รูเบน อโมริม กุนซือแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีงานเยอะมากในการนำ "ปีศาจแดง" กลับคืนสู่ฟอร์มเก่ง และสร้างผลงานให้ดีทั้งฟุตบอลในประเทศ และยูฟ่า ยูโรปา ลีก
นายใหญ่ใหม่แกะกล่องชาวโปรตุกีส ได้รับวีซ่าเพื่อนำทีมลงฝึกซ้อมในแคร์ริงตัน สนามซ้อมของสโมสรได้แล้วเมื่อวันจันทร์ที่ 18 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เพื่อเตรียมทีมสำหรับลงสนามในเกมพรีเมียร์ลีก เยือน อิปสวิช ทาวน์ วันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้
แน่นอนว่าสำหรับ แมนยู ทุกเกมที่ลงสนามมีความสำคัญอย่างมาก โดยเฉพาะกับ อโมริม ที่จะได้ลองลิ้มชิมความมันในเกมลีกสูงสุดเมืองผู้ดีสำหรับช่วงเดือนกว่าๆ ก่อนจะหมดปี 2024
สำหรับ อโมริม ต้องบอกเลยว่าโปรแกรม 5 แมตช์ในช่วง 6 สัปดาห์ต่อจากนี้ มีความหมายอย่างมาก เพราะมันอาจจะเป็นการสร้างแรงกระตุ้นและความฮึกเหิมให้กับนักเตะในการพลิกสถานการณ์ที่ย่ำแย่กลับสู่ความร้อนแรงอีกครั้ง
1. อิปสวิช ทาวน์ (เยือน) - พรีเมียร์ลีก : วันที่ 24 พ.ย.
อโมริม จะเริ่มทำงานในการคุมทีมอย่างเป็นทางการในแมตช์เยือนถิ่น พอร์ทแมน โร้ด เพื่อเผชิญหน้ากับ อิปสวิช ทาวน์ ซึ่งมี คีแรน แม็คเคนน่า อดีตสตาฟฟ์โค้ช "ผีแดง" ทำหน้าที่กุมบังเหียนในเวลานี้
สำหรับแมตช์เดบิวต์กึ๋นของ อโมริม หลายคนอาจมองว่าเป็นเกมที่ไม่ยากเย็นนัก เนื่องจากทัพ "ม้าขาว" มีชื่อเสียงและขุมกำลังเป็นลองมากกว่าหลายเท่า และอันดับก็ยังย่ำแย่รั้งอยู่ที่ 17 มีเพียง 8 คะแนนห่างจากโซนตกชั้นเพียงแต้มเดียวเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม งานแรกกับลีกใหม่และประเทศใหม่ย่อมเป็นเรื่องยากเสมอสำหรับ กุนซือชาวโปรตุกีส เพราะมันต้องมีการปรับตัว และทำความเข้าใจกับลีกที่เต็มไปด้วยความเข้มข้นในอังกฤษ ซึ่งแตกต่างจากลีกชั้นนำในยุโรปหลายประเทศ
อย่าลืมว่า อิปสวิช เพิ่งจะหักปากกาเซียนด้วยการบุกไปคว่ำ "ไก่เดือยทอง" ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ 2-1 ก่อนช่วงพักเบรกทีมชาติ ฉะนั้นพวกเขาย่อมมีของดี ถ้าหาก อโมริม ไม่เตรียมทีมมาให้ดี มีสิทธิ์น้ำตาร่วงก็ได้
2. โบโด กลิมท์ (เหย้า) - ยูโรปา ลีก : วันที่ 28 พ.ย.
แมตช์นี้เป็นการได้แสดงฝีมือในสนามโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เป็นครั้งแรก และแน่นอนว่าสาวก "เร้ด อาร์มี่" คงเข้ามาให้กำลังใจเต็มที่ แถมการพบกับทีมอย่าง โบโด กลิมท์ พวกเขามีความเป็นไปได้สูงที่จะเก็บชัยชนะ
สำหรับเกม ยูโรปา ลีก ต้องบอกเลยว่าไม่น่าจะมีปัญหาสำหรับ อโมริม เนื่องจากเขาผ่านประสบการณ์ในการคุม สปอร์ติ้ง ลิสบอน ลุยศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก มาแล้ว แถมล่าสุดก็เพิ่งจัดการไล่ต้อน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยับเยิน ก่อนจะอำลาทีมมาคุม "ปีศาจแดง"
อย่างไรก็ตาม การคุม แมนยูไนเต็ด เต็มไปด้วยแรงกดดัน และความคาดหวังสูงมาก ดังนั้นในแมตช์รับมือ โบโด กลิมท์ ต่อหน้าแฟนบอล "ผีแดง" เต็ม "โรงละครแห่งความฝัน" อโมริม ต้องทำผลงานให้ดีที่สุดเพื่อสร้างความประทับใจให้กับกองเชียร์
หลายคนอาจมองว่าด้วยประสบการณ์และกึ๋นของ อโมริม สามารถผ่านเกมแบบนี้ไปได้แน่นอน แต่อย่าลืมว่าความคาดหวังบางครั้งมันมาพร้อมกับภาระหนักอึ้ง และถ้าหากเริ่มต้นในเกมถ้วยยุโรปไม่ดีตั้งแต่แรก อาจมีปัญหาเรื่องความเชื่อมั่นได้เช่นกัน
3. อาร์เซน่อล (เยือน) - พรีเมียร์ลีก : วันที่ 4 ธ.ค.
ก่อนที่ อโมริม จะต้องเผชิญหน้ากับ อาร์เซน่อล เขาผ่านการคุม แมนยูไนเต็ด ไปแล้ว 3 เกม โดยหลังจากที่รับมือ เอฟเวอร์ตัน ในเกมลีก วันที่ 1 ธันวาคม เขาจะต้องนำลูกทีมไปเยือนถิ่นเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ในอีกสามวันถัดมา
ทัพ "ปืนใหญ่" ภายใต้การกุมบังเหียนของ มิเกล อาร์เตต้า กุนซือชาวสแปนิช พัฒนาฟอร์มการเล่นขึ้นมาอย่างมาก โดยเฉพาะ 2 ฤดูกาลที่ผ่านมา พวกเขาขับเคี่ยวแย่งแชมป์ลีกกับ แมนซิตี้ ได้อย่างสูสี และสำหรับซีซั่นนี้ อาร์เซน่อล ยังเป็นหนึ่งในทีมเต็งแชมป์เช่นกัน
ต้องบอกเลยว่าเกมกับ อาร์เซน่อล เป็นแมตช์ที่ยากลำบาก และเป็นบทพิสูจน์ศักยภาพของ อโมริม อย่างแท้จริงหลังช่วงฟีฟ่าเดย์ เพราะต่อหากเก็บชัยชนะ 3 เกมแรกได้ แต่ถ้าแพ้ "เดอะ กันเนอร์ส" ความมั่นใจย่อมหดหายแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้น อโมริม อาจถูกตั้งคำถามว่าเขามีคุณภาพมากแค่ไหนกับการคุมทีมในพรีเมียร์ลีก แต่ถ้าสามารถนำ แมนยูไนเต็ด โชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่น และได้ผลการแข่งขันที่น่าประทับใจในการเผชิญหน้ากับทีมระดับท็อปของลีกเป็นครั้งแรก บอกได้เลยว่าเขาและลูกทีมจะยิ่งฮึกเหิมเป็นทวีคูณ
งานนี้แฟนบอล แมนยู อย่าลืมว่า อโมริม เคยนำ สปอร์ติ้ง ลิสบอน เขี่ย อาร์เซน่อล ร่วงตกรอบ 16 ทีมสุดท้าย ศึกยูฟ่า ยูโรปา ลีก มาแล้วเมื่อฤดูกาล 2022/2023 ดังนั้นเรื่องประสบการณ์เกมใหญ่ กุนซือแดนฝอยทอง วัย 39 ปีมีเพียบ
4. แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (เยือน) - พรีเมียร์ลีก : วันที่ 15 ธ.ค.
ผลงานระดับมาสเตอร์พีซของ อโมริม ในการทิ้งทวนคุม สปอร์ติ้ง ลิสบอน นั่นก็คือการนำสโมสรพลิกนรกไล่ต้อน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยับเยิน 4-1 ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ ลีก เฟส
อโมริม มีโอกาสได้ดวลกึ๋นกับ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า อีกครั้งหลังจากสร้างรอยด่างพร้อยในการคุมทีมให้กับ ยอดกุนซือชาวสแปนิช และแน่นอนว่าเขาพกความแค้นมาเต็มกระเป๋าเพื่อหวังจะแก้เผ็ด
แมตช์นี้นอกจากจะเป็นเกม "แมนเชสเตอร์ ดาร์บี้" ครั้งแรกของ อโมริม แล้ว ยังเป็นเกมที่จะพิสูจน์ศักยภาพของเขา เพราะถ้าสามารถตอกย้ำความพ่ายแพ้ให้กับทัพ "เรือใบสีฟ้า" ได้อีกครั้ง บอกได้เลยว่าไม่มีใครปรากาส อโมริม อีกต่อไป
แฟน แมนยู เคยมีความสุขมาแล้วจากการที่พวกเขาเอาชนะ แมนซิตี้ คว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา แต่ตอนนี้ทีมเปลี่ยนมือจาก เอริค เทน ฮาก เป็น อโมริม ก็หวังว่าแรงกระตุ้นในการทำให้เมืองแมนเชสเตอร์กลับเป็นสีแดงอีกครั้งยังคงอยู่ต่อไป
5. สเปอร์ส (เยือน) - คาราบาว คัพ : วันที่ 19 ธ.ค.
ไม่มีหนทางไหนที่จะดีไปกว่าการเริ่มต้นงานผู้จัดการทีมใหม่พร้อมกับคว้าแชมป์ในฤดูกาลแรก และ อโมริม คงจะมองว่าศึก คาราบาว คัพ เป็นโอกาสที่ดีเยี่ยมมากๆ ในการทำสิ่งนั้น
การออกไปเยือน ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ในรอบก่อนรองชนะเลิศ เป็นงานที่ท้าทายมากๆ เพราะนี่จะเป็นการปะทะกันระหว่างกุนซือชาวโปรตุกีสกับ แอนจ์ ปอสเตโคกลู ซึ่งทั้งสองมีแนวทางการเล่นที่เล่นเกมบุกคล้ายๆ กัน
ต้องยอมรับว่าหากสามารถผ่าน "ไก่เดือยทอง" ไปได้ พวกเขาก็มีลุ้นความสำเร็จ เพราะคู่แข่งที่เหลืออยู่ดูแล้วคงมีเพียง ลิเวอร์พูล (ซึ่งจะพบกับ เซาธ์แฮมป์ตัน) ที่เป็นขวากหนามใหญ่เท่านั้น ดังนั้น อโมริม คงจะเน้นรายการนี้เป็นพิเศษ เพราะหวังจะคว้าแชมป์มากำนัลให้แฟนบอลสำหรับยุคใหม่ของทีม
กระนั้นอย่าลืมว่า เทน ฮาก ก็เคยสร้างผลงานดีมีคุณภาพด้วยการคว้าแชมป์ คาราบาว คัพ และติดท็อปโฟร์ ในฤดูกาลแรกที่คุม แมนยู แถมซีซั่นที่สองยังได้แชมป์เอฟเอ คัพ แต่บทสรุปทุกอย่างอยู่ที่ผลงานในพรีเมียร์ลีก ซึ่งจะตัดสินอนาคตของ อโมริม เช่นกัน
ทอมเม้ง