หากไม่มีอะไรผิดเพี้ยน รูเบน อโมริม จะได้รับตำแหน่งผู้จัดการทีม แมนยู คนใหม่ไม่ช้าก็เร็ว
สปอร์ติ้ง ลิสบอน แถลงยอมรับแล้วว่าได้รับการติดต่อจาก ผีแดง ซึ่งยินดีจ่ายค่าฉีกสัญญา 10 ล้านยูโรแลกกับการคว้ากุนซือวัย 39 ปีไปนั่งเก้าอี้แทน เอริค เทน ฮาก ที่ถูกปลด
หลังจากผู้จัดการทีมชาวดัตช์คุมทีม แมนฯ ยูไนเต็ด ออกสตาร์ตซีซั่น พรีเมียร์ลีก ได้อย่างเลวร้าย รวมทั้งพาทีมเสมอสามเกมรวดในรายการ ยูโรปาลีก บอร์ด ผีแดง ก็ตัดสินใจปลดเขาออกจากตำแหน่งเป็นที่เรียบร้อยแล้วแม้จะล่าช้าเกินไปตามมุมมองของกองเชียร์ เร้ด อาร์มี่
ในรายของ อโมริม เขาสร้างชื่อได้อย่างน่าประทับใจกับการพาทีม สปอร์ติ้ง ลิสบอน คว้าแชมป์ลีกโปรตุกีสได้เป็นสมัยแรกในรอบ 19 ปีในซีซั่น 2020/21 และได้แชมป์รายการดังกล่าวอีกหนเมื่อซีซั่นที่ผ่านมา
ขณะเดียวกัน หากใครที่พอจะจำได้ อโมริม มีความเกี่ยวดองในทางตรงและทางอ้อมกับ ผีแดง ทั้งสมัยเป็นนักเตะและกุนซือดังนี้
1. แชมเปี้ยนส์ลีก
อโมริม เคยลงเล่นเป็นมิดฟิลด์ให้กับ เบนฟิก้า ในเกม แชมเปี้ยนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่มซีซั่น 2011/12 ปะทะกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน และพาทีมเข้ารอบน็อกเอาต์ได้ในฐานะทีมอันดับหนึ่ง
ในเกมแรกที่ ลิสบอน ซึ่งจบลงด้วยผลเสมอ 1-1 ไรอัน กิ๊กส์ ยิงตีเสมอให้ ผีแดง ได้หลังจากเจ้าบ้านนำหน้าก่อนด้วยประตูของ ออสการ์ คาร์โดโซ่
จากนั้นในเกมที่สองซึ่ง ผีแดง บุกไปตีเสมอ 2-2 เมื่อเดือนพ.ย. อโมริม ได้ลงเล่นเป็นตัวสำรองช่วงท้ายแม้ เบนฟิก้า จะออกนำก่อนตั้งแต่หัววันจากการสกัดบอลเข้าประตูตัวเองของ ฟิล โจนส์
ในฐานะแชมป์กลุ่ม ทีมจากลีกฝอยทอง หลุดเข้ารอบแปดทีมสุดท้ายไปพ่ายต่อ เชลซี ซึ่งได้แชมป์ในท้ายที่สุดโดยในบรรดาทีมเมทของ อโมริม ชุดนั้นมี เนมานย่า มาติช ที่ย้ายมาค้าแข้งกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ในเวลาต่อมาอยู่ในสังกัดของ พญาเหยี่ยวลิสบอน ด้วย
จากนั้นในปีต่อมา อโมริม ถูกปล่อยให้ บราก้า ยืมตัวไปเล่นร่วมกับ ฮูโก้ วิอาน่า ผู้อำนวยการกีฬาของ สปอร์ติ้ง ลิสบอน คนปัจจุบันที่จะย้ายไปรับตำแหน่งเดียวกันกับ แมนฯ ซิตี้ ในซีซั่นหน้า และเขาได้ต่อกรกับ แมนฯ ยูไนเต็ด อีกหนในกลุ่มเอช
หากแต่คราวนี้ บราก้า ตกรอบในฐานะทีมบ๊วยโดยเกมแรก ผีแดง เปิดบ้านเฉือนชนะ 3-2 จากประตูชัยของ จอนนี่ อีแวนส์ ขณะที่นัดสองทีมจากเมืองผู้ดีบุกไปกำชัย 3-1 แม้ทีมเจ้าบ้านจะนำหน้าก่อนในต้นครึ่งหลัง
2. ฟุตบอลโลก
ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อว่าอดีตสองสมาชิกของ โรงละครแห่งความฝัน มีส่วนสำคัญทำให้ อโมริม ได้สานฝันลงเล่นให้ทีมชาติ โปรตุเกส ในศึก ฟุตบอลโลก ปี 2010 ที่ แอฟริกาใต้
แรกทีเดียว อโมริม ไม่มีชื่อติดธง แต่เขาถูกเรียกตัวไปเสียบแทน นานี่ ที่บาดเจ็บเนื่องจากกระดูกไหปลาร้าร้าวขณะซ้อม
ที่สำคัญ คาร์ลอส เคยรอช อดีตมือขวาของ เฟอร์กูสัน เป็นกุนซือทีมชาติ โปรตุเกส ชุดนั้นพอดี และเขาเลือกใช้บริการมิดฟิลด์วัย 25 ปีในเวลานั้นเนื่องจากเขามีฟอร์มที่ดีกับ เบนฟิก้า และได้เล่นเกมแรกของรอบแบ่งกลุ่มนัดเสมอกับ ไอวอรี่ โคสต์ 0-0
รวมทั้งสิ้น อโมริม ได้รับใช้ชาติ 14 นัด และได้ร่วมอยู่ในทีมเดียวกับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ หลายหน แถมได้เล่นเกม ฟุตบอลโลก ที่ บราซิล รอบแบ่งกลุ่มนัดสุดท้ายในอีกสี่ปีต่อมาที่ชนะ กาน่า 2-1 ด้วย แต่เขาไม่มีชื่อติดทีมชาติชุดคว้าแชมป์ ยูโร 2016
3. ดวลกับ คริสเตียน เอริคเซ่น
หากได้คุมทีม แมนฯ ยูไนเต็ด เขาจะเป็นเจ้านายของอดีตคู่แข่งที่เขาเคยเอาชนะมาก่อนในเกม ยูโรปาลีก รอบ 16 ทีมปี 2014
แม้ คริสเตียน เอริคเซ่น จะซัดฟรีคิกเข้าประตู แต่ สเปอร์ส ของกองกลางทีมชาติ เดนมาร์ก พ่ายต่อ เบนฟิก้า คารัง 3-1 โดย อโมริม มีส่วนในการทำหนึ่งประตูของทีมเยือนด้วย
จากนั้นแมตช์สองที่ สเตเดี้ยม ออฟ ไลท์ เบนฟิก้า ไล่ตีเสมอ ไก่เดือยทอง 2-2 ในช่วงทดเวลา กระทั่งได้หลุดไปชิงชนะเลิศกับ เซบีย่า ของกุนซือ อูไน เอเมรี่ แต่พ่ายการดวลลูกโทษให้กับทีมจากลีกกระทิงดุหลังเสมอกันแบบไม่มีประตู
4. ร่วมงาน อูการ์เต้ หนสอง
จากความสำเร็จในเวลาสองปีกับ สปอร์ติ้ง ลิสบอน จึงไม่แปลกที่ เทน ฮาก ลงทุน 42 ล้านปอนด์ดึง มานูเอล อูการ์เต้ มาจาก ปารีส แซงต์ แชร์กแมง
ในฐานะกองกลางจอมบู๊ อูการ์เต้ ได้แชมป์ ลีกคัพ และ ซูเปอร์คัพ กับ สปอร์ติ้ง ลิสบอน ในปี 2022 และระเบิดฟอร์มได้เยี่ยมเช่นกันในปีต่อมาจนทำให้ เปแอสเช คว้าเขาไปร่วมทีมในราคา 50 ล้านปอนด์
แม้สถานการณ์ใน ลีกเอิง จะไม่เป็นใจให้กับดาวเตะทีมชาติ อุรุกวัย แต่ถึงตอนนี้พ่อค้าแข้งวัย 23 ปีที่เซ็นสัญญากับ ผีแดง จนถึงปี 2029 กำลังจะได้ร่วมงานกับเจ้านายเก่าชาวเมืองฝอยทองอีกครั้ง
5. คลีนชีตที่แมนเชสเตอร์
ในฐานะโค้ช อโมริม เคยพาทีมบู๊กับทีมจากเมืองแมนเชสเตอร์ครั้งเดียวเท่านั้นในรอบ 16 ทีมถ้วยหูใหญ่ของซีซั่น 2021/22
แม้เกมแรก สปอร์ติ้ง ลิสบอน จะแพ้คาบ้านต่อ แมนฯ ซิตี้ ย่อยยับ 5-0 โดยมี แบร์นาร์โด้ ซิลวา เหมาสอง แต่เกมเยือน เอติฮัด สเตเดี้ยม อโมริม พาทีมบุกไปเสมอกับทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า แบบไร้สกอร์ซึ่งถือเป็นนัดที่สามจาก 28 เกมที่ เรือใบสีฟ้า ทำประตูในเกมเหย้าไม่ได้สำหรับซีซั่นนั้น