รุกบดขยี้ก็เป็นนี่หว่า! จุดเปลี่ยนทำ แมนยู แซง เบรนท์ฟอร์ด

1.ตอนนี้ จอนนี่ อีแวนส์ กลายเป็นตัวหลักในตำแหน่งเซนเตอร์ฮาล์ฟ แมนยู และการถ่างเอา ลิซานโดร มาร์ติเนซ ไปเล่นแบ็คซ้ายดีกว่า ดิโอโก้ ดาโลต์ แน่นอน เพราะเขาสามารถจัดการกับปีกซ้ายอย่าง บริย็อง เอ็มโบโม่ อยู่หมัด แถมขยับเข้ามาช่วยตรงกลางได้อีกต่างหาก

ถ้า นุสแซร์ มัซราวี พร้อมลงตัวจริงในตำแหน่งแบ็คขวา จัดแผงหลังแบบนี้ก็ไม่เลวเลยนะครับ

2. มาตรฐานผู้ตัดสินอังกฤษยังคงบัดซบเหมือนเดิม

จังหวะที่ มาต์ไตส์ เดอ ลิกต์ เอาหัวโขกไปที่เข่าของเควิน ชาเด้ จนแตกเลือดกระฉูด ผมมองว่ามันเป็นการชิงจังหวะเล่นบอลของทั้งคู่

ก็เห็นๆ อยู่ว่าต่างฝ่ายต่างเล่นบอล ผู้ตัดสินแม่งดันให้ เบรนท์ฟอร์ด ได้ฟรีคิกซะอย่างนั้น

กลับกัน ถ้า ชาเด้ หัวแตก เดอ ลิกต์ คงได้ใบเหลือง ข้อหาเล่นอันตราย

3. จุดเปลี่ยนของเกมสำหรับผมไม่ได้อยู่ที่การตีเสมอได้อย่างรวดเร็วของ แมนยูไนเต็ด ในช่วงต้นครึ่งหลัง

แต่มันอยู่ที่จังหวะขึ้นนำ 1-0 ของสโมสรผึ้งน้อย ตอนผู้ตัดสินบอกให้ เดอ ลิกต์ ไปหยุดเลือดนอกสนามจนปีศาจแดงเหลือ 10 คน แล้วต้องป้องกันลูกเตะมุม

เพราะนั่นเหมือนการบังคับพลางกระตุ้นให้ลูกทีมของ เอริค เทน ฮาก ลงมาเล่นเกมรุกบุกแหลกทันทีที่เริ่มครึ่งหลัง

เวลาตั้งใจเล่นเกมรุกบดขยี้คู่แข่ง แมนยู ก็ทำได้เหมือนกันนี่หว่า ไม่รู้ว่าจะกลัวอะไรนักหนา

4. ผมชอบจังหวะเข้าทำตอนขึ้นนำ 2-1

เริ่มต้นตั้งแต่การขึ้นไปบีบกดดันคู่แข่งในแดนบนจนต้องรีบสาดทิ้งออกมา

เมื่อเก็บบอลได้ คริสเตียน เอริคเซ่น แทงตรงๆ ให้ บรูโน่ แฟร์นันด์ส หน้ากรอบเขตโทษโดยพลัน ก่อนกัปตันทีมปีศาจแดงจะสะกิดบอลจังหวะเดียวให้ ราสมุส ฮอยลุนด์ หลุดเข้าไปชิพหนีตัวผู้รักษาประตูอย่างเหนือชั้น

เกมรุกที่ดี มันต้องรวดเร็วและน้อยจังหวะ รวมถึงมีลูกพลิกแพลงแบบนี้ !!!

5.ตั้งแต่เปิดฤดูกาล นี่คือเกมที่ แมนยู โชว์ฟอร์มได้ไฉไลเป็นบ้ามากที่สุด

จริงๆ ครึ่งแรก มันก็ถือว่าเล่นดีในระดับหนึ่งแล้ว เพียงแค่ใช้โอกาสเปลืองไปหน่อยกับเสียประตูแบบไม่น่าเสียเท่านั้นเอง

ติดนิดหน่อยตรงที่พอแซงนำดันถอนคันเร่ง ไม่ยอมเล่นเหมือนเดิม เพื่อเอาประตูที่ 3 เพราะตอนนั้นผู้มาเยือนไม่น่ากลัวอะไรแล้ว

แต่ก็เข้าใจ เอริค เทน ฮาก นะว่าตกอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องเน้นผลการแข่งขันมากกว่าความสะใจของแฟนๆ จึงปรับเกมมาเป็นรักษาสกอร์

คำถามคือในเมื่อเล่นได้ไฉไลแล้วจะรักษามาตรฐานนี้ของตัวเองได้นานขนาดไหน ???