เซาธ์แฮมป์ตัน พบ ลิเวอร์พูล: อาร์เน่อกล้าเสี่ยง, ซาลาห์ คนสำคัญ! 5 ประเด็น "หงส์แดง"

เซาธ์แฮมป์ตัน พบ ลิเวอร์พูล:  อาร์เน่อกล้าเสี่ยง, ซาลาห์ คนสำคัญ! 5 ประเด็น "หงส์แดง"
ลิเวอร์พูล โชว์ให้เห็นถึงหัวใจนักสู้แม้ตามหลังแต่สามารถพลิกสกอร์แซงชนะ เซาธ์แฮมป์ตัน 3-2 ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยส่งผลให้ "หงส์แดง" รั้งจ่าฝูงอย่างเหนียวแน่น พร้อมทิ้งห่าง แมนซิตี้ 8 คะแนนไปแล้ว

1. โค้ชอาร์เน่อกล้าเสี่ยง


กลายเป็นเรื่องปกติไปแล้วสำหรับสาวก "เดอะ ค็อป" ที่เห็นทีมรักฟอร์มอาจจะไม่ค่อยโดดเด่นมากนักในครึ่งแรก และมักจะโชว์ฟอร์มเทพในครึ่งหลัง แต่แมตช์นี้ช่วง 45 นาทีแรกพวกเขาเล่นได้ดีมากๆ แต่ขาดความเฉียบคม ที่สำคัญความผิดหวังส่วนตัวทำให้ทีมต้องเสียประตู

สำหรับครึ่งหลังที่เซนต์ แมรี่ส์ มันกลับตาลปัตร เพราะ "นักบุญ" ได้ประตูขึ้นนำ 2-1 และนั่นทำให้ บอสอาร์เน่อ จำเป็นต้องปรับแท็กติกทันที ด้วยการใส่ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ กับ หลุยส์ ดิอาซ เข้ามาเพื่อเติมเกมรุก และก็ได้ผลซะด้วย

การส่งทั้งสองคนลงสนามทำให้เกมบุกของ "เดอะ เร้ดส์" มีมิติมากขึ้น และสามารถครองเกมได้แบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด แต่ขาดเพียงแค่ความเฉียบคมเท่านั้น ซึ่งนั่นไม่ใช่ปัญหาเพราะถ้าทีมสามารถครองเกมได้เหนือกว่า สร้างโอกาสได้มากกว่า การลุ้นทำประตูย่อมมีมากขึ้นแน่นอน

การตัดสินใจเสี่ยงของ กุนซือหัวใสชาวดัตช์ ถือว่าได้ผล เมื่อทีมยิงคืนสองประตูรวด และคว้าสามคะแนนสำคัญได้ จะว่าไปแล้ว โค้ชอาร์เน่อ แสดงให้เห็นถึงความกล้าในการแก้เกมแบบรวดเร็วทันใจหลายแมตช์แล้ว ซึ่งนี่ถือเป็นหนึ่งในคุณสมบัติที่โดดเด่นของเขา 

2. โม ซาลาห์ ขาดไม่ได้


โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ยังคงเป็นที่พึ่งพาได้เสมอ สำหรับแมตช์นี้ต้องบอกว่าเขามีโอกาสที่จะยิงประตูหลายครั้ง แม้อาจจะพลาดเป้าไปบ้าง แต่ท้ายที่สุดทีมก็มักจะได้เจ้าตัวช่วยนำชัยชนะมาสู่ทัพ "หงส์แดง" 

ไหวพริบ, ความเก๋า และความเร็วของ "บังโม" ช่วยทำให้ทีมตีเสมอ 2-2 ได้อย่างรวดเร็ว  ขณะเดียวกันความนิ่ง และความเด็ดขาดในการซัดจุดโทษถือเป็นเครื่องหมายการค้าของเจ้าตัวอย่างแท้จริง

 สำหรับตอนนี้ "คิง ออฟ อียิปต์" ยิงไปแล้ว 10 ประตูกับ 6 แอสซิสต์ หลังผ่านการเล่นเกมลีกไป 12 นัด และยังซัดในลีก 5 แมตช์หลังสุด แต่เรื่องที่น่าตำหนิปนขำๆ ก็คือการโดนใบเหลืองล่าสุด เพราะเป็นใบเหลืองที่ 9 ของเขาโดยมาจากการถอดเสื้อดีใจ 5 ใบ!!! 

จากฟอร์มที่ยอดเยี่ยมมาตลอดแบบนี้ บอร์ดบริหารน่าจะคิดได้แล้วว่าสมควรที่จะทำตามสิ่งที่ ซาลาห์ ต้องการในการขยายสัญญาฉบับใหม่ เพราะนี่คือทรัพยากรที่มีค่าอย่างยิ่งสำหรับ ลิเวอร์พูล และควรค่าต้องเก็บเอาไว้ 

3.  ผู้สืบทอดที่กลายเป็นสุดที่รัก


ตอนที่ ลิเวอร์พูล แต่งตั้ง โค้ชอาร์เน่อ เข้ามากุมบังเหียนแทนที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ ที่ยุติบทบาทการเป็นกุนซือหลังจบฤดูกาลที่ผ่านมา หลายคนตั้งคำถามว่าชายคนนี้จะแบกรับแรงกดดันเอาไว้ได้ไหม 

สำหรับตอนนี้ โค้ชอาร์เน่อ ใช้กึ๋นและความสามารถในการตอบคำถามเหล่านั้นได้หมดแล้ว แม้สไตล์การทำทีมของเขาอาจจะแตกต่างกับ คล็อปป์ ไม่ใช่ประเภทเฮฟวี่เมทัล แต่เน้นแนวคลาสสิคมีจังหวะจากโคน แต่บทสรุปก็คือการได้ผลการแข่งขันที่ต้องการ พร้อมกับฟอร์มการเล่นที่น่าประทับใจ

ผลงานของ อาร์เน่อ เป็นบทพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเขาไม่ใช่แค่ผู้สืบทอดเท่านั้น แต่ยังเป็นผู้สานต่อที่ดี  โดยสถิติการคว้าชัยชนะ 10 เกมจาก 12 แมตช์ในพรีเมียร์ลีก ถือว่าไม่ธรรมดา เพราะทำให้เขาเป็นกุนซือที่คว้าชัยชนะเลขสองหลักเร็วสุดร่วมกับ กุส ฮิดดิ้งค์ และ คาร์โล อันเชลอตติ 

4. ความผิดพลาดหายนะ "นักบุญ"


 เซาธ์แฮมป์ตัน ค่อนข้างดูดีเลยทีเดียวในการสู้กับ ลิเวอร์พูล โดยเฉพาะจังหวะการสวนกลับที่ทำได้ดีเยี่ยม และนำไปสู่การได้ประตูที่สองของพวกเขา แต่การเล่นที่ผิดพลาดความจุดบกพร่องที่ทำให้ทีมพบกับความพ่ายแพ้ 

หลังจากที "เดอะ เซนต์ส" ได้ประตูนำ 2-1 พวกเขาหันไปเน้นการเล่นแบบรัดกุมและรอจังหวะสวนกลับซึ่งก็สร้างความหวาดเสียวได้พอสมควร แต่ติดตรงที่เจ้าบ้านไม่ค่อยเฉียบคม และขาดความแม่นยำ

อย่างไรก็ตามความผิดพลาดในจังหวะอ่านบอลยาวของ อเล็กซ์ แม็คคาร์ธี่  ผู้รักษาประตูทำให้ โม ซาลาห์ ได้โอกาสยิงประตูตีเสมอ 2-2 และจากนั้นตัวสำรองที่ลงมาไม่กี่นาทีก็ดันทำแฮนด์บอลส่งผลให้เสียจุดโทษ และนำไปสู่ประตูชัยของทีมเยือน


สิ่งที่ รัสเซลล์ มาร์ติน กุนซือต้องรีบแก้ไขก็คือการเล่นที่แน่นอน และไม่ควรผิดพลาดมากจนเกินไป ซึ่งถ้าหากทำไม่ได้อนาคตของเจ้าตัวคงน่าเป็นห่วง แถมอนาคตของ เซาธ์แฮมป์ตัน ก็คงลุ้นเหนื่อยในการหนีตกชั้น!!

5. ทิ้งห่าง 8 คะแนน


"หนาวเหลือเกิน" ตอนนี้กำลังฮิตในสื่อสังคมออนไลน์ หลัง ลิเวอร์พูล คว้าชัยชนะในเกมบุกถิ่นเซนต์ส แมรี่ส ทำให้พวกเขารั้งจ่าฝูงอย่างเหนียวแน่น ด้วยการมี 31 คะแนนจาก 12 เกม ทิ้งห่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 8 แต้มไปแล้ว 

ผลการแข่งขันเมื่อวันเสาร์ที่ สเปอร์ส บุกถล่ม แมนซิตี้ 4-0 คาถิ่นเอติฮัด สเตเดี้ยม สร้างแรงกระตุ้นสำคัญให้กับขุนพล "หงส์แดง" อย่างยิ่ง เพราะถ้าหากพวกเขาคว้าชัยชนะในเกมวันอาทิตย์นั่นหมายความการทำแต้มทิ้งห่างแชมป์เก่าไปไกลพอสมควร

สำหรับตอนนี้เป้าหมายของ "เดอะ เร้ดส์" บรรลุผลแล้ว และมันเป็นการส่งแรงกดดันไปยัง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า แอนด์ โค. ที่จะต้องรีบเรียกฟอร์มเก่งกลับคืนมาให้เร็วที่สุด ไม่อย่างนั้นอาจทำให้ "เรือใบสีฟ้า" ต้องเจอกับงานสุดหินในการป้องกันแชมป์ลีก

แมตช์ต่อไปถือว่าสำคัญมากๆ เพราะทั้งสองทีมต้องเจอกันที่แอนฟิลด์ และถ้าเจ้าบ้านคว้าชัยชนะได้นั่นจะทำให้ช่องว่างห่างไกลยิ่งขึ้น และ เป๊ป ยอมรับว่าถ้าแพ้ "หงส์แดง" พวกเขาคงหมดสิทธิ์ลุ้นแชมป์ในฤดูกาลนี้

อย่างไรก็ตาม นี่คือวิธีการโยนแรงกดดันใส่คู่แข่งของ กุนซือชาวสแปนิช เพราะสำหรับเกมพรีเมียร์ลีกทีมจ่าฝูงที่นำเยอะอย่าประมาทเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นจะน้ำตาตกเหมือน นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด (ฤดูกาล 1995/1996) และ อาร์เซน่อล (ฤดูกาล 2022/2023) !!!

ทอมเม้ง


ที่มาของภาพ : getty images
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport