เกมที่ 3 ของ รูเบน อโมริม ในฐานะกุนซือแมนยูไนเต็ด ขยี้ เอฟเวอร์ตัน 4-0 และต่อไปคือสิ่งที่ผมเห็นจากบนอัฒจันทร์ฝั่ง เซอร์ บ๊อบบี้ ชาร์ลตัน สแตนด์ แห่ง โอลด์ แทรฟฟอร์ด
1. ตอนทราบรายชื่อ 11 ตัวจริง แอบสบถในใจสำเนียงแมนคูเนี่ยนเล็กน้อยว่า 'เจ๊ตเข้' เหตุเพราะ โจชัว เซิร์คซี่ ได้ลงเล่นเป็นกองหน้าตัวเป้าแทนที่ ราสมุส ฮอยลุนด์ ซะอย่างนั้น
นอกจากนี้ มานูเอล อูการ์เต้ กับ อเลฮานโดร การ์นาโช่ ก็ไม่ได้ลงตัวจริงอย่างที่คิดเอาไว้
นั่นแสดงให้เห็นว่า 'โค้ชเจ๋ง' ยังใช้เกมนี้ เพื่อทดสอบผู้เล่นพลางหาทีมที่เหมาะสมและลงตัวมากที่สุด
2.ด้วยคุณภาพผู้เล่นที่เหนือกว่า แถมเป็นเกมในบ้าน แมนยูไนเต็ด จึงครองบอลได้มากกว่าตั้งแต่แรก
ทว่าไม่ค่อยคุกคาม
พวกเขาเน้นการต่อบอลกันช้าๆ เพื่อความแน่นอน ก่อนหาจังหวะจู่โจมแบบฉาบฉวย
เรียนตามตรงว่าไม่สร้างความกดดันให้ผู้มาเยือนสักเท่าไหร่
3.กระทั่งชิงจังหวะขึ้นนำ 1-0 ได้สำเร็จจากการเตะมุมด้วยลูกสูตรที่ซักซ้อมกันมา
มันเหมือนการกระทืบความกดดันจนแหลกสลายคาตีนแล้วเติมความมั่นอกมั่นใจในตัวเองแบบเต็มประดา
หลังจากนั้นทำอะไรก็ไฉไลไปหมด เพราะความเชื่อมั่นในตัวเองนี่แหละ
4. สังเกตได้จากการเล่นของ 'อาจารย์ดู๋' นี่แหละครับ
พอซัดประตูได้ก็เล่นด้วยความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น ไม่เงอะๆ งะๆ จนกระทุ้งตาข่ายได้อีกดอก
การจบครึ่งแรก ด้วยสกอร์นำ 2-0 ช่วยให้ครึ่งหลังเล่นแบบสบายๆ ไร้กังวลจนนักเตะหลายคนโชว์ฟอร์มสยดสยองออกมา
อาหมัด ดิยัลโล่ นี่จี๊ดเลยนะครับ บรูโน่ แฟร์นันด์ส ก็แผลงฤทธิ์ได้กับตำแหน่งใหม่ที่แตกต่างจากเดิมเล็กน้อย และโดยไม่เว้นแม้แต่ มาร์คัส แรชฟอร์ด ที่ดูจะสนุกกับบทบาทใหม่
แต่การเห็นกองหน้าหัวฟูหยอยซัดคนเดียว 2 ประตู ถือเป็นบุญตา 5555
5.หลัง แมนยูไนเต็ด นำห่าง 3-0 กองเชียร์ของทีมลูกอมที่ยกพลมาเยือนก็ชวนตีนตัวเองออกจากสนามเกือบเกลี้ยงเลยนะครับ
มันแสดงให้เห็นถึงความเอือมระอาในตัวเองอย่างจงหนัก
นอกจากจะเล่นกันไม่ได้เรื่องแล้ว เอฟเวอร์ตัน ยังไม่สู้อีกตะหาก ผิดวิสัยของทีมนี้ แฟนบอลคงเบื่อเต็มทน อุตส่าห์ตามมาเชียร์ดันไม่ยอมสู้ซะอย่างนั้น
ดังฉะนั้น มันจึงไม่ใช่ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่อะไรมากมายของ แมนยูไนเต็ด เพราะผู้มาเยือนมีอัตราความ 'อู๊ดดี้' สูงไปหน่อย
ของจริงแสยะยิ้มกวักมือเรียกอยู่ข้างหน้าในวันพุธนี้ต่างหาก