ความมุ่งมั่นของบอร์นมัธที่แสดงออกมาให้เห็นตลอด 90 นาทีในเกมโค่น อาร์เซน่อล เมื่อคืนวันเสาร์คือเรื่องน่าชื่นชม
ไม่มีผ่อน ไม่มีชะล่าใจ ไม่มีประมาท ยังคงเล่นด้วยความเข้มข้นและมีสมาธิเต็มที่อย่างเดิมตั้งแต่เสียงนกหวีดดังจนกระทั่งหมดเวลา
ยังเน้นทุกจังหวะในการเข้าแย่งบอลเหมือนเดิม ยังพุ่งเข้าไปถึงตัวนักเตะอาร์เซน่อลเหมือนเดิม ยังสร้างความอึดอัดไม่ให้ผู้มาเยือนได้ต่อบอลเล่นง่าย ๆ เหมือนเดิม
ไม่แม้ในขณะที่เกมไม่เป็นรอง ไม่แม้ในขณะที่คู่แข่งเหลือผู้เล่นแค่ 10 คน ไม่แม้ในขณะที่ทีมขึ้นนำ 1-0, 2-0
ด้วยเพราะพวกเขารู้ดีว่ามาตรฐานของอาร์เซน่อลนั้นอยู่ระดับใด เผลอแค่พริบตาเดียวก็ถูกลงโทษได้ทันที
เป็นอีกเกมที่บอร์นมัธของ อันโดนี่ อีราโอล่า เล่นได้น่าประทับใจนะครับ พวกเขาสมควรเป็นผู้ชนะจริง ๆ ในเกมที่พลิกความคาดหมายทุก ๆ คนที่ไวทัลลิตี้ สเตเดี้ยม
อาร์เซน่อล เริ่มเกมด้วยความระวัง พยายามตั้งเกมจากแดนหลังเหมือนเคย แต่บอลที่เข้าสู่แดนกลางต่อเนื่องไปถึงแดนหน้าไม่ไหลลื่น เพราะถูกนักเตะบอร์นมัธเข้าชิดเข้าถึงอย่างรวดเร็วตลอดเวลา
เท่ากับว่าทีมปืนใหญ่ตั้งเกมขึงเจ้าถิ่นไม่ได้ บอลไม่ได้ทะลักมาเข้าทางให้พวกเขาเก็บจังหวะสองแล้วลุยบุกต่อ แต่อาร์เซน่อลแพ้การเข้าปะทะและเก็บตกจังหวะสองไม่ได้ เกมจึงขาดความปะติดปะต่อ
จากห้านาทีเป็นสิบนาที สิบห้านาที ยี่สิบนาที รูปเกมก็ยังเป็นไปอย่างนั้น แม้กระทั่งตอนมาถึงจุดเปลี่ยนสำคัญที่ วิลเลียม ซาลิบา โดนใบแดงในนาทีที่ 30 อาร์เซน่อลก็ยังคลำหาจังหวะของตัวเองไม่เจอ
ยังดึงโมเมนตัมของเกมให้เป็นของพวกเขาไม่ได้เลยก็เหลือผู้เล่นแค่ 10 คนเสียแล้ว
ผมคิดว่าการถูก ฮูเลียน อเราโฮ แบ๊กขวาเม็กซิกันเข้าถึงตัวเร็วด้วยความหนักแน่นดุดันมาตลอดครึ่งชั่วโมงของเกมมีส่วนทำให้ เลอันโดร ทรอสซาร์ ส่งบอลลูกนั้นพลาด
บอลจาก เกปา อาร์ริซาบาลาก้า นายทวารบอร์นมัธถูกดักไว้ได้โดย ริคคาร์โด้ คาลาฟิออรี่ แบ๊กซ้ายอาร์เซน่อลที่แปะบอลต่อให้ทรอสซาร์เตรียมทำเกมบุก
นักเตะอาร์เซน่อลทุกคนขยับตัวพร้อม แนวหลังดันขึ้นมาสนับสนุนถึงกลางสนาม มันจะไม่มีปัญหาอะไรเลยถ้าดาวเตะเบลเยียมแปะบอลให้เพื่อนได้แม่นยำอย่างที่มันควรจะเป็น
สิ่งที่เกิดขึ้นกลับเป็นเรื่องเกินความคาดคิด ทรอสซาร์ เบิ้ลบอลคืนด้วยน้ำหนักที่ผิดไปมากอีกทั้งทิศทางยังย้อนหลังลึกเข้าไปในแดนตัวเองเยอะ เป็นไปได้ว่าเขาระแวงการเข้าปะทะจาก อเราโฮ อย่างที่โดนมาตลอดตั้งแต่ต้นเกมจึงรีบส่งบอลคืนทำให้ขาดความละเอียดในน้ำหนักการให้บอล
รู้ตัวอีกที ซาลิบา ก็เห็น เอวานิลสัน พุ่งไปข้างหน้าแล้ว สัญชาติญาณและเวลาที่มีให้ตัดสินใจเพียงเสี้ยววินาทีทำให้เขาตัดเกมศูนย์หน้าชาวบราซิลไว้ตรงนั้น
มันยังห่างจากประตูอยู่มากและในวาบความคิดนั้นเขาคงไม่ทันคิดถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ด้วยซ้ำว่าทิศทางของบอลและทิศทางการวิ่งของเอวานิลสันทำให้ตัวเขาเองคือคนสุดท้ายที่ขัดขวางโอกาสทำประตูของคู่ต่อสู้อย่างชัดเจน
เมื่อ โรเบิร์ต โจนส์ ผู้ตัดสินถูกทีมวีเออาร์เรียกให้ไปพิจารณาเหตุการณ์อีกครั้งที่ข้างสนาม สีหน้าของซาลิบาก็คล้ายจะทำใจแล้วกับคำตัดสินที่จะต้องเจอ
ใบแดงทั้ง 3 ใบที่อาร์เซน่อลได้รับในฤดูกาลนี้ทั้งการเขี่ยบอลทิ้งของ ดีแคลน ไรซ์ ในเกมกับไบรท์ตัน การเตะบอลทิ้งของ ทรอสซาร์ ในเกมกับ แมนซิตี้ และการสกัดเข้าข่าย DOGSO (Denying of an Obvious Goal-Scoring Opportunity) ของซาลิบาในเกมนี้ ไม่มีเลยสักใบที่คุ้มค่าต่อการโดน
เป็นการถูกไล่ออกที่ต้องโทษความไม่ละเอียดของตัวเองทั้งสิ้น แม้กรณีของ ไรซ์ กับ ทรอสซาร์ จะมีข้อถกเถียงอยู่บ้าง แต่มันก็เป็นสถานการณ์ที่ผู้ตัดสินสามารถให้ใบเหลืองได้จริง ๆ
ความเสียหายของใบแดงครั้งนี้คือไม่เพียงทำให้ทีมต้องพบกับความยากลำบากมากขึ้นในเวลาอีกหนึ่งชั่วโมงที่เหลือเท่านั้น แต่ยังส่งผลไปถึงเกมใหญ่ที่ต้องรับมือ ลิเวอร์พูล สัปดาห์หน้าด้วยเมื่อ ซาลิบา จะหมดสิทธิ์ลงสนาม
นั่นคือเรื่องของอนาคตที่ มิเกล อาร์เตต้า ต้องหาวิธีแก้ไข มันอาจไม่เลวร้ายอย่างที่กังวลก็ได้ เพราะ ริคคาร์โด้ คาลาฟิออรี่ หรือ เบน ไวท์ ก็สามารถขยับเข้ามาเล่นแทนร่วมกับ กาเบรียล มากัลเญส ได้เหมือนกัน
หากกับสถานการณ์เฉพาะหน้าที่ ไวทัลลิตี้ สเตเดี้ยม ใบแดงนั้นไม่ได้ช่วยอะไรเลย หากยิ่งตอกย้ำความยากลำบากในการบรรลุเป้าหมายที่วางเอาไว้ก่อนเกมว่าต้อง 3 คะแนนเท่านั้น
แล้ว บอร์นมัธ ก็ไม่ปล่อยให้มันเป็นอย่างนั้นด้วย 11 ต่อ 11 เล่นดีอย่างไร 11 ต่อ 10 ก็ยังเล่นดีอย่างนั้น
สิ่งที่อาร์เซน่อลต้องทำ ณ เวลานั้นจึงเป็นการเล่นอย่างอดทนและรอคอยโอกาสของตัวเอง
ในเมื่อรูปเกมไม่ได้ขึงปูพรมบุกใส่คู่แข่ง ดึงโมเมนตัมไม่ได้ เกมรับปั่นป่วนด้วยความรวดเร็ว แข็งแกร่ง และคล่องตัวของนักเตะตัวรุกเจ้าถิ่น อีกทั้งตัวผู้เล่นก็ยังเป็นรอง ทีมปืนใหญ่จึงทำได้เพียงเท่านั้น.. คือรอคอย
คอยและหวังให้มาตรฐานระหว่างทีมใหญ่กับทีมเล็กมาตัดสิน คอยและหวังให้ความเด็ดขาดที่เหนือกว่าเอาชนะความไม่เด็ดขาดของคู่ต่อสู้
เหมือนอย่างที่เราเห็นกันมาหลายต่อหลายครั้งที่ทีมเล็กแพ้ทีมใหญ่แบบงง ๆ ทั้งที่เล่นดีกว่า ได้ยิงมากกว่า หวาดเสียวเยอะกว่า
ก็เพราะมีโอกาสแต่ทีมเล็กทำไม่ได้ จะด้วยความนิ่ง ความเยือกเย็น ความเด็ดขาด คุณภาพของกองหน้า หรืออะไรก็แล้วแต่ แต่ทีมใหญ่ขอโป้งเดียวจอด ทีเดียวจบ
ด้วยสถานการณ์ทำให้ อาร์เซน่อล จำเป็นต้องรอคอยโอกาสแบบนั้น แต่สุดท้ายมันก็ไม่เกิดขึ้น ตรงกันข้ามความมุ่งมั่นพยายามและการเตรียมตัวมาเป็นอย่างดีของบอร์นมัธเป็นฝ่ายได้รับรางวัลตอบแทน
ได้รับรางวัลตอบแทนด้วยประตูขึ้นนำ 1-0 จากการซักซ้อมลูกสูตรในการเตะมุม หนามยอกเอาหนามบ่งยิงใส่ทีมปืนใหญ่ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญลูกตั้งเตะ
ได้รับรางวัลตอบแทนด้วยประตูทิ้งห่าง 2-0 ที่ฉกฉวยโอกาสได้จากความผิดพลาดอีกครั้งของอาร์เซน่อล
ความไม่พร้อมเรื่องตัวผู้เล่นก็ส่วนหนึ่ง อาร์เซน่อล ในเกมนี้ไม่มี มาร์ติน โอเดการ์ด, บูกาโย่ ซาก้า, ยูร์เรียน ทิมเบอร์ และ ทาเคฮิโระ โทมิยาสึ ที่เจ็บ
เกมอึดอัดแบบนี้อดนึกถึงบอลพิเศษที่มาจากเซนส์เกมรุก ความกล้าในการผ่านบอลได้เสีย และความนิ่งในการให้น้ำหนักบอลของโอเดการ์ดไม่ได้
เงื่อนไขของเกมก็อีกส่วนหนึ่ง การถูกไล่ออกของ ซาลิบา คือเรื่องผิดแผน ผู้เล่นเกมรุกต้องถูกถอดออกไปหนึ่งคนเพื่อใส่กองหลังลงมา ราฮีม สเตอร์ลิง จึงถูกแทนที่ด้วย ยาคุบ คิวิออร์ ตั้งแต่นาทีที่ 37
ผมไม่ติดใจการตัดสินใจของอาร์เตต้า บางคนบอกว่าเขาจัดตัวประมาท แต่ลองมองดูทีมที่เขามีในเกมนี้อีกครั้ง ตัวสำรองมี กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ คนเดียวที่ปกติเป็นตัวจริงในทีมชุดใหญ่
ที่เหลือคือ จอร์จินโญ่, กาเบรียล เชซุส, โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้, คิวิออร์, อีธาน วาเนรี่, ไมล์ส ลูอิส-สเคลลี่, ทอม เซตฟอร์ด และ อีสมีล คาเบีย
กับโปรแกรมเตะที่มี ลิเวอร์พูล รออยู่ในสัปดาห์หน้า แทรกกลางด้วยเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก กับ ชัคตาร์ โดเน็ตสค์ และสภาพร่างกายของ ซาก้า, โอเดการ์ด, ทิมเบอร์ ที่จะเป็นอย่างไรก็ยังไม่รู้เมื่อเกมรับมือหงส์แดงมาถึง ผมคิดว่ามันคือการจัดทีมที่เข้าใจได้
ไม่ได้ประมาท เมื่อนักเตะที่เป็นแกนกระดูกสันหลังยังอยู่ในสนามครบ ดาบิด ราย่า, ซาลิบา, กาเบรียล, ดีแคลน ไรซ์, โธมัส ปาร์เตย์ และ ไค ฮาแวร์ตซ์
ส่วนการเปลี่ยนตัวที่เลือก สเตอร์ลิง ที่ถือว่าทำหน้าที่ได้ดีมันก็คือการตัดสินใจ ณ เวลานั้น อาร์เซน่อล ต้องเล่นอีกหนึ่งชั่วโมงเต็มโดยที่เหลือผู้เล่นน้อยกว่าและเกมของเจ้าถิ่นยังไม่คลายความหนักหน่วงดุดัน
ถ้าอาร์เตต้าจะเลือกซื้อทีเด็ดของทรอสซาร์ ที่พิสูจน์ให้เห็นหลายครั้งว่ามักจะยิงประตูได้เรื่อย ๆ กับยึดความแน่นในแดนกลาง ไรซ์-ปาร์เตย์-มิเกล เมริโน่ เอาไว้ก่อนก็คงไม่ใช่เรื่องที่ผิดจนไม่ให้อภัย
แต่ท้ายที่สุดแล้ว ความพ่ายแพ้ของอาร์เซน่อลในเกมนี้ก็ต้องยกเครดิตมาก ๆ ให้กับการเล่นที่ยอดเยี่ยมของบอร์นมัธ เพราะพวกเขาเตรียมพร้อมมาดีและเล่นได้ดีเหลือเกินจนไม่อาจมั่นใจได้ด้วยซ้ำว่าต่อให้ทีมปืนใหญ่มีผู้เล่นตัวหลักอยู่ครบทุกตำแหน่งจะเอาชนะพวกเขาได้ง่าย ๆ
เป็นเกมที่สมบูรณ์แบบสำหรับทีมของ อันโดนี่ อีราโอล่า และเป็นเกมที่กระตุกสติของอาร์เซน่อลว่าทุกเกมของพรีเมียร์ลีกนั้นยากเสมอ คุณสามารถแพ้ใครก็ได้จริง ๆ
ผมไม่คิดว่าอาร์เซน่อลประมาทหรอกครับ ขุนพลกันเนอร์สทุกคนก็ตั้งใจเล่นเต็มที่ ใจเย็น รัดกุม ไม่เพลี่ยงพล้ำ และคอยสังเกตคู่ต่อสู้อยู่ตลอด
แต่มันเป็นวันที่สามารถใช้คำว่า Off form คือหลุดฟอร์มมาอธิบายได้ พวกเขาเล่นกันไม่ดีเลย เมื่อประกอบกับสถานการณ์พิเศษอย่างใบแดง ความผิดพลาดส่วนบุคคล การบาดเจ็บของตัวหลัก และความพร้อมของบอร์นมัธ ความปราชัยครั้งแรกในรอบ 17 เกมรวมทุกรายการจึงเกิดขึ้นอย่างที่เห็น
หากความพ่ายแพ้ครั้งนี้ไม่ใช่จุดจบหรอกครับ มันอาจจะเป็นจุดเริ่มต้นก็ได้..
ถ้า อาร์เซน่อล จะแข็งแกร่งยิ่งขึ้นจากการแพ้ครั้งนี้ มันก็จะเป็นการแพ้ที่ได้ประโยชน์มหาศาล บนเส้นทางที่ยังอีกยาวไกลกว่าจะไปถึงบทสรุป