กรณีศึกษาจาก มิเกล อาร์เตต้า ในฐานะผู้จัดการทีม ของ อาร์เซน่อล
1.หลังเอาสตั๊ดไปแขวน มิเกล อาร์เตต้า มีทางเลือกอยู่ 3 ทาง
ทางหนึ่งคือคุมทีมเยาวชนของอาร์เซน่อล
ทางหนึ่งคือไปช่วย เมาริซิโอ โปเชตติโน่ อดีตเพื่อนร่วมทีมที่ เปแอสเช ในฐานะสต๊าฟฟ์โค้ชของคลับไก่ ซึ่งมันเสี่ยงต่อการที่บ้านจะไฟไหม้
ส่วนอีกทางคือไปเป็นมือขวาของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่ แมนซิตี้
เขาเลือกทางไหนคงไม่ต้องบอก
แต่หลังจากซึมซับวิชาจากกุนซือระดับอ๋องอย่าง 'เป๊ป' ได้ประมาณ 3 ปี อาร์เซน่อล ก็ตะเพิด อูไน เอเมรี่ ออกจากตำแหน่งผู้จัดการทีม
2.'โค้ชอาร์ต' เข้ามารับตำแหน่งกุนซือ อาร์เซน่อลในเดือนธันวาคม 2019
คุมทีมนัดแรกเสมอ บอร์นมัธ 1-1 ผู้เล่นชุดนั้น ประกอบด้วย เลโน ; โซคราติส, เมตแลนด์-ไนลส์, ลุยซ์, ตอร์เรยร่า ; โอซิล, ชาก้า, ซาก้า, เนลสัน, ลากาแซตต์ และ โอบาเมยอง
อาร์เซน่อล จบฤดูกาลนั้นด้วยการได้อันดับ 8 ของะพรีเมียร์ลีก แต่คว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ ได้สำเร็จ ด้วยการเฉือน แมนซิตี้ ในรอบตัดเชือก ก่อนเอาชนะ เชลซี ในนัดชิงชนะเลิศ
เหมือน แมนยูไนเต็ด เมื่อฤดูกาลที่แล้วเลยนะครับ คือจบอันดับ 8 แต่คว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ
3. ฤดูกาลต่อมา (2020/21) มิเกล อาร์เตต้า คุมทีมเต็มตัวตั้งแต่ต้นซีซั่น โดยได้นักเตะใหม่อย่าง โธมัส ปาเตย์, กาเบรียล และ วิลเลี่ยน มาเสริมทัพ
ทว่าผลงานของ อาร์เซน่อล ก็ไม่กระเตื้องขึ้นสักเท่าไหร่ เมื่อจบฤดูกาลด้วยอันดับ 8 ของตารางเหมือนเดิม โดยพ่ายแพ้ถึง 13 นัด
ฤดูกาล 2021/22 อาร์เซน่อล เปิดฉากด้วยความปราชัย 3 เกมติดต่อกัน เสียไป 9 ประตู ยิงไม่ได้เลยสักลูกเดียวจนดิ่งลงไปอยู่อันดับบ๊วยของตาราง
ก่อนผลงานจะค่อยๆ ไฉไลขึ้นเรื่อยๆ จนมีลุ้นติด 'ท็อปโฟร์' เพื่อกลับไปเล่นแชมเปี้ยนส์ ลีก อีกครั้ง
กระทั่งถึงเกมที่ 35 ของฤดูกาล พวกเขาถูกคู่แค้นอย่าง สเปอร์ส อัดกลิ้ง 3-0 ตามมาด้วยความพ่ายแพ้ต่อ นิวคาสเซิ่ล 2-0
อาร์เซน่อล กระเด็นหลุด 'ท็อปโฟร์' แล้วจบด้วยอันดับ 5 แม้จะตามหลัง 'คลับไก่' แค่ 2 แต้มเท่านั้น แต่เก้าอี้กุนซือของ มิเกล อาร์เตต้า สั่นคลอนอย่างจงหนัก
4.ผ่านไป 3 ฤดูกาล ด้วยอันดับ 8, 8 และ 5 อย่างน่าเจ็บใจในพรีเมียร์ลีก เหตุเพราะเกมรับคือจุดอ่อน เสียประตูง่าย และเสียไปถึง 48 ประตู
ถ้าใช้มาตรฐานเดียวกับตอนไล่ อูไน เอเมรี่ - กุนซือชาวสเปนผู้นี้คงจะถูกปลดออกจากตำแหน่งไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม
เบื้องบนของทีมสีหนาทปืนใหญ่ยังคงให้โอกาส 'พี่ต้า' คุมทีมต่อไปพร้อมกับผู้เล่นใหม่ที่เซ้งต่อจาก แมนซิตี้ อย่าง โอเล็ก ชินเซนโก้ และ กาเบรียล เชซุส ก่อนตามมาด้วย เลอันโดร ทรอสซาร์ และ จอร์จินโญ่ ในตลาดหน้าหนาวจนนำมาซึ่งการลุ้นแชมป์ในฤดูกาล 2022/23
ถามว่าทำไมถึงยังได้รับโอกาส ???
คำตอบคือ มิเกล อาร์เตต้า ทำทีมมีทรง
สไตล์การเล่นของ อาร์เซน่อล ก็เหมือนกับที่เขาเรียนรู้มาจาก เป๊ป กวาร์ดิโอล่า นั่นแหละ แถมมันก็เป็นสไตล์เดียวกับตอนที่ อาร์แซน เวนเกอร์ ยังเป็นกุนซือ นั่นคือเน้นเกมรุก ด้วยการต่อบอลทำชิ่งกันตามช่องอย่างมีทีมเวิร์ค
อาร์เซน่อล เล่นเป็นระบบ และมีรูปแบบที่ชัดเจนนะครับ เพียงแต่คุณภาพผู้เล่นยังไม่สูงมากพอ จึงค่อยๆ ต่อ ค่อยๆ เติม เสริมทัพจนแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ
นั่นคือเหตุผลที่บอกว่าทำไม เดอะ กันเนอร์ส ถึงยกตูดตัวเองขึ้นมาเป็น 'ผู้ท้าชิง' ของ แมนซิตี้ มา 2 ฤดูกาล รวมถึงฤดูกาลนี้ด้วยก็เป็นซีซั่นที่ 3 แล้ว
5. ทีนี้มาดู แมนยูไนเต็ด ที่ยังคงไว้วางใจใน เอริค เทน ฮาก อาจด้วยโมเดลเดียวกับ มิเกล อาร์เตต้า
กุนซือชาวดัตช์คุมปีศาจแดงฤดูกาลแรก ด้วยการจบอันดับ 3 ของพรีเมียร์ลีก ก่อนวูบลงมาถึงอันดับ 8 ในฤดูกาลที่ 2 ซึ่งพอจะเอาเรื่องตัวเจ็บระนาวมาเป็นข้ออ้างได้ รวมถึงการเข้าชิงฯ บอลถ้วย 3 ครั้ง ได้มา 2 แชมป์
สิ่งที่แตกต่างกันคือฤดูกาลนี้ แมนยู ยังเล่นกันสะเปะสะปะหารูปแบบไม่เจอ ทั้งๆ ที่ 'พี่ฮาก' ได้ตัวผู้เล่นใหม่ที่ตนต้องการครบทุกตำแหน่งเลยทีเดียว
หลังเบรคทีมชาติ ปีศาจแดง เจอคู่แข่งที่ไม่ถือว่าหนักหนาสาหัสนักอย่าง เบรนต์ฟอร์ด, เวสต์แฮม, เชลซี, เลสเตอร์ และ อิปสวิช ในพรีเมียร์ลีก
ถ้าหน่วยเหนือของ แมนยู ยังคงเชื่อว่า เอริค เทน ฮาก จะพลิกนรกได้แบบกุนซือของ อาร์เซน่อล
สิ่งที่ต้องแสดงให้เห็นเป็นอันดับแรกคือการเล่นที่เป็นระบบมากกว่าการเล่นแบบเน้นผลการแข่งขันนะครับ ซึ่งเด็กผีอย่างผมมั่นใจแบบเต็มประดาว่า...
ไม่มีทาง !!!
กรณีศึกษาจาก มิเกล อาร์เตต้า จึงไม่น่าจะใช้ได้ในกรณีนี้ และไอ้ที่ผมร่ายยาวมาทั้งหมดก็ขอให้คิดเสียว่า...มันเป็นการเล่าสู้กันฟัง (อ่าน) แล้วกัน