ตำนานลูกหนังชาวบราซิเลียนส่วนใหญ่มักจะมีประวัติในวัยเด็กที่ค่อนข้างยากลำบาก ไม่ว่าจะเป็น โรนัลดินโญ่, "โล้นทองคำ" โรนัลโด้ หรือ ริวัลโด้ อดีตผู้เล่นเหล่านี้ต้องกระเสือกกระสนดิ้นรนกว่าจะกลายเป็นดาวค้างฟ้าในวงการลูกหนัง ล่าสุด อันโตนี่ ก็คือนักเตะที่ชีวิตสุดรันทนก่อนจะกลายเป็นสตาร์ดังแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ดาวเตะวัย 22 ปีสร้างชื่อจากการเป็นนักเตะเซา เปาโล ก่อนจะย้ายมาเพิ่มพูนทักษะลูกหนังร่วมกับ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม และปัจจุบันเป็นสมาชิกที่น่าตื่นตาตื่นใจทัพ "ปีศาจแดง"
ย้อนกลับไปช่วงไม่กี่ปีตอนที่ อันโตนี่ อายุ 18 ปี เขายังต้องอาศัยเตียงนอนร่วมกับพ่อบังเกิดเกล้าที่บ้านในย่านสลัมใน เซา เปาโล ที่ชื่อว่า "อินเฟร์นินโญ่" หรือที่ผู้คนในดินแดนแซมบ้ารู้จักกันในชื่อ "นรกจำลอง"
อันโตนี่ เติบโตมาท่ามกลางพวกชาวแก๊งและพ่อค้ายาเสพติด โดยเจ้าตัวตั้งปณิธานเอาไว้ตอนเด็กๆ ว่าฟุตบอลจะทำให้เขาได้ย้ายออกจากสภาพแวดล้อมที่แสนเลวร้ายและอันตราย
เจ้าตัวพยายามที่จะศึกษาศาสตร์ลูกหนังจากบรรดาซูเปอร์สตาร์อย่างเช่น โรนัลดินโญ่, เนย์มาร์ และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ แต่การที่จะก้าวขึ้นมามีตัวตนในโลกฟุตบอลไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะ อันโตนี่ ต้องเจอกับเรื่องราวมากมายอย่างเช่นตอนที่อายุ 8 ขวบ เขาต้องพบคนนอนตายอยู่ข้างถนนขณะที่กำลังเดินไปโรงเรียน
สตาร์เลือดแซมบ้า เปิดใจว่า "มีอยู่เช้าวันนึงผมเดินไปโรงเรียน ตอนนั้นผมอายุราวๆ 8 หรือ 9 ขวบนี้แหละ ผมต้องเดินข้ามชายคนหนึ่งที่นอนอยู่ตรงซอยแคบๆ เขาไม่ขยับตัวเลย พอผมเดินเข้าไปใกล้ๆ ถึงรู้ว่าเขาตายแล้ว"
"ในสลัม คุณกลายเป็นเย็นชากับเรื่องเหล่านี้ เราไม่มีทางไหนที่จะไป และผมต้องไปโรงเรียน ดังนั้นผมก็เลยต้องเดินหลับตา และกระโดดข้ามศพ ผมไม่ได้พูดให้มันฟังดูรันทด มันเป็นชีวิตจริงของผม"
"ความจริงแล้วผมพูดมาตลอดว่าผมเป็นเด็กที่โชคดีมากๆ เพราะแม้เราทุกคนจะต้องเผชิญกับความยากลำบาก แต่ผมได้รับของขวัญพิเศษจากสวรรค์ ลูกบอลคือพระเจ้าของผม ผมรักสิ่งนี้ตลอดชีวิต ที่อินเฟร์นินโญ่ เราไม่สนใจเรื่องของเล่นในวันคริสต์มาส ลูกบอลที่กลิ้งไปมาเป็นสิ่งที่เพอร์เฟกต์สำหรับเรา"
ครอบครัวของ อันโตนี่ ยากจนสุดๆ พวกเขาไม่สามารถที่จะซื้อร้องเท้าเล่นฟุตบอลให้กับลูกชายได้เลย แต่สิ่งนี้ไม่สามารถหยุดพรสวรรค์ของหนุ่มน้อยรายนี้ได้ โดยเขาพยายามที่จะสานฝันของตัวเองให้เป็นจริงแม้จะต้องเล่นฟุตบอลด้วยเท้าเปล่าก็ตาม
"ทุกๆ วัน พี่ชายคนโตของผมจะพาผมไปที่ลานกว้างเพื่อเล่นฟุตบอล ในสลัมทุกๆ คนอยากเล่นฟุตบอลไม่ว่าจะเด็ก, คนแก่, ครู, คนงานก่อสร้าง, คนขับรถ , พ่อค้ายา และพวกแก๊งสเตอร์ส"
"ที่นั่นทุกๆ คนเท่าเทียมกัน ครั้งหนึ่งพ่อของผมมองว่าสนามมันสกปรก ส่วนผมมันเป็นจุดเริ่มต้น ผมเล่นฟุตบอลเท้าเปล่า เลือดมักจะไหลออกจากเท้าประจำ เราไม่มีเงินที่จะซื้อรองเท้าดีๆ ใส่หรอก"
"ผมเป็นคนตัวเล็ก แต่ผมได้พรสวรรค์จากพระเจ้าในการเลี้ยงบอลได้คล่องแคล่ว การกระชากลากเลื้อยเป็นสิ่งที่อยู่ในตัวผม มันเป็นสัญชาตญาณ และผมไม่ยอมก้มหัวให้ใครทั้งนั้น"
"ผมใช้ท่าอีลาสติโก้ (Elastico) เล่นงานพ่อค้ายา ตามด้วยท่ายกบอลข้ามหัวกับคนขับรถ, แตะบอลลอดขาพวกหัวขโมย ผมไม่สนใจอะไรทั้งนั้น เมื่อบอลอยู่ที่เท้าของผม ผมไม่กลัวอะไรเลย"
นอกจากนี้ อันโตนี่ ยอมรับว่าการเลี้ยงบอลของเขาช่วยพลิกชีวิต และทำให้คลายความกดดันเวลาที่อยู่ในสนาม "ผมมาจากสลัมก่อนย้ายไปอยู่กับ อาแจ็กซ์ ตามด้วย แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ภายในเวลา 3 ปี"
"หลายๆ คนมักจะถามผมบ่อยๆ ว่าผมทำยังไงถึงสามารถปลดล็อกตัวเองได้เร็วขนาดนี้ บอกตามตรง มันเป็นเพราะผมไม่รู้สึกกดดันเวลาที่อยู่ในสนาม ไม่มีความกลัวเลย"
"กลัว ? ความกลัวเป็นยังไง ? เมื่อคุณเติบโตขึ้นมาโดยที่ต้องกระโดดข้ามศพเพื่อไปโรงเรียน คุณไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้นเวลาที่เล่นฟุตบอล"
อันโตนี่ ซึ่งเป็นหนึ่งในขุนพลทีมชาติบราซิล ลุยศึกฟุตบอลโลก 2022 ที่ประเทศกาตาร์ ยืนยันว่าความฝันของตนไม่ใช่การคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก หรือยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก หรือ บัลลง ดอร์ แต่คือการพาครอบครัวออกมาจากสลัม
ในช่วงระหว่างที่ค้าแข้งกับ อาแจ็กซ์ ที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ เจ้าตัวเคยควักกระเป๋าซื้อรถเรนจ์ โรเวอร์ให้กับคุณแม่ ซึ่งเป็นรถที่เขาเคยสัญญาว่าจะซื้อให้ท่านตอนเป็นวัยรุ่น
ก่อนหน้านี้ อันโตนี่ เพิ่งจะโดน พอล สโคลส์ ตำนานแมนฯ ยูไนเต็ด จวกหนักว่าเป็นตัวตลกจากกรณีที่โชว์ทักษะหมุนตัว 720 องศา (360 องศาสองรอบ) ในเกมชนะ เชอริฟฟ์ ศึกยูฟ่า ยูโรปา ลีก
อดีตสตาร์อาแจ็กซ์ สวนกลับ "สโคซี่" ว่า "ถ้าคุณคิดว่าผมเป็นแค่ตัวตลก นั่นเป็นเพราะคุณไม่เข้าใจเรื่องราวในชีวิตของผม ศิลปะลูกหนังของ โรนัลดินโญ่, คริสเตียโน่ และ เนย์มาร์ เป็นแรงบันดาลใจของผมตอนเด็ก"
"ผมมักจะดูบรรดาพระเจ้าเหล่านี้จากการขโมยไวไฟมาใช้ หลังจากนั้นผมก็ออกไปที่สนามคอนกรีตเพื่อที่จะพยายามเลียนแบบอัจฉริยะเหล่านี้ นี่คือเรื่องราวของผม ถ้าคุณไม่เข้าใจผม หรือถ้าคุณคิดว่าผมเป็นตัวตลก ผมจะชี้ให้ดูรอยสักที่แขนผม"
"ใครก็ตามที่มาจากสลัมจะรู้ว่าผมผ่านอะไรมาบ้าง คำพูดของพวกเขาเหล่านั้นพูดแทนตัวผม และเราทุกคน" สตาร์จอมลีลาเลือดแซมบ้า กล่าวทิ้งท้าย
ทอมเม้ง