หลายคนคงทราบอยู่แล้ว แต่หลายคนอาจจะเริ่มสับสน จากที่เคยเข้าใจก็เริ่มไม่แน่ใจ ด้วยเวลาที่ผ่านไปและข้อมูลมากมายจากคอมเมนต์ต่าง ๆ บนโลกโซเชียล
เรารู้กันโดยพื้นฐานว่าอันดับบนตารางคะแนนพรีเมียร์ลีกเรียงกันตามคะแนนที่เก็บได้ ถ้าคะแนนเท่ากันก็ดูผลต่างประตูได้เสีย ถ้ายังเท่ากันอีกก็ดูประตูที่ยิงได้
โดยทั่ว ๆ ไปเพียง 3 ข้อนี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับการจัดอันดับ แต่มันก็ยังมีกรณีที่อาจจะเกิดขึ้นได้อีก อย่างที่เห็นกันอยู่ในเวลานี้ คือ อาร์เซน่อล กับ เชลซี มีทุกอย่างเท่ากันบนตารางคะแนน
เตะ 13 ชนะ 7 เสมอ 4 แพ้ 2 ได้ 26 เสีย 14 แต้ม 25
แต่ทำไม อาร์เซน่อล ถึงอยู่เหนือ เชลซี บนตารางคะแนน
มีการพูดถึงเหตุผลต่างๆ นานาว่ามาจากการเรียงลำดับตัวอักษร (พยัญชนะ) A-Z บ้าง เรื่องเฮดทูเฮดบ้าง เรื่องการยิงประตูเกมเยือนบ้าง หรือเรื่องใบเหลืองใบแดง
ตกลงว่าเพราะอะไรกันแน่..
ในเบื้องต้นนะครับ เราต้องแยกก่อนว่ามันเป็นช่วงที่ฤดูกาลยังไม่จบ หรือว่าจบฤดูกาลแล้ว
-ถ้าฤดูกาลยังไม่จบ
พรีเมียร์ลีกให้ถือว่าทีมที่มีทุกอย่างเท่ากันนั้น "อยู่ในอันดับเดียวกัน" (อาจจะ 2 ทีมหรือมากกว่านั้นก็ได้)
ไม่เกี่ยวกับเฮดทูเฮด ไม่เกี่ยวกับประตูทีมเยือน ไม่เกี่ยวกับใบเหลืองใบแดง
สถานะของ อาร์เซน่อล กับ เชลซี ในเวลานี้จึงเป็น "อันดับ 2 ร่วม" ครับ ไม่ใช่อาร์เซน่อลอันดับ 2 และเชลซีอันดับ 3 อย่างที่เห็นในตารางคะแนน
เพียงแต่เพื่อการดูที่ง่ายขึ้น ตารางคะแนนไม่ควรมีทีมมากกว่า 1 ทีมในบรรทัดเดียวกัน แต่ละทีมจึงต้องอยู่กันคนละบรรทัดแม้จะมีผลงานทุกอย่างเท่ากัน
เมื่อเป็นอย่างนั้นจึงเป็นเรื่องหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องมีทีมอยู่บรรทัดบน และทีมอยู่บรรทัดล่าง
ตรงนี้พรีเมียร์ลีกเลือกเรียงลำดับจากตัวอักษร A-Z ครับ อย่างที่เราเห็นกันบนตารางคะแนนก่อนเปิดฤดูกาลที่ทุกทีมมีสถิติเป็น 0 Arsenal จะอยู่บนสุด มาก่อนทีมอย่าง Liverpool, Newcastle United หรือ West Ham United
แต่ถ้าฤดูกาลไหนทีมอย่าง AFC Wimbledon หรือ Accrington Stanley คู่แข่งในเอฟเอ คัพรอบสามของลิเวอร์พูล ได้เลื่อนชั้นขึ้นมาเล่นในพรีเมียร์ลีก ตารางพรีเมียร์ลีกก่อนเปิดฤดูกาล Arsenal ก็จะไม่ได้อยู่บนสุดแล้ว
จริง ๆ แล้วฤดูกาลนี้เคยมีสถานการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นมาแล้วนะครับคือหลังจากที่ ไบรท์ตัน เสมอกับ เซาธ์แฮมป์ตัน เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา ทีมนางนวลมีแต้ม ประตูได้ ประตูเสีย เท่ากันกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และอยู่เหนือกว่าซิตี้ด้วยการเรียงลำดับพยัญชนะเช่นกัน (B-Brighton กับ M-Manchester City)
เพราะฉะนั้น กรณีที่ทีมมากกว่า 1 ทีมมีคะแนนเท่ากัน ประตูได้เท่ากัน ประตูเสียเท่ากัน โดยที่ฤดูกาลยังไม่จบ ให้ถือว่าอยู่อันดับเดียวกันทั้งสิ้นครับ ไม่เกี่ยวกับเฮดทูเฮด ต่อให้เตะกันครบ 2 นัดเหย้า-เยือนแล้วมีทีมหนึ่งทำผลงานดีกว่าก็ตาม
ที่จริงแล้วผมคิดว่ากรณีนี้ แทนที่ตารางคะแนนจะใส่อันดับที่แตกต่างกัน (2 Arsenal.. 3 Chelsea) อย่างที่เป็นอยู่ มันควรจะใส่อันดับเดียวกันลงไปเลยมากกว่า
1 Liverpool
2 Arsenal
2 Chelsea
4 Brighton
ถ้าเป็นอย่างนี้มันก็จะตรงกับเจตนารมณ์ของกฎที่ถือว่าอยู่อันดับเดียวกันมากที่สุด แฟนบอลก็เข้าใจได้ง่ายกว่า ไม่ได้ยุ่งยากอะไรด้วย แต่คิดว่าพรีเมียร์ลีกคงไม่เห็นว่ามันเป็นปัญหาอะไร เพราะระหว่างฤดูกาลยังตัดสินอะไรไม่ได้อยู่แล้ว
นั่นคือกรณีที่ฤดูกาลยังไม่จบนะครับ ยึดถือตามนี้ว่าอยู่ในอันดับเดียวกัน
แต่เงื่อนไขที่นำมาคิดจะซับซ้อนขึ้นทันทีครับถ้ามันเป็นตารางคะแนนเมื่อจบฤดูกาล..
-ถ้าฤดูกาลจบแล้ว
ถึงตรงนั้น เฮดทูเฮด หรือ ประตูที่ยิงได้ในเกมเยือน จึงอาจจะถูกนำมาคิด
แค่ "อาจจะ" นะครับ ไม่ใช่ทุกกรณีอีก ซึ่งตรงนี้จะแยกออกเป็น 2 กรณี
-กรณีแรก.. ไม่ได้เป็นการแย่งชิงอันดับที่มีผลสำคัญ
อาทิ อันดับ 9 อันดับ 13 อันดับ 17 ไม่ใช่อันดับที่ตัดสินแชมป์ ตกชั้น หรือการผ่านไปเล่นฟุตบอลสโมสรยุโรป
กรณีนี้พรีเมียร์ลีกจะยังให้ทั้ง 2 ทีมครองอันดับนั้นร่วมกันครับ คือที่ 9 ร่วม ที่ 13 ร่วม หรือที่ 17 ร่วมไปเลย
ตรงนี้มีผลเรื่องเงินรางวัล พรีเมียร์ลีกถือว่าเตะกันมา 38 เกมแล้ว ถ้าแต้มเท่า ประตูได้เท่า ประตูเสียเท่า ก็ควรจะถือว่าคู่ควรเท่า ๆ กัน เงินรางวัลควรจะได้เท่ากัน หยุดทุกอย่างตรงนั้นไม่จำเป็นต้องหาผู้ชนะเด็ดขาดอะไรอีก
ยกตัวอย่างเช่น เอฟเวอร์ตัน กับ คริสตัล พาเลซ จบฤดูกาลด้วยอันดับ 12 และมีสถิติทุกอย่างเท่ากันหมด ทั้งคู่ก็จะได้ที่ 12 ร่วมกัน พรีเมียร์ลีกก็จะนำเงินรางวัลอันดับ 12 กับ 13 มารวมกันแล้วหารสอง
ทีมทอฟฟี่สีน้ำเงิน กับ ปราสาทเรือนแก้ว ก็จะได้รับเงินรางวัลเท่ากัน ต่อให้ผลงานเฮดทูเฮดเอฟเวอร์ตันอาจเอาชนะพาเลซได้ทั้ง 2 นัดเหย้าเยือนก็ตาม
-กรณีที่สอง.. เป็นอันดับที่มีผลสำคัญ
เช่นอันดับตัดสินแชมป์ ตกชั้น หรือการผ่านไปเล่นฟุตบอลสโมสรยุโรป
หาก 2 ทีม (หรือมากกว่านั้น) มีคะแนนเท่ากัน ประตูได้เท่ากัน ประตูเสียเท่ากัน จะถืออันดับร่วมกันไม่ได้แล้วเพราะอันดับนั้น ๆ บังคับอยู่ในตัวว่าจะต้องมีเพียงทีมเดียว
กฎเกณฑ์ที่จะนำมาตัดสินก็จะเพิ่มขึ้น ถ้าจะเรียงทั้งหมดตั้งแต่แรกก็จะเป็นตามนี้ครับ
1. คะแนนรวม
2. ผลต่างประตูได้เสีย
3. ประตูได้
ถ้า 3 ข้อนี้เท่ากันหมดในอันดับสำคัญ ก็จะไปดูข้อต่อไป คือ
4. ผลงานที่พบกันโดยตรง (เฮดทูเฮด)
ถ้าเฮดทูเฮดยังเท่ากัน เช่น ชนะ 4-0 กับแพ้ 1-5 สกอร์รวม 5-5 ก็ไปดูข้อถัดไป
5. ดูประตูที่ยิงได้จากเกมไปเยือนในผลงานเฮดทูเฮดนั้น และถ้ายังเท่ากันอีก
6. เตะเพลย์ออฟตัดสินในสนามเป็นกลาง
นี่คือหลักเกณฑ์ที่พรีเมียร์ลีกใช้ สำหรับการจัดอันดับทีมที่มีผลงานเท่ากันครับ
---------
ป.ล. กฎทั้งหมดยกเว้นข้อ 6 ครอบคลุมทีมตั้งแต่ 2 ทีมขึ้นไป บางกรณีของกฎข้อ 4-5 อาจตัดสินด้วยมินิลีกก็ได้เพราะมีทีมที่ทำแต้มและประตูได้เสียเท่ากันมากกว่า 2 ทีม
หากในกฎข้อที่ 6 นั้น พรีเมียร์ลีกระบุชัดเจนว่าต้องเป็นกรณีที่มี "2 ทีม" เท่านั้น (if two Clubs..) จึงเข้าเกณฑ์เตะเพลย์ออฟ
เพราะฉะนั้นถึงตรงนี้ผมยังหาไม่เจอครับว่าถ้าเป็นกรณีโป๊ะเชะจริง ๆ คือมีมากกว่า 2 ทีมที่ทำผลงานเท่ากันหมดทุกอย่างเมื่อจบซีซั่นแถมเฮดทูเฮดยังเท่ากันอีก จะตัดสินอย่างไร
(เช่น ลิเวอร์พูล แมนฯ ซิตี้ อาร์เซน่อล เสมอกัน 1-1 ทุกเกมที่เจอกันเอง แล้วดันยังเป็นอันดับ 1 บนตารางคะแนนหลังจบ 38 นัดด้วยผลงานเท่ากันหมด)
ป.ล.2 ในความเข้าใจของผมเอง คิดว่ากรณีมากกว่า 2 ทีมนี้ถ้าเป็น 3 หรือ 4 ทีมยังอาจใช้การเตะเพลย์ออฟ (ถ้า 3 ทีมก็เตะแบบพบกันหมด ถ้า 4 ทีมก็เป็นทัวร์นาเม้นต์ย่อยเตะแค่ทีมละ 2 นัด)
แต่ถ้ามากกว่า 4 ทีมคงไม่ใช้การเตะเพลย์ออฟแล้วครับ อาจใช้ใบเหลืองใบแดงแทนก็ได้ เพียงแต่โอกาสเกิดขึ้นน้อยในระดับที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย..
ตังกุย