อุณหภูมิที่ ลิเวอร์พูล ช่วงกลางวันตอนนี้ 12-15 C เย็นสบายๆ แต่ถ้ายืนริมฝั่งแม่น้ำเมอร์ซีย์ทั้งแนว King's Dock,Albert's Dock
และอีกหลาย Dock ลมกรรโชก (gale)เบากว่าพายุ แต่แรงกว่า wind พาเราหนาวสั่นได้ง่ายๆ
ตื่นเช้าลงมาเดินเล่นสำรวจริมฝั่งแม่น้ำเมอร์ซีย์ สดชื่นแบบหนาวๆ
เมื่อวานนี้ผมทำหลายอย่างในเวลาเดียวกัน เลยไม่ได้เขียนวิเคราะห์จากสนามแอนฟิลด์ ในมุมที่จอทีวีให้ไม่ได้ เพราะเราเห็นสนามทั้งหมด ทั้งการยืน shape ของสองทีม โดยเฉพาะคนที่ไม่มีบอล นี่สำคัญ....
เมื่อวานนี้ในมุมของแฟน เชลซี คงเซ็งนะครับ ที่ เอนโซ่ มาเรสก้า วางแทกติกมาแล้วสามารถคอนโทรลเกมให้ เดอะ ค็อป ในแอนฟิลด์หงอยได้ และลุ้นด้วยความเครียด นับจากนาทีที่ 10 ไปจนจบเกม
เสียงดังมากตอนแย่งบอลได้ หรือสกัดบอลได้ ในจังหวะคับขันเท่านั้น
ด้วยความเคารพ...ในฐานะนักวิเคราะห์ และพึ่งเกมที่ 8 ชัยชนะเกมนี้ ยังไม่ผ่านการทดสอบอะไรในซีรีส์ยากของ หงส์แดง จนถึงต้นเดือนธ.ค.ที่เจอ แมนฯซิตี้ เพียงแต่มันก็มีมุมดีๆให้เห็น
ขอสรุปเชิงแทกติกจากสายตาของผมในแอนฟิลด์ แบบให้เข้าใจง่ายๆนะครับว่า...
1 เคอร์ติส โจนส์ "โดดเด่น"
อาจดูว่าม้วน...แต่ โจนส์ คือตัวขับเคลื่อนแดนกลางที่ดีกว่า ดอม โซโบสไล ชัด....การเคลื่อนที่ของ โจนส์ ที่ทุกท่านไม่เห็นในจอ เวลาไม่มีบอลสำคัญมาก และทำให้ ไกเซโด เจองานยาก เมื่อ "หงส์" บิลด์ อัพเกม
การบิลด์อัพจากแดนหลังหงส์ ยืน shape สามคน โกนาเต้ , ฟานไดจ์ และ รอบโบ้
พื้นที่ด้านข้างฝั่ง กัคโป หรือ ดิอาส จะดันสูง ดังนั้น โจนส์ สามารถขยับออกมาด้านกว้าง เพื่อให้ รอบโบ้ ออกบอลเล่น
การเคลื่อนที่ของ โจนส์ ทำให้ การประกบตัวต่อตัวของ เชลซี แดนกลาง มีปัญหาหลายครั้งเขาพา ไกเซโด เปิดที่ว่างได้...
การเคลื่อนที่ของโจนส์ จะมีทั้งแนวขวาง คือออกด้านข้าง และ แนวดิ่ง คือทะลุขึ้นบน
นั่นเองที่ โจนส์ คือตัววิ่งสอดขึ้นไปในกรอบเขตโทษ
ได้จุดโทษลูกแรก.....และยิงประตูชัย
สิ่งนี้เบอร์ 10 อย่าง โซโบ ทำไม่ได้ แม้ขยัน วิ่งไล่บอล กระนั้นการออกบอลไม่แม่น การเก็บบอลสองทำได้ไม่ดี เสียบอลบ่อยมาก
2 มาเรสก้า มาถูกทาง
นี่คือทีมที่มายึดพื้นที่ในแอนฟิลด์ ได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยแทกติกของ มาเรสก้า
บิลด์ อัพ แก้เพรสหงส์ไม่ยากครับ shape เวลาขึ้นบอลคือ 3-5-2 ส่วนหงส์ขึ้นเพรสแบบ 4-2-4 ซึ่งเชลซี แก้เพรสได้ดี พยายามเน้นบอลด้านกว้างเพื่อใช้ มาดูเอเก้ กับ ซานโช่ ดวล 1-1 บ่อยๆ ทำให้เด็กหงส์ต้องวิ่งลงมาช่วยกันอย่างอลหม่าน
คำถามคือ มาเรสก้า ไม่ต้องการเล่นบอลตรงกลาง ที่ใช้ พาลเมอร์ เดินเกม
เพราะเกรงว่าหากเสียบอลขึ้นมาจะโดนเด็กหงส์โจมตีได้ง่าย การออกปีกสองฝั่ง ทำให้พวกเขาครอบครองเกมได้ โดยมิดฟิลด์ ทั้ง ลาเวีย, ไกเซโด สามารถแย่งชิงพื้นที่แดนกลางไม่ให้ ลิเวอร์พูล เปลี่ยนเกมเร็วหรือบอลสองที่ เก็บได้น้อย
การบุกมาแล้วคอนโทรลเกมเชิงแทกติกถึงแอนฟิลด์ได้....
ผมคิดว่า มาเรสก้า มาถูกทางแล้ว
3 เหลือการโจมตีแดนสาม
เพียงแต่.....เมื่อคอนโทรลเกม และบุกได้ดี แต่แดนสาม พวกเขาต้องมีความหลากหลายมากกว่านี้ การร่วมเล่นเพื่อตีโซน แม้ใช้ความสามารถเฉพาะตัวตะลุย แต่มันไม่ได้ทำให้โซนรับหงส์แตกง่ายๆ
ประตูตีเสมอ...นั้นยอดเยี่ยม เห็นกันบ่อยๆ
เมื่อไกเซโด เห็นช่อง ฟานไดจ์-รอบโบ อันกว้างใหญ่กว่าช่องแคบโดเวอร์....
เขาจัดการแทงช่องว่างนั้นทันที
ที่เหลือคือแจ๊คสัน วิ่งตัดหลัง ฟานไดจ์ ไปที่ว่างนั้น
แล้วหลุดเดี่ยวเข้าไปยิง 1-1 เพลย์นี้ เยี่ยมมาก
หรือมีจังหวะที่ดีอยู่อีกครั้งหนึ่งเมื่อ มาดูเอเก้า พาบอลถึงริมเขตโทษก่อนจ่ายให้ พาลเมอร์ ยิงข้ามคาน....ผมนั่งดูจากฝั่งวีไอพี Japan Airlines seat คิดว่าลูกนั้น พาลเมอร์สกอร์แน่นอน...
เพียงแต่มันข้ามคานไปนิดเดียวเพราะต้องรีบยิงเนื่องจาก ฟานไดจ์ โผมาบลอค...
จังหวะต่อจากนั้นมีการปะทะคารมกันระหว่าง ฟานไดจ์ กับ โจนส์ ซึ่ง ปรากฏว่า ฟานไดจ์ต้องยอมหยุด
โจนส์ ทำมือทำไม้ว่า "อะไรก็กู" ที่ไม่ไป 2-1 กับ รอบโบ้
พอโจนส์ โวย ฟานไดจ์คืน กัปตันหงส์ก็ทำมือยอมรับ
จากนั้น โจนส์ หันไปโวย กัคโป ไม่ลงมาช่วย 2-1 กับ รอบโบ
ก็จริงครับ....กัคโป ลงมาช้ามาก
กระนั้นสิ่งที่ มาเรสกา ต้องปรับปรุงด่วนๆ หากหวังลุ้นมาอยู่ในกลุ่มผู้นำ....
คือการโจมตีแดนสามคู่แข่งต้องหลากหลายและเพิ่ม "เด็ดขาด" กว่านี้
4 ทีเด็ดจบสกอร์หงส์
นั่นคือความแตกต่างในเกมนี้ "ทีเด็ดทีขาด" ในการจบสกอร์ของเด็กหงส์
จุดโทษ...มาในจังหวะที่เหมาะสมเพราะเกมเป็นรองเชลซีเยอะ
ลูก2-1 มาเร็วหลังจาก นิโคลัส แจ๊คสัน ตีเสมอ1-1 น.48
การเข้าทำของหงส์น้อยกว่าเชลซี แต่เด็ดขาด นั่นคือจุดที่แตกต่างแล้วมีผลต่อเกมฟุตบอลทั่วไป
คุณอาจเล่นเกมเชิงแทกติกแล้วแพ้ในสนาม แต่คุณชนะด้วยผลแข่ง
5 เกมรับเป็นจุดแข็งหงส์แดง
จุดดีอีกจุดหนึ่งจากเกมนี้คือ "เกมรับ" ที่ อาร์เน่อ พูดมาตลอดว่า "ต้องช่วยกัน"
ไม่ใช่ปล่อยให้แบ๊กโฟร์ รับมือตามลำพัง
จะเห็นว่า เด็กหงส์ช่วยกันลงมารับทั้งทีม ต้านทานความกดดันที่ เชลซี โถมใส่
ปิดช่องว่างได้หมด
แฟนหงส์ในสนามเสียวกันเพราะ เชลซี มาบ่อยมาก
แต่ ฟานไดจ์และทีมงาน รับมือกับตรงนี้ได้
เรียกว่าทั้งเกม เชลซี มีโอกาสดีที่สุดคือประตูตีเสมอ ที่ แจ๊คสัน เดี่ยว...
นอกนั้นไม่มีเลย....
ทุกคนช่วยบลอค...จังหวะยิงหน้าเขตและในเขต รอดพ้นจากการเสียประตูไปได้
นี่คือจุดแข็งที่สุดของทีม อาร์เน่อ ในเวลานี้ ......."สปิริต" การต่อสู้ และป้องกันทำให้เกมรับหงส์แดงยังคงเหนียวแน่นที่สุดในพรีเมียร์ลีกเมื่อผ่าน8นัด
เสีย 3 ลูก โดนยิงในบ้าน 2 ลูก เสียนอกบ้าน 1 ลูก
ทั้งหมดนั่นคือมุมมองจากแอนฟิลด์ ของผม...
กับทริปสุดพิเศษโดย Japan Airlines
Official Airline Partner Liverpool fc
JACKIE