ลิเวอร์พูล ฟอร์มสุดยอดทั้งเกมรับและรุกหลังปราบ แมนซิตี้ สบายอุรา ขณะที่ "เรือใบสีฟ้า" ย่ำแย่หนักไร้ชัยชนะ 7 เกมติดต่อกันเข้าไปแล้ว
อาร์เน่อ สล็อต กุนซือลิเวอร์พูล สร้าง "หงส์แดง" ได้อย่างแข็งแกร่ง หลังนำลูกทีมโชว์ฟอร์มสุดยอดไล่ทุบ แมนซิตี้ 2-0 ที่แอนฟิลด์ ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 1 ธันวาคมที่ผ่านมา
สิ่งที่ โค้ชอาร์เน่อ ทำให้ทีมเปลี่ยนไปในยุคของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ก็คือการเล่นที่มีความสมดุลทั้งเกมรับและรุก รู้จักผ่อนหนักผ่อนเบา ที่สำคัญการปั้นแผงแบ็กโฟร์ให้เล่นได้อย่างเหนียวแน่นมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า
ชัยชนะในแมตช์นี้ส่งผลให้พวกเขารั้งจ่าฝูงอย่างต่อเนื่องด้วยการมี 34 คะแนนทิ้งห่างแชมป์เก่าไปไกลสุดกู่ 11 แต้ม ขณะเดียวกันก็นำ อาร์เซน่อล กับ เชลซี ทีมละ 9 คะแนนด้วย ฉะนั้นคงจะไม่ผิดอะไรถ้าจะบอกว่าชะตากรรมในการลุ้นแชมป์อยู่ในมือ ลิเวอร์พูล แล้ว
1. ครึ่งแรกข่มมิดด้าม
ต้องยอมรับว่า ลิเวอร์พูล อยู่ในช่วงมั่นใจสุดขีดหลังเกมล่าสุดปราบ เรอัล มาดริด ที่แอนฟิลด์ ดังนั้นการรับมือ แมนซิตี้ ในช่วงที่กำลังขาดความมั่นใจ จึงเป็นเหตุผลที่ อาร์เน่อ สั่งลูกทีมให้เปิดเกมรุกตั้งแต่ต้นเกม
ทัพ "หงส์แดง" ครองเกมได้แบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด สร้างโอกาสในการยิงประตูได้ตลอด แต่น่าเสียดายขาดความเฉียบคม แต่ความพยายามของพวกเขามาสัมฤทธิ์ผลจากการประสานงานระหว่าง โม ซาลาห์ และ โกดี้ คักโป ทำให้ทีมขึ้นนำ 1-0 ได้สำเร็จ
หลังจากนั้นเจ้าบ้านมีโอกาสที่เพิ่มสกอร์ได้ตลอด โดยเฉพาะจังหวะโหม่งของ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ที่พุ่งไปชนเสา และอีกสองครั้งที่โหม่งออกไปแบบมีลุ้น นอกจากนี้ คักโป ยังเกือบยิงได้อีกแต่งัดบอลโด่งไปหน่อย ส่วน เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ พยายามยิงไกลแต่บอลพุ่งเฉียบเสาออกไป
บอกเลยว่าครึ่งแรก ลิเวอร์พูล ข่มแชมป์เก่ามิดด้าม ขณะที่ครึ่งหลังพวกเขาผ่อนเกมลงไปบ้างเพื่อรอจังหวะสวนกลับ และมีโอกาสทองจากจังหวะหลุดเดี่ยวของ "บังโม" แต่น่าเสียดายที่ดันซัดข้ามคาน แต่กระนั้นเขาก็ยิงจุดโทษปิดกล่องให้ทีม
สำหรับผลงานโดยรวมของ "เดอะ เร้ดส์" ในแมตช์นี้ต้องบอกเลยว่าสุดยอดมากๆ เกมรุกโดดเด่น ส่วนเกมรับเหนียวแน่น ฉะนั้นนี่ถือเป็นเกมที่สมบูรณ์แบบของ ลิเวอร์พูล อย่างแท้จริง
2. เกมรุกสำคัญแต่เกมรับทำให้เป็นแชมป์
แม้ว่าเกมรุกของ ลิเวอร์พูล จะดูวูบวาบอันตรายก็ตาม แต่สิ่งที่สาวก "เดอะ ค็อป" ต้องยกย่องมากๆ นั่นก็คือการเล่นเกมรับ เพราะแมตช์นี้แผงแบ็กโฟร์ และผู้รักษาประตูทำหน้าที่ได้อย่างเพอร์เฟกต์
โจ โกเมซ รับหน้าที่เติมเต็มการขาดหายไปของ อิบราฮิม่า โกนาเต้ ได้เป็นอย่างดี เล่นเข้าขากับ ฟาน ไดค์ ขณะเดียวกันยังพยายามที่จะลำเลียงบอลขึ้นไปในแดนคู่แข่ง และมีบางจังหวะเปิดบอลสวยๆ ในแนวรุกได้ลุ้นสร้างความหวาดเสียว
ขณะที่ "รองเทรนต์" กับ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน รับหน้าที่ฟูลแบ็กที่สมบูรณ์แบบทั้งเกมรับเหนียวแน่น ส่วนเกมรุกก็อันตราย มีหลายครั้งที่ทั้งสองคนดันเกมขึ้นสูงและทำหน้าทีมมีลุ้นทำประตู แต่ในขณะเดียวกันพวกเขาก็ลงมาประจำการคอยช่วยเกมรับเพื่อไม่ให้ แมนซิตี้ ได้เล่นเกมที่ถนัด
สำหรับ ฟาน ไดค์ หากไม่นับจังหวะพลาดที่เกือบทำให้ทีมเสียประตูในช่วงท้ายเกม แต่เดชะบุญที่ ควีวิน เคลเลเฮอร์ เซฟเอาไว้ได้ ที่เหลือไม่มีอะไรต้องตำหนิ เพราะกัปตันชาวดัตช์ จัดการ เออร์ลิง ฮาลันด์ หายไปจากเกม
แน่นอนว่าแผงมิดฟิลด์และแนวรุกได้รับคำยกย่องอย่างมากในชัยชนะทั้งเกมนี้ และช่วงที่ผ่านมา แต่สำหรับแผงแบ็กโฟร์ต้องบอกเลยว่า "บอสอาร์เน่อ" ยกระดับความแข็งแกร่งในการเล่นเกมรับได้สุดยอดจริงๆ โดยทีมเสียแค่ 8 ประตูน้อยที่สุดในลีก
3. แฟนหงส์สะดุ้งคำพูด "บังโม"
โม ซาลาห์ ยังคงเป็นผู้เล่นคีย์แมนที่ ลิเวอร์พูล ขาดไม่ได้จริงๆ ในแมตช์นี้เขาสวมบทฮีโร่ทั้งยิงประตู และแอสซิสต์ ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่แฟนบอล "หงส์แดง" อยากให้บอร์ดบริหารยื่นสัญญาฉบับใหม่ให้กับนักเตะซะที
อย่างไรก็ตามสิ่งที่ "บังโม" ได้เอ่ยปากในการให้สัมภาษณ์หลังจบเกมว่า "นี่เป็นเกมสุดท้ายที่ตนเล่นให้ ลิเวอร์พูล พบ แมนซิตี้" ซึ่งแน่นอนว่ามันเป็นการส่งสัญญาณบางอย่างไปยังบอร์ดบริหาร และแฟนบอลว่า ต่อจากนี้ไปพวกเขาอาจไม่เห็นเจ้าตัวในสีเสื้อ "เดอะ เร้ดส์" อีกแล้ว
แม้หลายคนคาดการณ์กันว่าการให้สัมภาษณ์แบบนี้ของ "บัง โม" เป็นการกดดัน ลิเวอร์พูล เรื่องสัญญาฉบับใหม่ อย่าลืมว่าเขาก็เลยพูดคล้ายกับแบบนี้ในเกมไล่ต้อน แมนยูไนเต็ด คาโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด มาแล้วเช่นกัน
ผลงานของ "คิง ออฟ อียิปต์" ในเกมนี้ทำให้นักเตะสร้างสถิติยิงประตูและแอสซิสต์ในเกมพรีเมียร์ลีกไปแล้ว 36 ครั้ง โดยมีสถิติเทียบเท่า เวย์น รูนี่ย์ ตำนานแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นอกจากนี้เขายังเป็นนักเตะที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ 64 ประตู (ยิง 45, แอสซิสต์ 19) จาก 74 เกมในลีกที่พบกับทีม "บิ๊กซิกซ์"
ทั้งนี้ ซาลาห์ ตะบันไปแล้ว 13 ประตูจากการเล่น 20 เกมในทุกรายการ โดย 11 ประตูเกิดขึ้นจาก 13 เกมพรีเมียร์ลีก ตามหลัง เออร์ลิง ฮาลันด์ ผู้นำดาวซัลโวแค่ลูกเดียวเท่านั้น
ผลงานระดับขึ้นหิ้งแบบนี้ จอห์น เฮนรี่ และบอร์ดบริหารเฟนเวย์ สปอร์ตส์ กรุ๊ป (เอฟเอสจี) กลุ่มทุนเจ้าของทีม ต้องคิดให้ถ้วนถี่ เพราะถ้าตัดสินใจผิดบอกเลยชีวิตอยู่ไม่สุขแน่นอน
4. แมนซิตี้ กลุ่มเปราะบาง
ตอนนี้นักเตะแมนซิตี้ คงต้องเข้าโครงการบำบัดสภาพจิตใจ หลังพวกเขาดูเหมือนจะกลายเป็นกลุ่มเปราะบางไปแล้ว เพราะฟอร์มตกแบบร่วงกราวรูด จนตอนนี้อันดับของทีมหล่นมาอยู่ที่ 5 แล้ว
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า สร้างสถิติที่ไม่อยากจดจำในอาชีพกุนซือเมื่อเขานำทีมแพ้ในเกมลีก 4 แมตช์ติดต่อกัน และเป็นครั้งแรกของสโมสรนับตั้งแต่ปี 2008 ที่ตกอยู่ในสถานการณ์ย่ำแย่ขนาดนี้
นอกจากนี้ทัพ "เรือใบสีฟ้า" สะกดคำว่า "ชนะ" ไม่เป็นมาแล้ว 7 แมตช์ติดต่อกันในทุกรายการ โดยแพ้ไป 6 เสมอแค่เกมเดียวเท่านั้น แน่นอนว่านี่คือปัญหาใหญ่ที่ เป๊ป ต้องรีบหาทางแก้ไขให้เร็วที่สุด เพื่อให้ แมนซิตี้ กลับมาสู่เส้นทางที่ถูกต้องอีกครั้ง
สิ่งที่แรกที่ กุนซือชาวสแปนิช ต้องรีบแก้นั่นก็คือเรื่องสภาพจิตใจ โดยเฉพาะเกมเยือน 5 เกมหลังสุดในทุกรายการพวกเขาเสียสองประตูหรือมากกว่านั้น และยิงได้แค่เกมละประตูเท่านั้น
แม้ เป๊ป จะแก้เขินด้วยการชู 6 นิ้ว (แชมป์ลีก 6 สมัย) เพื่อขิงแฟนบอลลิเวอร์พูล ที่ร้องเพลงแซวว่าจะโดนไล่ออก แต่ดูจากใบหน้าในช่วงให้สัมภาษณ์สามารถฟันธงได้เลยว่าเขามีโจทย์ที่ยากมากที่จะต้องรีบแก้ให้เร็วที่สุด
5. ทุกอย่างอยู่ในมือลิเวอร์พูล
ตอนที่ได้รับการแต่งตั้งให้สานต่องานของ เจอร์เก้น คล็อปป์ แฟนบอล "หงส์แดง" และทุกๆ คนไม่เคยเชื่อมั่นในฝีมือของ อาร์เน่อ สล็อต เลย แต่ตอนนี้ฟันธงว่าใครก็ตามที่เคยปราศเขาเอาไว้ต้องยอมก้มหัวซูฮกกึ๋นของเจ้าตัวจริงๆ
กุนซือชาวดัตช์ คุมทีมไปแล้ว 20 เกมในทุกรายการ พร้อมสถิติชนะ 18 เสมอ 1 และแพ้ 1 โดยเป็นชัยชนะในเกมพรีเมียร์ลีก ถึง 11 แมตช์ นั่นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่พวกเขารั้งตำแหน่งจ่าฝูง ด้วยการมี 34 คะแนน ทิ้งห่าง แมนซิตี้ 11 แต้ม และ อาร์เซน่อล กับ เชลซี ทีมละ 9 แต้ม
แน่นอนว่าหนทางยังอีกยาวไกล โค้ชหัวใสวัย 46 ปี ยังมีสิ่งที่ต้องพิสูจน์อีกเยอะ แต่จุดเด่นที่แฟนบอล "หงส์แดง" ชื่นชอบในตัวกุนซือคนนี้ก็คือความนิ่ง และการกล้าตัดสินใจในการแก้เกม ซึ่งเขาแสดงให้เห็นมาแล้วหลายครั้ง
สถานการณ์ในเวลานี้ ลิเวอร์พูล คงไม่มีใครปฏิเสธได้ว่าพวกเขากุมชะตาการลุ้นแชมป์เอาไว้ในมือ และสิ่งที่ อาร์เน่อ ต้องกระตุ้นลูกทีมก็คือการรักษามาตรฐานชั้นยอดแบบนี้ต่อไป เพราะถ้าหากทำได้ก็ต้องยกความสำเร็จให้ "หงส์แดง"
ทอมเม้ง