มลดช่องว่างจาก ลิเวอร์พูล ทีมจ่าฝูงที่ออกไปเจ๊ากับ นิวคาสเซิ่ล แบบสุดมัน 3-3 ในวันเดียวกันลงได้เช่นกัน
1. ปืนใหญ่ไร้ กาเบรียล
อาร์เซน่อล ประสบกับปัญหาขาด กาเบรียล เซ็นเตอร์ฮาล์ฟคนสำคัญที่บาดเจ็บ ส่งผลให้ มิเกล อาร์เตต้า นายใหญ่สแปนิชส่ง ยาคุบ คิวิออร์ ลงบู๊
นอกจากนี้ ริคคาร์โด้ คาลาฟิออรี่ ที่เจ็บและโดนเปลี่ยนตัวออกช่วงครึ่งหลังเกมบุกไปถล่ม เวสต์แฮม 5-2 เช่นกันพลาดเกมนัดนี้อีกรายโดยมี โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ ได้เสียบแทน
รวมแล้วเจ้าบ้านปรับทัพสี่จุดโดยได้ โธมัส ปาร์เตย์ หายเจ็บกลับมาลงบู๊แทน จอร์จินโญ่ ขณะที่ เลอันโดร ทรอสซาร์ เสียตำแหน่งให้กับ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ ส่วน มิเกล เมริโน่ ที่พลาดเกมบู๊กับ ขุนค้อน เนื่องจากมีปัญหาที่เข่ากลับมารับบทตัวสำรองได้
2. อโมริม โรเตชั่นหกตำแหน่ง
รูเบน อโมริม กุนซือทีม แมนฯ ยูไนเต็ด ยังปรับโผตัวจริงแบบอุตลุตหกรายอีกหน
นายใหญ่โปรตุกีสจัดทัพชนิดพลิกความคาดหมายโดยจับ มาร์คัส แรชฟอร์ด นั่งเป็นตัวสำรองเช่นเดียวกับ โจชัว เซิร์กซี่ ขณะที่ ราสมุส ฮอยลุนด์ ได้กลับมาออกสตาร์ตเช่นเดียวกับ เมสัน เมาท์
เท่านั้นไม่พอ อาหมัด ดิยัลโล่ หล่นไปนั่งในซุ้มเช่นกัน ขณะที่ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ได้ลงเล่นแทน ลิซานโดร มาร์ติเนซ ที่ติดโทษแบนเช่นเดียวกับ ไทเรลล์ มาลาเซีย ที่กลับมาเป็นตัวจริงเนื่องจาก ลุค ชอว์ เจ็บซ้ำอีกรอบ
อย่างไรก็ดี ผีแดง ได้ เลนี่ โยโร่ กองหลังเฟรนช์แมนฟิตสมบูรณ์มีชื่ออยู่ในเกมอย่างเป็นทางการนัดแรก
3. ครึ่งแรกผีเอาอยู่
ก่อนเกมเริ่มต้น มีการคาดหมายกันว่า อาร์เซน่อล น่าจะเล่นได้เหนือกว่าหลาบขุม แต่เอาเข้าจริงมันผิดคาดไม่น้อยแม้เกมจะจบลงแบบน่าเบื่อด้วยผลเสมอ 0-0 เนื่องจากต่างก็ทำอะไรกันแทบไม่ได้เลยโดยต่างก็โชว์ฟอร์มได้อย่างไม่เป็นชิ้นเป็นอัน
ทั้งนี้และทั้งนั้นต้องยกเครดิตให้ อโมริม ด้วยว่าวางแผนมาดีที่ไม่เปิดโอกาสให้เจ้าบ้านทำเกมรุกได้อย่างไหลรื่นซึ่งถือเป็นแทคติกที่ทำให้ทีม ปืนใหญ่ เล่นไม่ได้ดั่งใจสาวก
นอกจากนี้ จากสถิติที่ปรากฏหลังจบครึ่งแรกต้องถือว่าเป็นเรื่องเหลือเชื่อไม่น้อยเนื่องจาก แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นฝ่ายครองบอลได้มากกว่า 52%:48% แม้จะได้ยิงน้อยกว่าเจ้าบ้าน 3:2 ครั้ง แต่ต่างก็ไม่อาจส่งบอลเข้ากรอบได้เลยแม้แต่หนเดียวซึ่งนับเป็นเกมที่มีคุณภาพต่ำสุดขีด แถมไม่มีความเร้าใจอย่างที่แฟนบอลคาดหวังด้วย
4. ลูกเตะมุมแผลงฤทธิ์
ในที่สุด อาร์เซน่อล ก็อาศัยลูกเก่งแผ้วทางคว้าชัยชนะจนได้แม้ในครึ่งแรกพวกเขาจะทำได้ไม่สำเร็จ แต่ครึ่งหลังทีเด็ดลูกเตะมุมของ เดอะ กันเนอร์ส ทำให้พวกเขายัดเยียดความปราชัยเป็นเกมแรกให้กับ อโมริม จนได้
เริ่มแรกจากจังหวะที่ เยอร์เรี่ยน ทิมเบอร์ ขวิดตุงตาข่ายในนาทีที่ 54 ก่อนที่ วิลเลี่ยม ซาลิบา จะโขกบอลทำสกอร์ให้ตัวเองได้อีกหนในนาทีที่ 73 ย้ำชัยชนะให้กับทีมลอนดอนได้อย่างเด็ดขาด
ผ่านมาถึงเกมนี้ อาร์เซน่อล จึงเป็นทีมที่ทำประตูจากลูกเตะมุมได้มากที่สุดในลีกนับตั้งแต่เริ่มซีซั่นก่อนเพิ่มเป็นประตูที่ 22 แล้วแม้จากรูปเกมโดยทั่วไป ทีมของ อาร์เตต้า จะเล่นได้ไม่จัดจ้านเท่าไหร่ และไม่มีโอกาสทำประตูแบบจะแจ้งมากนัก
ถึงกระนั้นสุดท้ายพวกเขาก็อาศัยลูกเตะมุมที่ทรงประสิทธิภาพ และเป็นอาวุธที่น่าเกรงขามที่สุดของทีมกำราบ ผีแดง ได้สำเร็จพร้อมทั้งลดช่องว่างของคะแนนกับ ลิเวอร์พูล ทีมจ่าฝูง เหลือเจ็ดแต้มเช่นเดียวกับ เชลซี
5. ภูมิแพ้ลอนดอน
หลังออกไปพ่ายที่ เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม อโมริม แพ้เป็นเกมแรกนับตั้งแต่คุมทีม แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ไม่มีอะไรพลิกความคาดหมายเนื่องจากฟอร์มของทีม ปืนใหญ่ ในหลายปีหลังเหนือกว่า เร้ด เดวิลส์ อยู่แล้ว
และที่สำคัญ แมนฯ ยูไนเต็ด มีสถิติไม่สู้ดีในการออกมาบู๊กับทีมเมืองหลวงเนื่องจากหลังปราชัย เดอะ กันเนอร์ส 2-0 ทีมจาก โอลด์ แทรฟฟอร์ด เพิ่มผลงานที่ย่ำแย่ชนะแค่ 2 เกมจากการลงเล่นในลอนดอน 19 เกมหลังโดยทั้งสองนัดที่พวกเขาได้เฮเป็นเกมชนะ ฟูแล่ม ทีมเดียว
ขณะเดียวกัน ชัยชนะเหนือ ผีแดง ทำให้ทีม ปืนใหญ่ ได้ฉลองการลงเล่นที่ เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม เป็นนัดที่ 500 พอดีของทุกรายการด้วยนับตั้งแต่พวกเขาเปิดใช้สังเวียนแข้งแห่งนี้เมื่อ 18 ปีก่อนโดยพวกเขาเพิ่มสถิติชนะ 336 นัด เสมอ 93 นัด และแพ้ 71 นัด
สำหรับ แมนฯ ยูไนเต็ด หลังจบเกมล่าสุดพวกเขาบุกมาแพ้ อาร์เซน่อล ในเกมลีกแปดจากเก้านัดหลังแล้ว และเป็นการแพ้รวดตลอดสี่นัดหลังด้วยสกอร์ 3-1,3-2,3-1 และ 2-0