เอริค เทน ฮาก กลายเป็นผู้จัดการทีมคนแรกในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่โดนปลดออกจากตำแหน่ง และคาดว่าจะมีอีก 5 กุนซือที่จะตามเขาไปในเร็วๆ นี้
นายใหญ่ชาวดัตช์ ทำผลงานคุม "ผีแดง" ได้น่าผิดหวังมากๆ ในช่วงต้นซีซั่นนี้ โดยฟางเส้นสุดท้ายของบอร์ดบริหารขาดสะบั้นหลัง เทน ฮาก นำทีมแพ้ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 1-2 ในเกมลีกเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม เทน ฮาก คงไม่เดินเดียวดายเพราะงานนี้คาดว่าผู้จัดการทีมอีก 5 รายที่เข้าข่ายเก้าอี้ร้อน และถ้าหากยังไม่สามารถนำต้นสังกัดทำผลงานให้กระเตื้องขึ้น งานนี้ได้อำลาตำแหน่งตามกุนซือหัวใสชาวดัตช์แน่นอน
แกรี่ โอนีลล์
นายใหญ่วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ เป็นหนึ่งในผู้จัดการทีมที่ยังคงมองหาชัยชนะในฤดูกาลนี้ ก่อนหน้านี้ โอนีลล์ ทำผลงานได้ดีมากๆ ในการคุมทีมซีซั่นแรก แต่สำหรับซีซั่นปัจจุบันสถานการณ์เริ่มไม่แน่นอนแล้ว
ทัพ "หมาป่า" โชว์ฟอร์มได้ดีแต่ไม่ได้ผลการแข่งขันที่ต้องการยกตัวอย่างในแมตช์ที่แพ้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ ลิเวอร์พูล โดยพวกเขาแพ้ "เรือใบสีฟ้า" กับ "หงส์แดง" ด้วยสกอร์ 1-2 ทั้งสองแมตช์
สำหรับสถานการณ์ในเวลานี้ วูล์ฟส์ มีเพียงแค่สองคะแนนจากการเล่น 9 แมตช์รั้งอันดับรองบ๊วยของตารางลีก และถ้า โอนีลล์ ยังไม่สามารถนำทีมเก็บชัยชนะเกมแรกของฤดูกาลให้ได้ บอกเลยว่าอีกไม่นานเขาคงจะเป็นรายต่อไปที่ต้องเก็บเสื้อผ้าออกจากสโมสร
รัสเซลล์ มาร์ติน
มาร์ติน ได้รับเครดิตสูงมากหลังจากนำ เซาธ์แฮมป์ตัน เลื่อนชั้นมาสู่พรีเมียร์ลีก แต่ ณ ตอนนี้สไตล์การเล่นที่ประสบความสำเร็จในศึกเดอะ แชมเปี้ยนชิพ มันใช้ไม่ได้ผลในลีกสูงสุดเมืองผู้ดี
ทัพ "นักบุญ" อยู่ในสถานการณ์เดียวกับ วูล์ฟส์ ที่ยังควานหาชัยชนะในลีกไม่เจอในซีซั่นนี้ โดยพวกเขาอาการหนักกว่าก็ตรงที่เสมอเกมเดียว นอกจากนั้นแพ้เรียบวุธทำให้มีแค่แต้มเดียวเท่านั้น
แน่นอนว่าจากฟอร์มที่ย่ำแย่ทำให้ "เดอะ เซนต์ส" รั้งอันดับบ๊วยในตารางลีก โดย เซาธ์แฮมป์ตัน มีคิวพบ วูล์ฟส์ ในสัปดาห์หน้า และงานนี้ทั้งสองทีมคงต้องเอาชนะกันให้ได้ เพื่อสามคะแนนสำคัญ และเพื่ออนาคตของ มาร์ติน ด้วย
โอลิเวอร์ กลาสเนอร์
กลาสเนอร์ เข้ามารับเผือกร้อนต่อจาก รอย ฮ็อดจ์สัน เมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ปี 2024 โดยเขาทำผลงานได้น่าประทับใจมากๆ ช่วงท้ายซีซั่นของฤดูกาลที่ผ่านมา พร้อมกับนำทัพ "ดิ อีเกิ้ลส์" จบอันดับ 10 พร้อมกับสไตล์การเล่นที่สนุกเร้าใจ
อย่างไรก็ตาม การที่ พาเลซ เสียนักเตะคนสำคัญอย่าง ไมเคิ่ล โอลิเซ่ ให้กับ บาเยิร์น มิวนิค ในช่วงซัมเมอร์นี้ นั่นทำให้ทีมขาดสมดุล และส่งผลต่อฟอร์มการเล่นโดยรวมของสโมสร
สำหรับตอนนี้สถานการณ์ของ กุนซือชาวออสเตรีย อาจจะผ่อนคลายนิดหน่อยหลังนำทีมชนะ สเปอร์ส ในเกมลีกเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา และทำให้ทีมเก็บเพิ่มเป็น 6 คะแนน หลุดจากโซนตกชั้นได้สำเร็จ แต่ก็ยังไม่ปลอดภัย ฉะนั้นถ้าหากพวกเขาแพ้ในเกมพบ วูล์ฟส์ วันเสาร์นี้ อาจส่งผลต่ออนาคตของ กลาสเนอร์ ได้เลย
จูเลน โลเปเตกี
ผู้จัดการทีมอีกรายที่ได้รับการคาดหวังเอาไว้สุงมาก นั่นก็คือ โลเปเตกี หลังจากที่เขามีโปรไฟล์อย่างหรูด้วยการนำ เซบีย่า คว้าแชมป์ยูฟ่า ยูโรปา ลีก เมื่อฤดูกาล 2019/2020 แถมตอนคุม วูล์ฟส์ ผลงานก็โดดเด่น แต่จำเป็นต้องอำลาทีมเนื่องจากขัดแย้งกับบอร์ดบริหาร
เวสต์แฮม ได้โอกาสทองในการคว้าตัว กุนซือชาวสแปนิช เข้ามาทำหน้าที่กุมบังเหียนแทน เดวิด มอยส์ และแน่นอนว่านี่คือการเซ็นสัญญาครั้งสำคัญสำหรับอนาคตของทัพ "ขุนค้อน" อย่างไรก็ตามทุกอย่างดันไม่เป็นไปอย่างที่คาดหวังเอาไว้
โค้ชวัย 58 ปี นำ เวสต์แอม เก็บชัยชนะได้ 3 แมตช์โดยหนึ่งในนั้นก็คือเกมสุดกังขาที่ปราบ แมนยูไนเต็ด ซึ่งนำไปสู่การปลด เทน ฮาก หลังจากนั้น แม้ว่าในเวลานี้ทีมจะรั้งอันดับ 13 มี 11 แต้ม แต่สถานการณ์ยังล่อแหลม ยิ่งไปกว่านั้นแฟนบอล "เดอะ แฮมเมอร์ส" ยังรู้สึกผิดหวังที่ โลเปเตกี ไม่สามารถนำทีมโชว์ฟอร์มได้อย่างที่คาดหวังเอาไว้
คีแรน แม็คเคนน่า
แม้หลายคนเชื่อว่า แม็คเคนน่า เป็นหนึ่งในผู้จัดการทีมที่น่าจะปลอดภัยที่สุดในพรีเมียร์ลีก แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่รอดจากการโดนปลด หลังจากที่เขาคุมทีมทำผลงานไม่ค่อยดีเท่าไหร่ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
แม็คเคนน่า ตัดสินใจอำลางานผู้ช่วยโค้ชแมนยูไนเต็ด เพื่อออกมาหาความท้าทายใหม่กับ อิปสวิช และสร้างผลงานดีมีคุณภาพด้วยกานำทัพ "ม้าขาว" ประสบความสำเร็จด้วยการเลื่อนชั้นมาเล่นในลีกสูงสุดเมืองผู้ดี
กระนั้นสถานการณ์ของ อิปสวิช ก็เหมือนกับ วูล์ฟส์ และ เซาธ์แฮมป์ตัน นั่นก็คือยังสะกดคำว่าชัยชนะในลีกไม่ได้เลย แน่นอนว่า แม็คเคนน่า กำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่เต็มไปด้วยแรงกดดันมหาศาล แม้ว่าเขาจะช่วยนำทีมขึ้นมาเล่นในพรีเมียร์ลีก แต่ถ้าหากผลงานยังไม่กระเตื้อง บอร์ดบริหารก็จำเป็นต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อให้ทีมอยู่รอด
ทอมเม้ง