โม ซาลาห์ ความสำคัญกับ ลิเวอร์พูล และอนาคตที่คลุมเครือ

โม ซาลาห์ ความสำคัญกับ ลิเวอร์พูล และอนาคตที่คลุมเครือ
นับเฉพาะประตูชัยของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ เพียวๆ ลิเวอร์พูล ได้คะแนนจากเขามา 96 แต้มเข้าไปแล้วในพรีเมียร์ลีก

ลูกตะบันสุดมันผ่านมือ บาร์ท แฟร์บรุคเค่น ให้ลิเวอร์พูลพลิกสถานการณ์จากที่ตามหลัง 0-1 ในครึ่งแรกกลับมาแซงนำไบรท์ตัน และชนะ 2-1 คือประตูชัยลูกที่ 48 ของซาลาห์ที่ยิงให้ทีมหงส์แดงในพรีเมียร์ลีกตลอด 7 ฤดูกาลเศษที่ผ่านมา..

ประตูชัย.. คือประตูที่ทำให้ทีมเปลี่ยนจากเสมอเป็นชนะ คือการเปลี่ยนจากที่จะได้ 1 คะแนนเป็น 3 คะแนน.. ผลต่างของมันคือ 2 แต้ม

จากวันแรกที่ย้ายมาอยู่กับลิเวอร์พูลเมื่อปี 2017 คำนวนเฉลี่ยแบบกลม ๆ เขายิงประตูชัยให้ทีมได้ถึง 7 เกมต่อฤดูกาล

14 แต้มเหนาะ ๆ ที่ได้มาเฉพาะจากประตูชัยของเขาในแต่ละซีซั่น.. ยังไม่รวมคะแนนที่ได้มาจากประตูและการสร้างสรรค์อื่น ๆ

ทุกประตูล้วนมีความหมาย แต่ไม่ใช่ทุกประตูที่มีความสำคัญเท่ากัน ประตู 1-0 ในช่วงทดเวลาหรือประตูตีเสมอคู่แข่งแย่งแชมป์ในวินาทีสุดท้ายย่อมสำคัญกว่าประตูนำห่าง 5-0 ในนาทีที่ 62

และขึ้นชื่อว่าประตูชัย.. จะบอกว่าไม่สำคัญก็คงไม่ได้ และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ คือคนที่มักจะมีส่วนร่วมกับประตูสำคัญ ๆ ระดับนั้นอยู่บ่อย ๆ

เกมพรีเมียร์ลีกนัดล่าสุดกับไบรท์ตันก็เช่นกัน เจอปัญหากับการประกบของ เปร์วิส เอสตูปิยาน ตลอดทั้งเกม แต่ในวินาทีที่ต้องชี้ขาด ซาลาห์ก็ทำให้เห็นเหมือนหนแล้วหนเล่าที่ผ่านมา

เลี้ยงผ่านเอาชนะแบ๊กซ้ายทีมชาติเอกวาดอร์ได้แล้วสับไกยิงตุงตาข่ายชนิดที่แฟนบอลเฮล่วงหน้าได้ด้วยซ้ำตั้งแต่บอลออกจากเท้า

ซาลาห์ก็ยังคงเป็นซาลาห์วันยังค่ำ อันตรายทุกวินาที มีโอกาสเสกประตูให้คุณได้เสมอ หลาย ๆ ครั้งยังเป็นประตูสำคัญ ลูกยิงขึ้นนำ ประตูตีเสมอ หรือแอสซิสต์ให้เพื่อนทำประตูแซงคู่แข่ง

ทุกครั้งที่ซาลาห์เล่นแย่ ตัดสินใจผิดพลาด หรือยิงประตูไม่ได้มักจะมีเสียงวิจารณ์ตามมาจากแฟนบอลบางส่วน คำพูดที่ได้ยินบ่อย ๆ คือแก่แล้ว หมดแล้ว ถูกจับทางได้แล้ว เห็นแก่ตัว หรือไม่มีใจก็ขายทิ้งไปเถอะ

ด้วยความสัตย์จริง ผมไม่เคยรู้สึกแบบนั้นกับซาลาห์เลยไม่ว่าจะเป็นเรื่องแก่ เรื่องหมด เรื่องถูกจับทางได้ เรื่องเห็นแก่ตัว หรือเรื่องไม่มีใจ ตัวเขาเท่าที่ผมเห็นก็คือนักฟุตบอลซูเปอร์สตาร์คนหนึ่งที่ดูแลสภาพร่างกายของตัวเองดีเยี่ยม ลงสนามก็พยายามช่วยทีมอย่างเต็มที่ วิ่งไล่บอลเต็มขีดความฟิต

ถูกเตะกลิ้งโค่โร่ก็ลุกขึ้นมาเล่นใหม่ พยายามสร้างสรรค์โอกาส ผ่านบอล ยิงประตู เป็นคนที่กระหายชัยชนะที่สุดคนหนึ่งในทีม

แน่นอนครับ.. มีจังหวะที่ทำผิดบ้าง ตัดสินใจพลาดบ้าง หรือบางครั้งมุ่งมั่นอยากจะทำประตูเองเกินไป แต่สำหรับผมแล้วเรื่องเหล่านี้เป็นแค่เรื่องขี้ปะติ๋วจริง ๆ เมื่อเทียบกับทุกสิ่งทุกอย่างที่เขามอบให้กับทีมมาตั้งแต่วันแรก รวมทั้งคุณค่าที่เขามีต่อทีมกระทั่งทุกวันนี้

เราคนดูก็ย่อมอยากจะเห็นนักเตะที่เพอร์เฟกต์ เนี้ยบทุกกระเบียด ไม่มีจังหวะทำผิดหรือตัดสินใจพลาดเลยในเกม แต่ในโลกแห่งความจริงไม่มีใครเป็นอย่างนั้นได้ เปเล่ มาราโดน่า ซีดาน โรนัลโด้ เมสซี่ ล้วนไม่มีใครสมบูรณ์แบบทำทุกอย่างถูกต้องทั้งหมดในทุก ๆ เกม

จะดีจะแย่ ซาลาห์ก็ยังคงเป็นตัวรุกที่อันตรายที่สุดของลิเวอร์พูล มันเป็นอย่างนั้นมา 7 ปีเศษแล้วนับตั้งแต่วันแรกที่ก้าวเข้าสู่แอนฟิลด์

ฤดูกาล 2017/18 (เล่นรวม 52 เกม)

ยิง 32 จ่าย 10 ในลีก

ยิง 44 จ่าย 14 ในทุกรายการ

ฤดูกาล 2018/19 (เล่นรวม 54 เกม)

ยิง 22 จ่าย 8 ในลีก

ยิง 27 จ่าย 11 ในทุกรายการ

ฤดูกาล 2019/20 (เล่นรวม 45 เกม)

ยิง 19 จ่าย 10 ในลีก

ยิง 23 จ่าย 12 ในทุกรายการ

ฤดูกาล 2020/21 (เล่นรวม 51 เกม)

ยิง 22 จ่าย 5 ในลีก

ยิง 31 จ่าย 6 ในทุกรายการ

ฤดูกาล 2021/22 (เล่นรวม 51 เกม)

ยิง 23 จ่าย 13 ในลีก

ยิง 31 จ่าย 15 ในทุกรายการ

ฤดูกาล 2022/23 (เล่นรวม 51 เกม)

ยิง 19 จ่าย 12 ในลีก

ยิง 30 จ่าย 16 ในทุกรายการ

ฤดูกาล 2023/24 (เล่นรวม 44 เกม)

ยิง 18 จ่าย 10 ในลีก

ยิง 25 จ่าย 13 ในทุกรายการ

พรีเมียร์ลีกมีนักเตะผ่านเข้ามาแล้วก็ผ่านไปเป็นพันเป็นหมื่นคน แต่ในจำนวนนั้นมีเพียงแค่ 2 คนเท่านั้นที่ทำสถิติยิง 10 ประตูขึ้นไปกับแอสซิสต์อีก 10 ประตูขึ้นไปในฤดูกาลเดียวได้ถึง 5 ซีซั่น

โม ซาลาห์ คือหนึ่งในนั้น (อีกคนคือ เวย์น รูนี่ย์)

แม้บางครั้งจะมีเกมที่ลงเอยด้วยผลการแข่งขันที่ไม่ดีและผลงานส่วนตัวที่ไม่ค่อยดี ผมก็รู้สึกแค่ว่าแม้จะมีความเสียดายรบกวนใจอยู่บ้าง ถ้าลูกนั้นเขาจ่าย หรือถ้าจังหวะนั้นเขาจะยิงได้ดีกว่านี้.. แต่สุดท้ายมันก็เป็นแค่เกมกีฬาและมันก็จะผ่านไป เราตั้งหลักใหม่ สู้กันใหม่

ชนะก็ชนะด้วยกัน แพ้ก็แพ้ด้วยกัน มันก็แค่นั้นเอง ไม่เห็นจะเป็นเรื่องใหญ่อะไร

ในวัย 32 ปีที่บางคนหยันว่าแก่ กังวลว่าจะฟอร์มตก หรือไม่สดเหมือนเดิม ฤดูกาลนี้ซาลาห์ยิงไปแล้ว 7 ประตูในลีก 9 ประตูในทุกรายการ จ่ายให้เพื่อนทำประตูอีก 5 แอสซิสต์ในลีก และ 7 แอสซิสต์ในทุกรายการ

มีส่วนกับประตูโดยตรง (ยิง+แอสซิสต์) 12 ประตูจาก 10 เกมในลีก และ 16 ประตูจาก 15 เกมในทุกรายการ

ถูกใช้งานอย่างละเอียดขึ้น.. อาร์เน่อ ชล็อต เปลี่ยนตัวเขาออกจากสนามก่อนครบ 90 นาทีไปแล้ว 3 ครั้ง จาก 10 เกมที่ลงเป็นตัวจริงในลีก เปลี่ยนออกก่อนหมดเวลาอีก 1 ครั้งจาก 3 เกมในแชมเปี้ยนส์ ลีก

ขณะที่ ลีก คัพ อีก 2 เกมแค่เปลี่ยนตัวลงไปยืดเส้นยืดสายในครึ่งหลัง เล่นรวมกันแค่ 50 นาที

กับสถานการณ์เรื่องการต่อสัญญาของเขา ณ วันนี้ยังคงเหมือนเดิม คือยังไม่มีอะไรคืบหน้า แต่สิ่งที่ไม่เหมือนเมื่อเดือนที่แล้ว สองเดือนที่แล้ว หรือสามเดือนที่แล้วก็คือ เส้นตาย 31 ธันวาคม คืบเข้ามาทุกที

มันน่าจะเป็นฤดูกาลที่ลิเวอร์พูลเสี่ยงที่สุดแล้วที่จะเสีย โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ไป แต่ในเมื่อคำตอบที่แท้จริงยังไม่ปรากฏ วิตกกันเกินไปก็คงไม่มีประโยชน์ สุดท้ายอาจลงเอยด้วยดี ต่อสัญญากันออกไปอีกก็ได้

Whatever will be, will be - อะไรจะเกิด มันก็ต้องเกิด - ช่วงเวลาอีกไม่ถึง 2 เดือนที่เหลือ เดอะค็อปมาลุ้นกันครับ


ที่มาของภาพ : Gettyimages
BY : ตังกุย
ณัฐพล ดำรงโรจน์วัฒนา
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport