อาร์เซน่อล จะเป็นแชมป์!!?

อาร์เซน่อล จะเป็นแชมป์!!?
โทษฐานที่ อาร์เซน่อล ยังคงนำเป็นจ่าฝูงพรีเมียร์ลีก 2022-23 อย่างอหังการยิ่งนัก หลังจากผ่านไป 13 นัด

มันบอกอะไรเราได้บ้าง ???

อันดับแรก - มันเป็นการประกาศว่าการขับเคี่ยวแย่งชิงความสำเร็จกันในฤดูกาลนี้น่าจะเป็นการแก่งแย่ง แข่งขัน ห้ำหั่น และเชือดเฉือนกันระหว่าง "เต็งหนึ่ง" อย่าง แมนฯ ซิตี้ และ "ผู้ท้าชิง" อย่าง อาร์เซน่อล โดยไม่อนุญาตให้ทีมอื่นเข้ามาสอดแทรก เพราะทีมระดับพญายักษ์ที่เหลืออย่าง สเปอร์ส, แมนฯ ยูไนเต็ด, เชลซี และลิเวอร์พูล แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนในระดับหนึ่งว่าไม่ค่อยมีความสม่ำเสมอสักเท่าไหร่

ส่วนทีมที่มาแรงและเป็นม้ามืดในฤดูกาลนี้อย่าง นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ก็ยังไม่น่าจะมีคุณภาพและประสบการณ์เพียงพอที่จะยืนระยะไปจนถึงบั้นปลาย

อันดับต่อมาจงอย่าดูแคลน อาร์เซน่อล เด็ดขาด

เพราะล่าสุด ลูกทีมของ มิเกล อาร์เตต้า พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าพวกเขามีสิทธิ์คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก และน่าจะยืนระยะไปจนถึงช่วงโค้งสุดท้ายได้เป็นอย่างน้อย ซึ่งเดี๋ยวเราค่อยมาว่ากันถึงเรื่องนี้อีกทีว่าทำไม คอลัมนิสต์ลูกหนังผู้มีอาการทางจิตเล็กน้อยอย่างผมถึงคิดเช่นนั้น

ย้อนกลับไปในช่วงออกสตาร์ทฤดูกาลใหม่ๆ 

ทีมสีหนาทปืนใหญ่กะซวกชัยชนะถึง 5 เกมติดต่อกัน

ณ จุดนั้น แฟนบอลส่วนใหญ่ รวมถึงนักวิจารณ์ลูกหนังระดับ แกรนด์ กูรู ยังไม่ค่อยเชื่อมั่นใน อาร์เซน่อล สักเท่าไหร่ เพราะนอกจากจะยังอยู่ในช่วงแรกๆ ของฤดูกาลที่อนุญาตให้ใครก็ได้ขึ้นนำเป็นจ่าฝูง แถมยังเป็นการเอาชนะทีมที่วรรณะต่ำกว่าตัวเองทั้งหมด

ทว่านี่แหละคือความแตกต่างจากฤดูกาลก่อนๆ ที่ 

"เดอะ กันเนอร์ส" มักทำแต้มหล่นหายเป็นประจำเมื่อเจอกับทีมที่วรรณะต่ำกว่าตัวเอง 

อาร์เซน่อล สะดุดนัดแรกของฤดูกาล เมื่อบุกไปเยือน โอลด์ แทรฟฟอร์ด

การศึกครั้งนั้น พวกเขาเป็นฝ่ายครองบอลบุกมากกว่า และมีโอกาสทำประตูมากกว่าเจ้าถิ่น 

แพ้แบบนี้ ภาษาบอลเรียกว่า "แพ้จังหวะ" ครับ

หลังทำแต้มหล่นหายในโรงละครแห่งความฝัน

อาร์เซน่อล ก็ควบตะบึงไปข้างหน้าด้วยความเร็วแรงแบบทะลุนรกอีกครั้ง ก่อนมีชัยติดต่อกันอีกถึง 5 นัด  ก่อนเครื่องจะสะดุดอีกครั้ง เมื่อต้องออกไปเยือน เซาธ์แฮมป์ตัน

หลังทำได้แค่เสมอทีมนักบุญ ด้วยสกอร์ 1-1 พลพรรคปืนโตก็ตอบโต้ด้วยการถล่มทีมที่เพิ่งยัดเยียดความปราชัยให้ ลิเวอร์พูล มาหมาดๆ อย่าง น๊อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ถึง 5-0

ผ่านไป 12 นัด อาร์เซน่อล ยังนำเป็นจ่าฝูงพรีเมียร์ลีก โดยทำแต้มหล่นหายเพียงแค่ 5 แต้มเท่านั้น

นาทีนั้นสำหรับท่านที่ดูบอลแบบผิวเผินพลางใช้ความเคยชินของตัวเองในการตัดสิน ปรามาสพวกเขาว่า...เดี๋ยวก็แผ่ว

อืมมมมมม...นะ

มันก็จริงอย่างที่เขาปรามาส ยกตัวอย่างช่วงปลายฤดูกาลก่อนที่ อาร์เซน่อล มีลุ้น "ท็อปโฟร์" อยู่แท้ๆ แต่หม้อน้ำแตกใน 5 เกมสุดท้ายจนหลุดจาก 4 อันดับแรกของตาราง...ซะอย่างนั้น

แล้วทำไมผมถึงเชื่อว่าฤดูกาลนี้ พวกเขามีโอกาสอหังการถึงขั้นคว้าแชมป์ และอย่างน้อยน่าจะยืนระยะไปจนถึงโค้งสุดท้าย ???

เหตุเกิดในศึกพรีเมียร์ลีกประจำสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาครับ 

แมนฯ ซิตี้ ลงเล่นก่อนในวันเสาร์ แถมยังเป็นเจอทีมน้องใหม่อย่าง ฟูแล่ม ในบ้าน จึงมีโอกาสแซงขึ้นไปนำเป็นจ่าฝูง 

ทีมสีฟ้าแห่ง แมนเชสเตอร์ มีปัญหาเล็กน้อย เมื่อเหลือผู้เล่นแค่ 10 คนตั้งแต่ต้นเกม ก่อนเบียดเอาชนะผู้มาเยือนได้อย่างหวุดหวิดในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ว่าแล้วก็บรรจงถีบความกดดันให้ อาร์เซน่อล ที่ลงเล่นทีหลังแบบเต็มตีนเลยทีเดียว

ไม่เพียงแต่จะจะลงเล่นทีหลัง อาร์เซน่อล ยังต้องบุกไปเยือน สแตมฟอร์ด บริดจ์ ของ เชลซี อีกต่างหาก

นี่แหละบทพิสูจน์ว่าคุณพร้อมที่จะผงาดในฤดูกาลนี้หรือเปล่า เพราะมันเป็นภารกิจที่ยากถึงยากบรรลัยในการบุกไปอัดตูดคู่เล่นอันตรายอย่าง เชลซี ในสถานการณ์ที่กดดันพลางบังคับว่าต้องชนะเพียงสถานเดียวเช่นนี้

สิ่งที่บังเกิดขึ้นคือ อาร์เซน่อล โชว์ฟอร์มได้ไฉไลกว่า ครองบอลมากกว่า บุกมากกว่า ก่อนยัดเยียดความปราชัยให้เจ้าถิ่นได้สำเร็จ

แน่นอนว่ามันไม่ใช่ชัยชนะแบบฟลุคๆ

จุดนี้ทำให้ผมเชื่อมั่นใน อาร์เซน่อล มากขึ้นอีกโข เพราะพวกเขาแสดงให้เห็นถึงคุณสมบัติของทีมที่จะเป็นแชมป์แบบครบถ้วน

1. ผู้เป็นกุนซือค้นพบทีม 11 ตัวจริงที่เหมาะสมและลงตัวพลางใช้ผู้เล่นชุดที่ดีที่สุดอย่างต่อเนื่อง 

ฤดูกาลนี้ อาร์เซน่อล ยังไม่เจอปัญหาผู้เล่นตัวหลักถูกอาการบาดเจ็บลักพาตัวไปพร้อมๆ กันสักเท่าไหร่จึงสามารถจัดทีมที่แข็งแกร่งที่สุดทุกตำแหน่งลงสนามอย่างต่อเนื่อง แม้บางนัดจะปราศจากผู้เล่นสำคัญก็สามารถเอาตัวรอดได้

2. ไม่พลาดในเกมที่ไม่ควรพลาด หรือพลาดให้น้อยที่สุด

ถ้านับกันจริงๆ ถึงตอนนี้ อาร์เซน่อล เพิ่งพลาดการตบเด็กเพียงแค่เกมเดียวด้วยซ้ำ แถม แมนฯ ซิตี้ ทำแต้มหล่นหายในเกมแบบนี้มากกว่าด้วย

3. เก็บแต้มจากทีมระดับพญายักษ์ด้วยกันให้มากที่สุดเป็นอันดับ 1 ของ "มินิลีก" 

ตอนนี้ อาร์เซน่อล ปะทะกับทีมในระดับ "บิ๊กซิ๊กซ์" แห่งพรีเมียร์ลีกไปแล้ว 4 นัด

แพ้ แมนฯ ยูไนเต็ด 1-3

ชนะ สเปอร์ส 3-1

ชนะ ลิเวอร์พูล 3-2

และ ชนะ เชลซี 1-0

เหลือวัดกับคู่ขับเคี่ยวโดยตรงอย่าง แมนฯ ซิตี้ ซึ่งผมมองว่า "สู้ได้" ซะด้วย

ว่าแล้วขอทิ้งท้ายด้วยสถิติของทีมที่เปิดตัว 12 นัดแรกของซีซั่นด้วยความร้อนแรงแบบเกินห้ามใจมากที่สุดในอดีต

สถิติบอกว่ามีถึง 8 จาก 9 ครั้งที่ "จ่าฝูง" พรีเมียร์ลีกคะแนนดีที่สุด หลังจากลงเล่น 12 นัดแรก สามารถคว้าแชมป์ได้สำเร็จในตอนจบ

แมนฯ ยูไนเต็ด ฤดูกาล 1993-94 (สะสมได้ 31 แต้ม)

เชลซี ฤดูกาล 2005-06 (สะสมได้ 31 แต้ม)

แมนฯ ยูไนเต็ด ฤดูกาล 2006-07 (สะสมได้ 31 แต้ม)

แมนฯ ซิตี้ ฤดูกาล 2011-12 (สะสมได้ 34 แต้ม)

เชลซี ฤดูกาล 2014-15 (สะสมได้ 32 แต้ม)

แมนฯ ซิตี้ ฤดูกาล 2017-18 (สะสมได้ 34 แต้ม)

แมนฯ ซิตี้ ฤดูกาล 2018-19 (สะสมได้ 32 แต้ม)

ลิเวอร์พูล ฤดูกาล 2019-20 (สะสมได้ 34 แต้ม)

มีเพียง นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ในฤดูกาล 1995-96 แค่ทีมเดียวที่ตบะแตกในช่วงโค้งสุดท้ายแล้วชวดแชมป์อย่างน่าเจ็บใจยิ่งนัก ทั้งที่สะสมได้ถึง 31 แต้มจาก 12 นัดแรกของฤดูกาลเหมือนทีมอื่นที่เป็นแชมป์

หลังผ่านไป 12 นัด อาร์เซน่อล สะสมได้ 31 แต้ม ก่อนจะงอกขึ้นมาเป็น 34 แต้ม หลังผ่านไป 13 นัด ในฤดูกาลนี้ 

ดังฉะนั้นหากมีใครฟันธงว่า อาร์เซน่อล นี่แหละจะเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกก็อย่าเพิ่งหัวเราะใส่เขานะครับ

บอ.บู๋


ที่มาของภาพ : gettyimages
BY : บอ.บู๋
บูรณิจฉ์ รัตนวิเชียร
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport