แมนซิตี้ กำลังอยู่ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่สุดๆ และจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรีบแก้ไขเป็นการด่วน ไม่อย่างนั้นโอกาสป้องกันแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ คงริบหรี่เต็มที
ทัพ "เรือใบสีฟ้า" ฟอร์มร่วงกราวรูดอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเสมอ เฟเยนูร์ด 3-3 ทั้งๆ ที่นำ 3-0 ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ส่งผลให้ตอนนี้พวกเขาไร้ชัยชนะ 6 เกมติดต่อกันในทุกรายการ โดยแพ้ไปถึง 5 แมตช์
ยิ่งไปกว่านั้น แมนซิตี้ มีคิวต้องไปเยือน ลิเวอร์พูล ในเกมลีกวันอาทิตย์ที่ 1 ธันวาคมนี้ และ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นให้เร็วที่สุด เพราะไม่อย่างนั้นพวกเขามีโอกาสโดน "หงส์แดง" ซึ่งฟอร์มร้อนแรงสุดขีด กระซวกเอาได้ง่ายๆ
ดังนั้นสิ่งที่ กวาร์ดิโอล่า ต้องรีบทำก็คือการวิเคราะห์ปัญหาที่เกิดขึ้นในเวลานี้ และหาแนวทางปรับแก้ เพราะถ้าปัญหายังคาราคาซังแบบนี้ต่อไป ฤดูกาลนี้แฟนบอล "เรือใบสีฟ้า" อาจไม่ได้เห็นโทรฟี่แชมป์ประดับในถิ่นเอติฮัด สเตเดี้ยม ก็ได้
1. ขาด โรดรี้ แทบขาดใจ
การที่ แมนซิตี้ ขาด โรดรี้ คอยทำหน้าทีคุมเกมแดนกลางเริ่มค่อยๆ แสดงให้เห็นถึงความเสียหายออกมาเรื่อยๆ โดยเฉพาะในเกมกับ สเปอร์ส ซึ่งพวกเขาแพ้อย่างราบคาบ เช่นเดียวกับแมตช์ที่เสมอ เฟเยนูร์ด เนื่องจากทีมไม่มีนักเตะที่คอยทำหน้าที่คุมจังหวะการเล่น และตัดเกมคู่แข่ง
มิดฟิลด์ทีมชาติสเปน ซึ่งเพิ่งคว้าบัลลงดอร์ประจำปี 2024 เป็นหัวใจในแดนกลางของทีม และมีบทบาททั้งการปั้นเกมรวมทั้งคอยทำหน้าที่จัดการจังหวะการสวนกลับของคู่แข่งก่อนที่จะหลุดไปยังแผงแบ็กโฟร์
จะเห็นได้ชัดว่าหลายครั้งที่ แมนซิตี้ โดนคู่แข่งตัดเกมและสวนกลับ โรดรี้ จะคอยดักจังหวะและตัดเกมทันทีทำให้กองหลังไม่ต้องเจอกับสถานการณ์ยากลำบากมากนัก แนวทางการเล่นของเขามีความสำคัญกับทีมอย่างมากตลอดช่วง 5 ฤดูกาลที่ผ่านมา
ดังนั้น เป๊ป คงต้องคิดหนักในการหาใครมาเติมเต็มในตำแหน่งนี้ ก่อนหน้านี้ มาเตโอ โควาซิช ยังพอที่จะรับบทบาทได้บ้าง แต่ดันดวงแตกมีปัญหาบาดเจ็บทำให้สภาพร่างกายยังฟิตไม่เต็มร้อย และนี่อาจเป็นอีกครั้งที่ กุนซือชาวสแปนิช จำเป็นต้องใช้ จอห์น สโตนส์ หรือ มานูเอล อคานจี เล่นในตำแหน่งนี้ชั่วคราว
2. พึ่งพา ฮาลันด์ มากเกินไป
ตอนนี้ต้องยอมรับว่าฟอร์มถล่มประตูของ เออร์ลิง ฮาลันด์ หายไปหมดเลย แม้ล่าสุด ดาวเตะชาวนอร์เวย์ จะทำได้สองประตูในเกมเสมอ เฟเยนูร์ด แต่ดูเหมือนว่าผลงานของเขาไม่ได้เปรี้ยงปร้างเหมือนกับช่วง 2 ซีซั่นที่ผ่านมา
แม้ว่า ฮาลันด์ จะซัดไปแล้ว 17 ประตูจากการลงสนาม 18 เกมในทุกรายการซีซั่นนี้ และนำเป็นดาวซัลโวพรีเมียร์ลีกด้วยจำนวน 12 ประตู แต่บางแมตช์นักเตะแทบไม่มีส่วนร่วมกับเกม และถ้าวันไหนดวงแตกฟอร์มไม่เข้าฝัก จังหวะง่ายๆ ก็ทำให้เป็นเรื่องยาก
ผลงานชั้นยอดของ แมนซิตี้ ในช่วง 2 ฤดูกาลที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งมาจากฟอร์มถล่มประตูของ ฮาลันด์ และถ้าหากนักเตะฟอร์มสะดุดนั่นย่อมส่งผลต่อการสร้างสกอร์ของ "เรือใบสีฟ้า"
ด้วยเหตุนี้ กวาร์ดิโอล่า จึงต้องรีบยกระดับผู้เล่นแนวรุกคนอื่นๆ ให้จบสกอร์ได้เฉียบคมมากกว่านี้ เพื่อที่ทีมจะได้มีทางเลือกในการยิงประตูมากขึ้น ถ้าหาก ฮาลันด์ เล่นไม่ออก
3. แนวรับเปราะบาง
แทบไม่อยากเชื่อว่าแนวรับของ แมนซิตี้ จะเปราะบางมากขนาดนี้ เพราะ 6 เกมที่ผ่านมาพวกเขาเสียไปถึง 17 ประตู !! โดยเฉพาะสองเกมล่าสุดที่แพ้ สเปอร์ส 0-4 และเสมอ เฟเยนูร์ด 3-3 ถือว่าเป็นวิกฤติอย่างยิ่งของ กวาร์ดิโอล่า ในการแก้ปัญหาเรื่องนี้
หลายคนที่ได้เห็นผลงานของทัพ "สำเภาทอง" ในยุคเป๊ป คงรู้ว่าพวกเขาเป็นทีมที่เสียประตูยากมาก โดยเฉพาะการเสีย 2-3 ประตูในเกมเดียวแทบจะไม่ค่อยมีให้เห็น แต่สำหรับฤดูกาลนี้ ทีมเสียประตูเยอะจนน่าใจหาย
ยิ่งในเกมกับ เฟเยนูร์ด ทีมนำห่างถึง 3-0 และน่าจะเก็บสามคะแนนได้อย่างสบายๆ แต่พวกเขาโดนคู่แข่งไล่บดขยี้จนนำไปสู่การเสียถึงสามประตู และทำให้ทีมทำคะแนนหลุดมือไปถึงสองแต้ม
ตอนนี้ กวาร์ดิโอล่า คงต้องหวังพึ่งพา รูเบน ดิอาส ที่หายเจ็บกลับมาแล้ว และได้พักร่างกายเต็มที่พร้อมลงสนามดวลกับ ลิเวอร์พูล ในช่วงสุดสัปดาห์นี้ ด้วยประสบการณ์และความเป็นผู้นำของ กองหลังทีมชาติโปรตุเกส คงจะช่วยจัดระบเกมรับให้ทีมได้ดีขึ้นกว่าเดิม
4. ขุมกำลังเริ่มโรยรา
กวาร์ดิโอล่า คงต้องมีการปรับขุมกำลับใหม่ หลังจากที่ขยายสัญญาฉบับใหม่ 2 ปีเมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากตอนนี้นักเตะภายในทีมของเขามีถึง 12 รายที่จะอายุมากกว่า 30 ปีในฤดูกาลหน้า โดย นาธาน อาเก้ กับ อคานจี จะอายุครบ 30 ปีในซีซั่นนี้ ส่วน แจ็ค กรีลิช จะเข้าหลักสามในปี 2025
ฟอร์มการเล่นของ ไคล์ วอล์คเกอร์ ในวัย 34 ปีต้องบอกเลยว่าค่อนข้างน่าผิดหวัง โดยเฉพาะความเร็วของเขาเริ่มตกลงไปเรื่อยๆ ขณะที่ เควิน เดอ บรอยน์ เพลย์เมกเกอร์คนสำคัญ แม้ยังเป็นที่พึ่งพาได้ แต่สภาพร่างกายก็ไม่แข็งแกร่งเหมือนเดิม และมีปัญหาบาดเจ็บรบกวนอย่างต่อเนื่อง
ด้วยสถานการณ์ของทีมที่จำเป็นต้องใช้ขุมกำลังเท่าที่มีอยู่ในเวลานี้ ทำให้ กวาร์ดิโอล่า จำเป็นต้องมีการปรับแท็กติกสำหรับนักเตะตัวหลักที่อายุเริ่มโรยรา ก่อนที่ทีมจะมีการเสริมทัพใหม่ซึ่งอาจเกิดขึ้นในช่วงเดือนมกราคม หรือต้องรอไปถึงซัมเมอร์ปี 2025
ฉะนั้น นายใหญ่จากแคว้นคาตาลัน อาจต้องเลือกปรับแก้ ยกตัวอย่างเช่นการให้ วอล์คเกอร์ ขยับเข้าไปยืนเซนเตอร์แบ็กเหมือนที่เขาเล่นกับทีมชาติอังกฤษในช่วงที่ผ่านมา ส่วน เดอ บรอยน์ อาจต้องปรับสไตล์การเล่นเพื่อลดความเสี่ยงที่จะได้รับบาดเจ็บ
5. ความกังวลเรื่องคดีละเมิดกฎการเงิน
หนึ่งในปัญหาใหญ่ที่อาจทำให้ เป๊ป แอนด์ โค. รู้สึกกังวลใจอย่างมากก็คือการถูก พรีเมียร์ลีก ตั้งข้อหาทำผิดกฏการใช้เงิน 115 กระทงโดยถึงขณะนี้มีการไต่สวนกันในทางลับตั้งแต่เดือนก.ย.ที่ผ่านมา และคาดว่าผลการตัดสินน่าจะมีขึ้นในเร็วๆ นี้
แม้ทัพ "เรือใบสีฟ้า" ยืนยันเสียงแข็งว่าไม่ได้ทำผิด แต่ถ้าหากพวกเขาโดนตัดสินว่าผิดจริง นั่นหมายความว่า แมนซิตี้ มีสิทธิ์ได้รับโทษสถานหนักทั้งถูกปรับเงินก้อนโต หรือแม้กระทั่งโดนปรับตกจาก พรีเมียร์ลีก
สำหรับเรื่องนี้ กวาร์ดิโอล่า โดนสื่อยิงคำถามในเรื่องนี้มาตลอดว่าปัญหาดังกล่าวส่งผลกระทบกับนักเตะหรือไม่ และคำตอบก็เหมือนเดิมทุกครั้ง นั่นก็คือทีมสามารถคว้าแชมป์ได้แม้จะถูกกล่าวหาหรือโดนตั้งข้อหาก็ตาม
อย่างไรก็ตาม เมื่อการไต่สวนใกล้จะได้บทสรุปดูเหมือนว่าเรื่องนี้จะส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจของนักเตะอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งดูได้จากฟอร์มในสนามในช่วงที่ผ่านมา แต่วิธีแก้คงไม่มี สิ่งที่ทำได้ก็คือรอคอยคำตัดสินเท่านั้น!!!
ทอมเม้ง