ลิเวอร์พูล พบ เชลซี! 5 ประเด็นดราม่าข้นคลั่กหงส์คว่ำสิงห์บลูส์มันหยด

ลิเวอร์พูล พบ เชลซี! 5 ประเด็นดราม่าข้นคลั่กหงส์คว่ำสิงห์บลูส์มันหยด
ลิเวอร์พูล ผ่านบททดสอบโปรแกรมโหดด่านแรกหลังพ้นช่วงเบรกเกมทีมชาติได้สำเร็จจากการเปิดบ้านพิชิต เชลซี ไปอย่างสนุก 2-1 ในเกม พรีเมียร์ลีก ที่สนาม แอนฟิลด์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 20 ต.ค.ซึ่งน่าจะทำให้สาวก เดอะ ค็อป ลืม เจอร์เก้น คล็อปป์ กันไปแล้วเนื่องจาก อาร์เน่อ สล็อต พา หงส์แดง บินสูงอย่างต่อเนื่องจากการพาทีมซิวชัย 10 จาก 11 นัดในทุกรายการ และยังนำเป็นจ่าฝูง พรีเมียร์ลีก ได้ต่อไป

1.หงส์จับแข้งละตินสำรองยกชุด


สล็อต กุนซือ ลิเวอร์พูล ปรับทัพ 11 ตัวแรกรวมสามตำแหน่ง แต่เป็นที่น่าสังเกตว่านายใหญ่ดัตช์ไม่ใช้งานนักเตะอเมริกาใต้ออกสตาร์ตเลยแม้แต่รายเดียวโดยทั้งหมดถูกจับให้นั่งข้างสนาม

ไล่ตั้งแต่ตำแหน่งนายทวาร ควีวิน เคลเลเฮอร์ ได้เฝ้าเสาต่อเนื่องจาก อลิสซง ยังไม่หายเจ็บ และทำให้ผู้รักษาประตูทีมชาติ ไอร์แลนด์ รับใช้สโมสรเป็นเกมที่ 50 พอดี

สำหรับแบ็คซ้าย คอสตาส ซิมิคาส ที่ได้ออกสตาร์ตเกมบุกเฉือนชนะ คริสตัล พาเลซ 1-0 เสียตำแหน่งคืนให้กับ แอนดี้ โรเบิร์ตสัน ขณะที่ โดมินิค โซโบซไล ได้คุมเกมในแดนกลางแทน อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ ที่นั่งสำรองเช่นกัน

กระนั้นก็ดี คอเนอร์ แบรดลีย์ แบ็คขวาดาวรุ่งไม่ฟิตพอที่จะมีส่วนร่วมในเกมนี้

2. สิงห์ส่ง เจมส์ ออกสตาร์ตเกมแรก


เชลซี ของกุนซือ เอ็นโซ่ มาเรสก้า โรเตชั่นทีมสามตำแหน่งเช่นกันโดยเกมนี้ รีซ เจมส์ กัปตันทีมที่เดี้ยงไปนานกลับมาลงสนามเป็นตัวจริงเกมแรกของซีซั่น

ถึงอย่างนั้น สิงห์บลูส์ ขาดทั้ง มาร์ค กูกูเรย่า กับ เวสลีย์ โฟฟาน่า ที่ติดโทษแบนจากการสะสมใบเหลือง แถม เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ กองกลางค่าตัวแพงถูกจับให้นั่งข้างสนามในเกมนี้โดยมี โรเมโอ ลาเวีย เสียบแทน

ต่อการปราศจาก โฟฟาน่า กุนซืออิตาเลี่ยนใช้บริการ โทซิน อดาราบิโอโย่ ลงสนามโดย 11 นักเตะตัวจริงของทีมเยือนทำสถิติมีอายุเฉลี่ยน้อยที่สุดเป็นอันดับสามในประวัติศาสตร์เกม พรีเมียร์ลีก ที่ตัวเลข 23 ปี 188 วัน

3. ดราม่ามาเต็ม


เกมในครึ่งแรกที่ แอนฟิลด์ อุดมไปด้วยดราม่าตั้งแต่หัววันเริ่มจากนาทีที่ 5 ซึ่ง โม ซาลาห์  ตักบอลเข้าเขตโทษไปโดนแขน ลีวาย โคลวิลล์ แต่ท่านเปาไม่ให้ลูกโทษเจ้าบ้านทั้งๆที่กองหลังทีมเยือนยกแขนขึ้นมาโดยไม่ได้ทิ้งแนบลำตัว

เท่านั้นไม่พอ อีกสองนาที อดาราบิโอโย่ ที่เหลือเป็นคนสุดท้ายในแนวรับของ สิงห์บลูส์ ดึง ดีโอโก้ โชต้า ล้มแถวกลางสนามซึ่งสมควรได้ใบแดงเหมือน วิลเลี่ยม ซาลิบา กองหลัง อาร์เซน่อล ในเกมบุกไปแพ้ บอร์นมัธ 2-0 เมื่อวันก่อน แต่ท่านเปามอบแค่ใบเหลืองอย่างน่าสงสัย แถมวีเออาร์ไม่ทักท้วงอีกต่างหาก

จนในที่สุด นาทีที่ 29 ซาลาห์ ยิงลูกโทษใส่ทีมเก่าพา ลิเวอร์พูล นำ 1-0 จนได้หลังจากสตาร์ทีมชาติอียิปต์ถูกท่านเปาปฏิเสธให้ลูกโทษก่อนหน้านี้ในจังหวะปะทะกับ โควิลล์ เจ้าเดิมซึ่งเกมนี้ลุกลี้ลุกลนพอๆกับคู่ขา อดาราบิโอโย่ แต่จังหวะนี้ บังโม ล้มง่ายไปนิดจึงพอจะมองได้ว่าไม่สมควรเป็นลูกโทษ

นอกจากประตูนำ 1-0 ของ หงส์แดง แล้ว เคอร์ติส โจนส์ ซึ่งเกมนี้เล่นได้อย่างอันตรายจ่ายให้ ซาลาห์ ปาดไปอีกฟากโดยมี โคดี้ กัคโป เข้าฮอส แต่เป็นลูกล้ำหน้าซะก่อน กระทั่งช่วงทดเวลา โจนส์ หลุดไปหน้าปากประตูแล้วโดน โรเบิร์ต ซานเชซ ผู้รักษาประตู เชลซี ปรี่ออกมาอัดคว่ำจนเป็นลูกโทษอีกหน ดีที่ว่าวีเออาร์เซฟทีมเยือนได้เนื่องจากโกล สิงห์บลูส์ สกัดโดนบอลจึงทำให้ จอห์น บรู๊คส์ ริบลูกโทษคืนจากเจ้าบ้าน รวมทั้งยกเลิกใบเหลืองของนายทวารสแปนิชด้วย

จะอย่างไรก็ตาม แม้ หงส์แดง จะนำแค่ 1-0 ในครึ่งแรกชนิดที่น่าจะมีสกอร์มากกว่านี้เนื่องจาก โคลวิลล์ กับ อดาราบิโอโย่ จัดการกับเกมโต้ของเจ้าบ้านไม่อยู่ แต่ที่แน่ยิ่งกว่าแช่แป้งคือแฟนบอลน่าจะหัวเสียกับการเป่านกหวีดของสิงห์เชิ้ตดำหลายหน

4. บังโม ปลดล็อกให้เจ้าบ้าน


หลังได้ลูกโทษ ลิเวอร์พูล ก็ออกนำ เชลซี 1-0 ตามคาดเนื่องจาก ซาลาห์ สังหารลูกโทษได้อย่างเด็ดขาดเป็นทุนเดิมชนิดหาตัวจับได้ยาก และแทบเดาทิศทางการยิงประตูของสตาร์ทีมชาติ อียิปต์ ไม่ได้เลย

สำหรับประตูดังกล่าว ทำให้ บังโม กระทุ้งประตูทีมเมืองกรุงในเกม พรีเมียร์ลีก ได้ 5 เม็ดแล้วจาก 14 เกมที่เขาปะทะกับ เชลซี ทีมเก่า

นอกจากนี้ ซาลาห์ คลำเป้าเกม พรีเมียร์ลีก ได้เป็นลูกที่ 162 ซึ่งเทียบเท่ากับ เจอร์เมน เดโฟ และทำให้เขาขยับขึ้นสู่อันดับ 9 เช่นกันสำหรับทำเนียบดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของ พรีเมียร์ลีก

เท่านั้นไม่พอ ซาลาห์ ยังแอสซิสต์ให้ โจนส์ ยิงเม็ดสองของ หงส์แดง ด้วยซึ่งทำให้เขาทั้งยิงทั้งจ่ายในเกมเดียวกันของ พรีเมียร์ลีก เป็นนัดที่ 34 ซึ่งเป็นรองแค่ เวย์น รูนีย์ รายเดียวที่ทำได้มากที่สุด 36 นัด 

ขณะเดียวกัน หลังเกมจบลงมีสถิติชี้ว่า ซาลาห์ ผ่านบอลได้แม่นยำ 56% , ชนะการดวล 5จาก9ครั้ง ,ลากบอลสำเร็จ3จาก3ครั้ง สร้างโอกาส2หน และยิงได้1ประตูกับ1แอสซิสต์ รวมแล้วเป็น 74 แอสซิสต์ใน พรีเมียร์ลีก ของเขาเทียบเท่ากับ เธียร์รี่ อองรี

ฉะนั้นแล้ว ด้วยผลงานเยี่ยงนี้ มันจึงน่าสนใจอย่างแรงว่าทีมจาก แอนฟิลด์ จะปล่อยให้ยอดดาวยิงย้ายออกไปแบบไม่มีค่าตัวจริงหรือ?

5. ผู้แพ้ที่น่าจับตา


แม้ลงเอยแล้ว เชลซี จะบุกมาแพ้ ลิเวอร์พูล 2-1 แต่บอกได้เลยว่า มาเรสก้า คุมทีม สิงห์บลูส์ ได้อย่างน่าประทับใจจากสถิติที่ปรากฏ

เอ่ยถึงสังเวียนแข้ง แอนฟิลด์ ไม่ว่าทีมไหนต่างก็เกรงกริ่งการบุกมาเยือนสนามแห่งนี้ด้วยกันทั้งนั้น แต่ดาวเตะ สิงห์บลูส์ ของกุนซืออิตาเลี่ยนสร้างปัญหาให้กับเจ้าบ้านได้อย่างยอดเยี่ยมจนเกือบแบ่งแต้มออกไปได้ด้วยจากประตูตีเสมอของ นิโคลัส แจ็คสัน ซึ่งเล่นได้อย่างอันตรายมากขึ้นนับตั้งแต่ มาเรสก้า ย้ายมาคุมทีมต่อจาก เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่

ต่อประตูของดาวยิงทีมชาติ เซเนกัล ซึ่งไม่ล้ำหน้าเนื่องจาก อิบราฮิมา โกนาเต้ เช็กออฟไซด์ช้าไปเสี้ยววินาทีทำให้ แจ็คสัน มีส่วนกับประตูโดยตรงของ สิงห์บลูส์ ในเกม พรีเมียร์ลีก 13 ลูกแล้วจาก 13 นัดหลังของเขา (ยิง9แอสซิสต์4) น้อยกว่า 30 เกมแรกของเขากับ เชลซี ในรายการเดียวกันนี้แค่ประตูเดียวเท่านั้น (14 ประตู,ยิง10แอสซิสต์4)

และที่สำคัญ เศรษฐีลอนดอนแสดงให้เห็นว่าการเล่นใน แอนฟิลด์ ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ต่อการมองหาชัยชนะหากว่า เชลซี จะมีคู่เซ็นเตอร์ฮาล์ฟที่แข็งแกร่งกว่า โคลวิลล์ กับ อดาราบิโอโย่ แถมอาจรวมถีงนายทวาร ซานเชซ ด้วยเนื่องจากพวกเขาครองเกมได้เหนือกว่าเจ้าบ้านทั้งในครึ่งแรก และครึ่งหลัง

หลังจบครึ่งแรก เชลซี ครองบอลได้ดีกว่า 55%:45% และได้ง้างยิง 3 ครั้งเท่ากับเจ้าถิ่น แต่ส่งบอลเข้ากรอบไม่สำเร็จ ขณะที่ ลิเวอร์พูล ส่งบอลเข้ากรอบได้ 2 ครั้ง

จากนั้นหลังจบ 90 นาที ทีมเยือนหนีห่างเจ้าบ้านไปอีกในด้านการครองบอล 57.3%:42.7% และได้ยิงมากกว่า 12:8 ครั้ง แต่เป็นรอง ลิเวอร์พูล ที่ส่งบอลเข้ากรอบได้ดีกว่า 5:2 ครั้งซึ่งเป็นสิ่งที่ชี้ขาดถึงการได้รับชัยชนะ

ขณะเดียวกัน เชลซี ผ่านบอลสำเร็จ 88.1% ซึ่งเป็นสถิติสูงที่สุดนับตั้งแต่ซีซั่น 2003/04 สำหรับทีมที่บุกมาเยือน แอนฟิลด์ ในเกม พรีเมียร์ลีก อันเป็นการทำลายสถิติก่อนหน้านี่ที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า พาทีม แมนฯ ซิตี้ บุกมาสร้างผลงานผ่านบอลสำเร็จ 87.8% เมื่อเดือนต.ค.2022

รวมแล้วมันจึงชัดเจนว่าฟอร์มของนักเตะ เชลซี พัฒนาไปมากนับตั้งแต่ ท็อดด์ โบลีห์ เจ้าของสโมสรปลดกุนซือไปแล้วหลายราย และไม่แน่ว่า มาเรสก้า อาจเป็นคำตอบสุดท้ายที่ทำให้ สิงห์บลูส์ มีโอกาสกลับไปเป็นทีมในระดับหัวแถวของ พรีเมียร์ลีก อีกคำรบ


ที่มาของภาพ : getty images
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport