แมนยู พบ เอฟเวอร์ตัน! 5 ประเด็นผีท็อปฟอร์มหลอนท๊อฟฟี่ขนหัวลุก

1. บอสเจ๋งลองทีมต่อส่ง เซิร์กซี่ ลงยิง

รูเบน อโมริม กุนซือทีม แมนฯ ยูไนเต็ด ทดลองเปลี่้ยนกองหน้าตัวเป้าอีกหนในเกมนี้โดยส่ง โจชัว เซิร์กซี่้ ลงเล่นเป็นตัวจริงก่อนหน้า ราสมุส ฮอยลุนด์

จากสามเกมที่ผ่านมา นายใหญ่โปรตุกีสใช้บริการ มาร์คัส แรชฟอร์ด เล่นเป็นหน้าเป้ารายแรก และตามด้วยศูนย์หน้าทีมชาติ เดนมาร์ค กระทั่งเกมนี้เป็นคิวของดาวยิงทีมชาติ เนเธอร์แลนด์ แม้เท่าที่ผ่านมาเขาจะมีผลงานน่าผิดหวัง

เทียบจากเกมชนะ โบโด กลิมท์ ในศึก ยูโรปา ลีก เจ้าบ้านสลับโผตัวจริงมากถึงหกตำแหน่งแม้สามแผงหลังจะเป็นหน้าเดิมทั้งหมด แต่สองวิงแบ็คกลับมาเป็น อาหมัด ดิยัลโล่ กับ ดีโอโก้ ดาโลต์ ตามคาด

ส่วนนักเตะที่หล่นไปนั่งข้างสนาม นอกจาก ฮอยลุนด์ แล้วประกอบไปด้วย อันโตนี่ , ไทเรลล์ มาลาเซีย , เมสัน เมาท์ , อเลฮานโดร การ์นาโช่ และ มานูเอล อูการ์เต้ โดย ค็อบบี้ เมนู กลับมาเป็นตัวจริงเกมแรกนับตั้งแต่แมตช์บุกไปเสมอกับ แอสตัน วิลล่า 0-0 เมื่อวันที่ 6 ต.ค.

2.ท๊อฟฟี่สลับหอกตำแหน่งเดียว

ฌอน ไดช์ ผู้จัดการทีม เอฟเวอร์ตัน เปลี่ยนโผ 11 ตัวจริงรายเดียวจากเกมลีกนัดล่าสุดที่เฝ้าบ้านเสมอกับ เบรนท์ฟอร์ด 0-0 เมื่อสัปดาห์ก่อน

ทีม ท๊อฟฟี่สีน้ำเงิน เปลี่ยนให้ เบโต้ ออกสตาร์ตในตำแหน่งกองหน้าแทนที่ โดมินิค คัลเวิร์ต ลูวิน ที่ถูกจัดให้นั่งอยู่ข้างสนาม

อย่างไรก็ดี ทีมเยือนได้ เชมัส โคลแมน กัปตันทีมฟิตสมบูรณ์มีชื่ออยู่ในซุ้ม อีกทั้งใส่ชื่อนายทวารตัวสำรองในเกมนี้สองราย

3. สามหอกผีไม่มีใครน้อยหน้าใคร

ผ่านมาสามเกมในยุคของเจ้านายใหม่ แรชฟอร์ด มีผลงานคลำเป้าเพิ่มเป็นสองประตูแล้ว และเป็นการสอยตาข่าย เอฟเวอร์ตัน เพิ่มได้เป็นสามประตูจากแปดเกมหลังของศึก พรีเมียร์ลีก ที่เขาได้ลงเล่นกับทีมจากเมอร์ซีย์ไซด์

นอกจากดาวยิงอิงลิชแล้ว เซิร์กซี่ ไม่น้อยหน้าเพื่อนร่วมทีมเช่นกันเมื่อตะบันให้ ผีแดง นำห่าง 2-0 ในครึ่งแรกซึ่งเป็นประตูแรกของเขากับนายใหญ่เลือดฝอยทอง และเป็นประตูที่สองของเขากับ ผีแดง นับตั้งแต่เจ้าตัวประเดิมสนามได้เยี่ยมด้วยการเช็กบิลพาทีมกำชัยในนัดเปิดซีซั่น

กระนั้นก็ดี บรูโน่ แฟร์นันด์ส สมควรได้รับการชื่นชมไม่น้อยเนื่องจากมีผลงานสองแอสซิสต์ ขณะที่ อาหมัด เป็นอีกรายที่เล่นได้อย่างโดดเด่นในเกม 45 นาทีแรก

4.แรชฟอร์ด คนเดิมกลับมาแล้ว

กลับมาเล่นกันต่อได้ไม่ถึงนาที แรชฟอร์ด สบโอกาสทองสอยตาข่ายให้ ผีแดง นำห่าง 3-0 หลังเขี่ยบอลได้ไม่นานโดยในจังหวะนี้ อาหมัด สร้างผลงานแอสซิสต์ได้อย่างยอดเยี่ยม

ถึงตอนนี้ แรชฟอร์ด พังประตูให้ อโมริม ชื่นใจเพิ่มเป็นสามเม็ดแล้วหลังจากกุนซือคนใหม่ย้ายมาจาก สปอร์ติ้ง ลิสบอน แถมเจ้าตัวแท่นนำเป็นดาวซัลโวในเกมลีกของสโมสรซีซั่นนี้ด้วยจากการยิงได้รวม 4 ประตู

หลังสอยตาข่ายได้สองประตู แรชฟอร์ด ขึ้นแท่นเป็นนักเตะ ผีแดง รายที่หกที่ยิงได้ทะลุหลัก 50 ประตูของเกม พรีเมียร์ลีก ที่สนาม โอลด์ แทรฟฟอร์ด เรียบร้อยแล้ว

ขณะเดียวกัน เซิร์กซี่ น่าจะเรียกความมั่นใจให้กับตัวเองได้ไม่น้อยหลังเช็กบิลในเกมนี้ได้สองเม็ดเช่นกันโดย อาหมัด สร้างผลงานสุดยอดทำสองแอสซิสต์เท่ากับ แฟร์นันด์ส

5. อโมริม สร้างสถิติ

จากการพาทีม แมนฯ ยูไนเต็ด เอาชนะ เอฟเวอร์ตัน ได้อย่างขาดลอย 4-0 อโมริม สร้างสถิติให้กับตัวเองได้หนึ่งชิ้นแล้วในฐานะผู้จัดการทีมคนแรกที่คุมทีมลงเล่นเกมลีกนัดแรกในบ้าน และพาทีมมีสกอร์นำหน้าคู่แข่งสองประตูขึ้นไปในช่วง 45 นาทีแรก

กระนั้นก็ดี แน่นอนว่า เอฟเวอร์ตัน เป็นทีมที่แพ้ทาง แมนฯ ยูไนเต็ด มาแต่ไหนแต่ไรแล้วเนื่องจากพวกเขาเอาชนะ ผีแดง ในเกมลีกที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด ได้แค่เกมเดียวเท่านั้นจาก 32 เกมที่ผ่านมา (เสมอ 8 แพ้ 23) โดยเกมสุดท้ายที่พวกเขาคว้าสามแต้มได้เป็นการบุกมากำชัย 1-0 ในเดือนธ.ค.2013

ขณะเดียวกัน ผีแดง สานต่อผลงานชนะเกม พรีเมียร์ลีก เหนือทีมลูกอมเป็น 42 นัดแล้วซึ่งเป็นสถิติที่ดีที่สุดของพวกเขาในเกมบู๊กับคู่แข่งทุกรายในลีกสูงสุด

ด้าน ฌอน ไดช์ นับตั้งแต่กุมบังเหียน เอฟเวอร์ตัน เขาไม่เคยคุมทีมชนะเกมลีกต่อ แมนฯ ยูไนเต็ด เลยทั้งเกมเหย้าและเยือนรวมสี่เกมแล้วจากผลงานแพ้เรียบวุธ แถมยิงประตูไม่ได้เลยแม้แต่เม็ดเดียว

8 เม.ย.2023 แมนฯ ยูไนเต็ด 2- เอฟเวอร์ตัน 0

26 พ.ย.2023 เอฟเวอร์ตัน 0- แมนฯ ยูไนเต็ด 3

9 มี.ค.2024 แมนฯ ยูไนเต็ด 2- เอฟเวอร์ตัน 0

1 ธ.ค.2024 แมนฯ ยูไนเต็ด 4-0 เอฟเวอร์ตัน 0

และหากจะนับรวมสมัยเป็นกุนซือทีมอื่น ไดช์ เอาชนะ ผีแดง ในเกม พรีเมียร์ลีก ได้แค่หนเดียวเท่านั้นจาก 18 นัด และแพ้มากถึง 12 นัดจากการพา เบิร์นลีย์ บุกมาเฮที่ โรงละครแห่งความฝัน ด้วยชัยชนะ 2-0 เมื่อเดือนม.ค.2020