ก่อนอื่นขอสาบานนะครับว่าถึงแม้ผมจะอยากให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในตำแหน่งผู้จัดการทีม แมนยู มากขนาดไหน ผมก็ไม่ได้เชียร์ให้ทีมตัวเองพ่ายแพ้
แต่ในขณะเดียวกัน ผมก็มั่นใจในระดับหนึ่งว่า แมนยู จะบุกไปเอาชนะ แอสตัน วิลล่า ไม่สำเร็จ ซึ่งมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ
1.เอริค เทน ฮาก จัดตัวแบบ 'เหนือชั้น' จนคู่แข่งคาดไม่ถึง
ด้วยการดร็อปคู่เซ็นเตอร์ฮาล์ฟอย่าง มาต์ไตส์ เดอ ลิกต์ กับ ลิซานโดร มาร์ติเนซ แล้วส่ง แฮร์รี่ แม็กไกวร์ กับ จอนนี่ อีแวนส์ ลงไปเล่นแทน !!!
ผมไม่เห็นด้วยนะครับ เพราะจะดีจะร้ายอย่างไร คุณควรจะหาคู่ปราการหลังที่เหมาะสมกันที่สุดให้เจอแล้วพยายามใช้อย่างต่อเนื่อง
ถ้าไม่เจ็บหรือฟอร์มไม่แย่จริงๆ อย่าไปเปลี่ยน เพราะทีมที่สลับคู่เซ็นเตอร์ฯ ไปมาจนหาคู่ที่มั่นคงที่สุดไม่เจอจะไม่มีทางประสบความสำเร็จ ยกเว้นคุณเป็นกุนซือระดับ GOAT อย่าง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า
จัดทีมแปลกๆ แบบนี้ ถ้าผลงานออกมาไฉไลก็รอดตัวไป แต่ถ้าทะลึ่งแพ้ขึ้นมา คุณก็จะถูกเครื่องตัดหญ้ายัดเข้าไปทางรูทวารหนัก
2.เมื่อเกมผ่านไปประมาณ 15 นาที ยอมรับว่าผิดคาดเล็กน้อยที่เกมของ แมนยู ไม่ได้เป็นรองอย่างที่คิดเอาไว้ในตอนแรก
สิ่งที่เห็นคือ แอสตัน วิลล่า ไม่กล้าโหมเกมรุกใส่แบบเต็มตัว แถมยังเล่นกันด้วยความระมัดระวัง
ส่วนผู้เล่นพันธุ์อสูรก็เล่นเกมรับกันได้ดีเลยทีเดียว แดนกลางทำงานหนัก แผงหลังไม่แสดงความผิดพลาดออกมาง่ายๆ ขนาดหน้ากึ่งปีกทั้ง 2 ข้างยังถอยลงมาช่วยปิดเกมริมเส้นของเจ้าบ้าน
นอกจากนี้ยังดูมีความกระตือรือร้นกันมากขึ้นด้วย
ไม่ได้เล่นไล่โค้ชแน่นอน
3.เมื่อรูปเกมไม่ได้เป็นรอง เกมรับเหนียวแน่นแล้ว ทีนี้มาดูเกมรุกของ แมนยูไนเต็ด บ้าง
สิ่งที่เห็นคือ...เหมือนเดิม
เข้าใจไหมครับ 'เหมือนเดิม' คือไม่มีความน่ากลัวสักเท่าไหร่
ไม่มีความกล้าได้กล้าเสีย ไม่มีการเล่นร่วมกัน ไม่มีการประสานงานที่สวยงาม การเปลี่ยนจังหวะเป็นจู่โจมเร็วก็ไม่มีความแม่นยำ วิธีการเข้าทำไม่มีความหลากหลาย
จังหวะจบส่วนใหญ่เกิดจากความสามารถเฉพาะตัวของผู้เล่นมากกว่าการเล่นแบบเป็นทีม
แล้วแบบนี้จะไปทำลายตาข่ายคู่แข่งให้สิ้นซากได้ไง ???
4. หลังจากทุบไข่กันไม่แตกในครึ่งแรก
สังเกตว่าทีมของ 'เฮียเลี้ยง' พยายามเร่งจังหวะเกมรุกกันมากขึ้นพลางครองบอลบุกใส่ผู้มาเยือนได้มากกว่า ทว่าก็ยังเน้นความรัดกุมอยู่ในที ไม่กล้าโหมกระหน่ำแบบเอาตาย
นั่นประการหนึ่ง
อีกประการหนึ่ง แอสตัน วิลล่า ก็ดูเกร็งๆ ชอบกลจนเหมือนว่าต่ำกว่ามาตรฐาน
แทนที่ แมนยู จะใช้โอกาสที่เจ้าบ้านต่ำกว่ามาตรฐาน แล้วกล้าๆ กดคันเร่งใส่แบบไม่จิ๋มหมา
พวกพรี่ๆ เขากลับเล่นเหมือนพอใจที่ไม่แพ้ซะมากกว่า...ซะอย่างนั้น !!!
บ่อยครั้งที่เล่นเกมเร็วได้ นักเตะทีมเยือนกลับเลือกที่จะดึงจังหวะให้ช้าลง (เพื่อความชัวร์)
บางจังหวะมีพื้นที่ให้พลิกบอลเข้าไปโจมตี พวกเขากลับเลือกที่จะเคาะบอลวนไปวนมา ก่อนจ่ายลูกคืนหลังไปตั้งเกมกันใหม่
ซะอย่างนั้น & ซะอย่างนั้น
5. สุดท้ายก็ได้ผลการแข่งขันที่ต้องการสมใจนึกบางลำพู คือไม่แพ้ แถมไม่เสียประตูซะด้วย ว้าววววว
ตอนผู้ตัดสินเป่านกหวีดหมดเวลา ผมมั่นใจแบบเต็มประดาว่าเดี๋ยว เอริค เทน ฮาก คงต้องให้สัมภาษณ์หลังจบเกมแบบเอาดีเข้าตัว
ประมาณว่าลูกทีมของตูข้าเล่นเกมรับกันได้ดีชิหายเลย และทุ่มเทเต็มที่แล้วจนสามารถรักษาคลีนชีตเอาไว้ได้เป็นเกมที่ 4 ในพรีเมียร์ลีกแล้วนะจ๊ะ
แล้วพี่แกก็พูดทำนองนั้นจริงๆ
อืมมมม...ซื้อหวยไม่ถูกแบบนี้บ้างวะ 5555
ทันใดก็อยากให้เด็กผีที่ชอบวิ่งเล่นอย่างเริงร่าในทุ่งดอกลาเวนเดอร์ ทางตอนใต้ของฝรั่งเศสได้อ่านความเห็นของอดีตดาวดังแมนยูอย่าง ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ
เฮียเบิร์บ หล่นปริศนาธรรมหลังเกมว่า...
"ทุกคนในสนามควรจะละอายใจนะที่ จอนนี่ อีแวนส์ คว้าตำแหน่ง แมน ออฟ เดอะ แมตช์ บนวัย 36 ขวบ"
มาเธอร์ฟัคเก้อร์