แมนยู ยุคใหม่ภายใต้การคุมทีมของ รูเบน อโมริม เริ่มต้นได้อย่างกระท่อนกระแท่นไม่น้อยแม้จะบุกไปสอยตาข่าย อิปสวิช ได้ตั้งแต่ไก่โห่ แต่ลงเอยแล้วพวกเขาทำได้แค่เสมอกับ ม้าขาว 1-1 ในเกม พรีเมียร์ลีก ที่สนาม พอร์ทแมน โร้ด เมื่อวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.ซึ่งชี้ให้เห็นว่าดาวเตะ ผีแดง ยังต้องใช้เวลาอีกมากพอสมควรต่อการปรับตัวให้เข้ากับแบบแผนการเล่นใหม่ถอดด้าม 3-4-3 ของเจ้านายคนใหม่
1. ม้าขาว เปลี่ยนโผตัวจริงรายเดียว
อิปสวิช ทีมรองบ๊วยปรับโผนักเตะตัวจริงรายเดียวจากเกมบุกไปสยบ สเปอร์ส 2-1 นัดก่อนโดยพวกเขากำชัยได้เป็นเกมแรกหลังเลื่อนขึ้นสู่ พรีเมียร์ลีก เป็นผลสำเร็จ
คีแรน แม็คเคนน่า นายใหญ่เจ้าบ้านไม่อาจใช้บริการของ เบน จอห์นสัน ที่บาดเจ็บได้ส่งผลให้ เวส เบิร์นส์ ได้ลงสนาม
สำหรับ โอมารี ฮัทชินสัน ที่มีอาการเจ็บเท้าผ่านการทดสอบความฟิตลงเล่นเป็นตัวจริงได้ตามปกติ
2. อโมริม ปรับทัพสามจุดรับไม้ต่อจากบอสรุด
รูเบน อโมริม กุนซือคนใหม่ของ แมนฯ ยูไนเต็ด เปลี่ยนโผนักเตะตัวจริงสามรายจากเกมสุดท้ายที่ รุด ฟาน นิสเตลรอย นายใหญ่ขัดตาทัพพาทีมเฝ้าบ้านสยบ เลสเตอร์ ในเกมลีกได้ด้วยสกอร์ 3-0
ผู้จัดการทีมชาวโปรตุกีส เลือกส่ง จอนนี่ อีแวนส์ คุมแนวรับแทน ลิซานโดร มาร์ติเนซ ที่เดี้ยง ขณะที่ มานูเอล อูการ์เต้ ลูกทีมเก่าจาก สปอร์ติ้ง ลิสบอน มีชื่อนั่งข้างสนามร่วมกับ ราสมุส ฮอยลุนด์ โดยทั้งสองเสียตำแหน่งตัวจริงให้กับ อเลฮานโดร การ์นาโช่ กับ คริสเตียน เอริคเซ่น
พร้อมกันนี้ กุนซือวัย 39 ปีจัดทัพ 11 คนแรกโดยมีอายุเฉลี่ย 39 ปี 302 วันน้อยที่สุดในบรรดากุนซือที่คุมทีม เร้ด เดวิลส์ ลงเล่นเกมแรกถัดจาก วิลฟ์ แม็คกินเนสส์ ที่ส่งทีมอายุเฉลี่ย 31 ปี 288 วันออกสตาร์ตแมตช์แรกของเขาเมื่อเดือนส.ค.1969
3. แรชฟอร์ด สิงห์ปืนไวฉลองนายใหม่
มาร์คัส แรชฟอร์ด เปิดตัวได้เยี่ยมในเกมแรกที่ อโมริม คุมทีมโดยเขาถูกเลือกลงเล่นเป็นหัวหอกก่อนหน้า ฮอยลุนด์ และเจ้าตัวตอบแทนเจ้านายคนใหม่ได้ตั้งแต่ไก่โห่
หลังเกมดำเนินไปได้แค่ 81 วินาที ดาวยิงทีมชาติ อังกฤษ รับบอลจาก อาหมัด ดิยัลโล่ และปรี่เข้าฮอสให้ ผีแดง นำเร็ว 1-0 ซึ่งเป็นประตูที่เร็วที่สุดในเกม พรีเมียร์ลีก ของ แมนฯ ยูไนเต็ด รองจากที่กองหน้าทีมชาติ เดนมาร์ค สอยตาข่ายได้ในเวลาเพียง 37 วินาทีนัดบู๊กับ ลูตัน เมื่อเดือนก.พ.
สำหรับ แรชฟอร์ด บอกเลยว่าเจ้าตัวถูกโฉลกกับเกมเปิดตัวผู้จัดการทีมคนใหม่อย่างยิ่งเนื่องจากก่อนหน้านี้ในเกมที่ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา คุมทีมเป็นแมตช์แรก เขายิงประตูแรกของเกมได้เช่นกันตั้งแต่นาทีที่ 3 นัดบุกไปถล่ม คาร์ดิฟฟ์ 5-1 เดือนธ.ค.2018
4. ระบบใหม่ต้องใช้เวลา
โดยปกติแล้วทีมส่วนใหญ่ในลีกอังกฤษไม่นิยมเล่นในสไตล์หลังสาม มันจึงเป็นสิ่งแปลกใหม่ของขุนพลทีม แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ต้องพยายามปรับตัวให้ได้สำหรับแบบแผนการเล่นใหม่ถอดด้ามที่เจ้านายชาวเมืองฝอยทองนำมาใช้กับทีม
แม้ ผีแดง จะออกสตาร์ตได้อย่างร้อนแรงเกินห้ามใจด้วยการบุกไปยิงประตูออกนำ ม้าขาว ได้อย่างรวดเร็ว แต่ทำไปทำมาเกมของเจ้าบ้านเหนือกว่าอาคันตุกะอย่างเห็นได้ชัดกระทั่งท้ายครึ่งแรกพวกเขาตีเสมอได้สำเร็จจากจังหวะกระทุ้งของ ฮัทชินสัน หลังจาก อ็องเดร โอนาน่า ต้องออกแรงเซฟให้ทีมมาก่อนแล้วโดยเฉพาะจังหวะเข่นเหน่งๆของ เลียม ดีแล็ป
หลังเกมในครึ่งแรกจบลง สถิติเผยว่า ผีแดง เป็นรอง ม้าขาว แม้ทั้งสองทีมจะเสมอกัน 1-1 โดยเจ้าบ้านครองบอลได้ดีกว่าเล็กน้อย 50.5%:49.5% และได้ส่องยิงมากกว่า 7:5 ครั้ง พร้อมทั้งส่งบอลเข้ากรอบได้มากกว่า 4:3 ครั้งซึ่งชี้ให้เห็นว่าทีมเยือนยังต้องใช้เวลาปรับตัวกับระบบใหม่
และที่สำคัญ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้สัมผัสบอลในกรอบเขตโทษ อิปสวิช ช่วงครึ่งแรกแค่ 4 ครั้งเท่านั้นซึ่งถือเป็นตัวเลขที่เลวร้ายอย่างยิ่งเนื่องจากตลอดระยะเวลาการคุมทีมของ เอริค เทน ฮาก ในศึก พรีเมียร์ลีก มีแค่เกมเดียวที่ ผีแดง ได้สัมผัสบอลในเขตโทษคู่แข่งช่วง 45 นาทีแรกต่ำกว่านี้ (1ครั้ง) นัดบุกไปเยือน ลิเวอร์พูล ปี 2023
5. ได้ลองของอีกสองเกมก่อนเยือนปืนโต
หลังเสมอกับ อิปสวิช 1-1 ในครึ่งแรก เห็นได้ชัดว่า อโมริม กำชับนักเตะให้เล่นกันด้วยความรอบคอบ และเน้นดึงเกมให้ช้าลงเนื่องจากพวกเขาครองบอลสู้เจ้าบ้านไม่ได้ซึ่งเป็นผลมาจากสตาร์ ผีแดง ยังไม่คุ้นชินกับระบบใหม่
และแม้สุดท้ายแล้ว ปีศาจแดง จะไม่สามารถเอาชนะ ม้าขาว ได้โดยทั้งสองทีมเสมอกันไปด้วยสกอร์เดิม 1-1 แต่อย่างน้อยการติวเข้มนักเตะของ อโมริม ช่วงพักครึ่งทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด พลิกกลับมาครองบอลได้เหนือกว่าเจ้าบ้านหลังจบ 90 นาทีที่ตัวเลข 59.7%:40.3%
พร้อมกันนี้ ผีแดง ได้ส้บไกรวม 11 ครั้งเท่ากับ อิปสวิช ด้วยแม้จะยังส่งบอลเข้ากรอบได้แย่กว่า 6:4 ครั้งซึ่งเป็นการบ้านที่ อโมริม จะต้องแก้ไขแบบค่อยเป็นค่อยไป และมันต้องใช้เวลามากพอสมควรเมื่อดูจากผลงานในสนามของนักเตะที่เปลี่ยนมาเล่นในสไตล์หลังสาม
จะอย่างไรก็ตาม หลังประเดิมคุมทีมลงเล่นเกมแรกที่ พอร์ทแมน โร้ด เป็นที่เรียบร้อยแล้ว กุนซือเลือดฝอยทองจะต้องใช้เวลาทุกนาทีอย่างมีค่าสำหรับความพยายามทำให้นักเตะซึบซับกับปรัชญาของเขาอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้โดยเกมต่อไป ผีแดง จะได้เล่นในบ้านต้อนรับ โบโด กลิมท์ ในศึก ยูโรปาลีก วันที่ 28 พ.ย.ก่อนบู๊กับ เอฟเวอร์ตัน ในศึก พรีเมียร์ลีก วันที่ 1 ธ.ค.ที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด เช่นกัน
ฉะนั้นแล้ว สองเกมเหย้าที่ว่านี้จะเป็นโอกาสดีที่ อโมริม สมควรพาทีมคว้าชัยชนะให้ได้เพื่อเรียกขวัญและกำลังใจให้กับนักเตะก่อนที่พวกเขาจะต้องออกไปเยือน อาร์เซน่อล ในเกมต่อไปวันที่ 4 ธ.ค.ซึ่งไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะเป็นงานยากมหันต์สำหรับอดีตโค้ชทีม สปอร์ติ้ง ลิสบอน ที่ต้องจับต้นชนปลายทีมใหม่ของเขาให้ได้ก่อนยกทัพไปปะทะทีมเมืองหลวงซึ่งแน่นอนว่าชั่วโมงนี้มีศักยภาพเหนือกว่า เร้ด เดวิลส์ ในฐานะผู้ท้าชิงแชมป์ พรีเมียร์ลีก ตลอดระยะเวลาสองสามปีที่ผ่านมา