การแพ้ของ ลิเวอร์พูล คือเรื่องที่เหมาะสมแล้ว

การแพ้ของ ลิเวอร์พูล คือเรื่องที่เหมาะสมแล้ว
ก่อนอื่นเลย.. น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ สมควรเป็นผู้ชนะในเกมเมื่อคืนวันเสาร์

ทีมเจ้าป่าคู่ควรกับการได้ 3 คะแนนจากความละเอียด สมาธิที่ดี การวางแผนและเล่นตามแผนได้อย่างหมดจด

นักเตะทุกคนของฟอเรสต์ไม่มีหลุดไปจากเกม แน่วแน่แรงกล้า ขณะที่การเปลี่ยนตัวของ นูโน่ เอสปิริโต้ ซานโต้ ก็ยังถูกจังหวะจะโคน ส่งตัวอันตรายอย่าง คัลลัม ฮัดสัน-โอดอย กับ แอนโธนี่ อีลังก้า ลงมาในเวลาที่เหมาะสม

อลัน เชียเรอร์ ใช้คำว่า Outstanding - โดดเด่น - คริส ซัตตัน ใช้คำว่า Masterclass - เหนือชั้น - สำหรับการเล่นของฟอเรสต์ในเกมนี้.. มันไม่ผิดไปจากนั้นเท่าไหร่นัก

55 ปีที่ไม่เคยทำได้เลย.. ในที่สุดฟอเรสต์ก็บุกมาเอาชนะลิเวอร์พูลในเกมลีกที่แอนฟิลด์ได้สำเร็จ ทั้งยังทำได้อย่างมีสไตล์

ทีมเยือนไม่ได้มาเพื่อเล่นตั้งรับลึกถอยรถบัสมาจอดหน้าประตู ไม่ได้อุดแล้วเตะทิ้ง แต่วิ่งเข้าชิดไม่ให้นักเตะหงส์แดงเล่นง่าย

ที่สำคัญคือการอ่านบอลจังหวะสอง บอลที่ทะลักมาจากการปะทะกัน บอลที่ถูกกระชากผ่านมา หรือบอลที่กระเด้งกระดอนจากจังหวะแรก นักเตะฟอเรสต์เข้าเก็บได้เร็วกว่าเจ้าถิ่น

มันไม่ได้มาจากโชคหรือดวง แต่เป็นการอ่านเกมและคาดการณ์ล่วงหน้าซึ่งโดยปกติแล้วจะเป็นนักเตะลิเวอร์พูลที่มักจะทำได้ดี

การตอบสนองกับฟุตบอลจังหวะสองคือจุดเด่นที่ทำให้เกมที่ผ่าน ๆ มาของทีมหงส์แดงต่อเนื่อง ดักเก็บ ดักตัด หรือจะมีใครสักคนไปอยู่ตรงนั้นเสมอ

แต่ไม่ใช่กับเกมนี้

เกมที่แอนฟิลด์เมื่อคืนกลับกลายเป็นลิเวอร์พูลเองที่ติดขัดทั้งบอลแรกและบอลสอง บวกกับความรีบร้อนในจังหวะเร่งเกมที่ทำให้ความแน่นอนหายไป

ดูเกมตลอด 90 นาทีแล้วมีแต่คำชื่นชมให้นักเตะของฟอเรสต์ แน่นอนพวกเขาเล่นง่ายกว่าเพราะไร้ความกดดัน แต่การเลือกวิธีเข้าประชิดเร็วก็มีความเสี่ยงอยู่เช่นกันเพราะถ้าคุณทำได้ไม่ดีพอ ไม่ไวพอ ไม่บีบอีกฝ่ายได้มากพอ คุณก็อาจถูกพลิกหลบแล้วเสียตำแหน่ง

มันต้องมีความกล้าหาญในระดับหนึ่งที่ นูโน่ ซานโต้ เลือกใช้วิธีนี้ในการรับมือเกมบุกของหงส์แดง เพราะไม่ใช่ทุกทีมที่จะกล้าเล่นอย่างนี้เวลาไปเยือนแอนฟิลด์

ความเข้าใจเกม การช่วยกันเล่น แบบแผนที่ไม่สับสนและมีวินัย รู้ว่าต้องเล่นเกมรับอย่างไร รู้ว่าเล่นเกมโต้อย่างไร กลายเป็นฟอเรสต์ไหลลื่นกว่าด้วยภาพไม่ซับซ้อน มั่นใจในการปะทะ ไม่แพ้ในบอลแรก ถึงบอลสองให้เร็วกว่า และโต้กลับด้วยการส่งบอลไปที่ตัวเป้าหมาย

การพัก ฮัดสัน-โอดอย กับ อีลังก้า เอาไว้เพื่อปล่อยลงสนามในช่วงครึ่งหลังคือทีเด็ดของซานโต้จริง ๆ ชีวิตของลิเวอร์พูลยุ่งยากและปั่นป่วนขึ้นทันตาเห็นหลังจาก 2 คนนี้ลงมา

ถ้าใช้งานทั้งคู่ตั้งแต่ต้นเกม มันอาจไม่ได้ผลขนาดนี้ ว่ากันตามแผนมันน่าจะเป็นการส่งนักเตะชุดแรกลงไปยันให้อยู่เพื่อให้ลิเวอร์พูลดันตัวเองเปิดเกมแลกมากกว่าเดิมเพื่อทำประตูที่ต้องการ

พื้นที่ข้างหลังเปิดมากขึ้น แข้งขาเริ่มล้า นั่นล่ะ โอกาสของ ฮัดสัน-โอดอย กับ อีลังก้า อยู่ตรงนั้น.. เป็นแผนการเปลี่ยนตัวที่คมมากของซานโต้

ความตั้งใจของอดีตกุนซือวูล์ฟแฮมป์ตันและสเปอร์สจะเป็นอย่างนั้นไหมไม่ทราบนะครับ แต่มันลงตัวเป๊ะจริง ๆ

ประตูหักปีกหงส์ก็มาจากการเปิดขวางตัดไลน์กองหลังของอีลังก้าให้ ฮัดสัน-โอดอย แต่งบอลก่อนยิงเช็ดเสาไกลตุงตาข่ายในจังหวะโต้กลับนี่แหละ

เบื้องหลังความสำเร็จในครั้งนี้ นักเตะทีมเยือนวิ่งกันเยอะมาก มันเป็นไปตามที่ นูโน่ ซานโต้ บอกนั่นคือ เจอกับลิเวอร์พูลทีมของเขาต้องวิ่งให้มากกว่า ไม่อย่างนั้นก็เลิกฝันถึงการเอาชนะได้เลย

มีคะแนนเต็มสิบก็ต้องให้สิบเต็มสำหรับการเล่นของ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ เมื่อคืนที่ผ่านมาล่ะครับ ทุกอย่างดูสมบูรณ์แบบจริง ๆ

กับลิเวอร์พูลแน่นอนว่ามันคือความผิดหวัง ทุกคนทราบดีว่าความพ่ายแพ้ย่อมมาถึงในวันใดวันหนึ่ง เพียงแต่มันไม่น่าจะเป็นเกมนี้ กับคู่แข่งทีมนี้ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการเล่นในแอนฟิลด์อย่างนี้

11 ตัวจริงของ อาร์เน่อ ชล็อต เป็นไปตามคาดทุกตำแหน่ง ทีมชุดนี้กำลังเล่นดีประสานงานไหลลื่นและมีผลงานที่จับต้องได้ทุกคน จึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่จะเห็นรายชื่อก่อนเกมแบบนี้

ส่วนการโรเตชั่นกุนซือชาวดัตช์ก็ให้สัมภาษณ์แล้วว่าลีกดัตช์ที่เขาคุ้นเคยไม่ค่อยเปลี่ยนตัวจริงกันนัก แต่นี่เป็นลีกใหม่คงต้องปรับตัว ว่ากันไปตามความฟิตของแต่ละคนและโปรแกรมที่รออยู่

ลิเวอร์พูลเจอกับความยุ่งยากในการเล่นตั้งแต่ครึ่งแรกเพราะนักเตะฟอเรสต์มาผิดคาด เข้าถึงตัวเร็วไม่ปล่อยให้มีเวลาคิดทำอะไรได้ถนัด เข้าเล่นบอลทุกจังหวะทั้งบนพื้นและกลางอากาศ

การครองเกมอาจเป็นของลิเวอร์พูลแต่โอกาสจะแจ้งมีไม่มากและไม่ต่อเนื่อง

ได้ครองบอล แต่ไม่ใช่การปูพรมบุกแบบที่สร้างโอกาสทำประตูเป็นชุด ๆ จนอีกฝ่ายต้องปกป้องพัลวัน มันไม่ใช่ภาพแบบนั้นเลย

ตรงกันข้ามเกมกลับเต็มไปด้วยการสะดุด บอลกระดอนกลับมาตั้งหลักใหม่อยู่ตลอด ดวลตัวต่อตัวแทบไม่ผ่าน เจอซ้อน เจอเกาะติด เจอดักสกัดสลัดไม่หลุด

ลิเวอร์พูลพยายามเล่นอย่างใจเย็น ไม่รีบร้อน ค่อย ๆ นวดหาช่องเข้าทำ ลดความเสี่ยงที่จะก่อความผิดพลาดส่วนบุคคลซึ่งถือว่าทำได้ดี และอันที่จริงนอกจากการสร้างโอกาสด้วยตัวเองอย่างลูกขยันของ หลุยส์ ดิอาซ ที่ตามไปแย่งบอลได้ก่อนจะยิงชนเสาก็ยังมีการสร้างโอกาสสวย ๆ ให้เห็นบ้าง

อย่างลูกเปิดไซด์ก้อยของ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ ที่ให้ ดีโอโก้ โชต้า ชาร์จโดนหน้าแข้ง หรือการพาบอลทะลุฝ่าผู้เล่นเจ้าป่า 2-3 คนของ โดมินิก โซโบซไล แต่ไหลให้ หลุยส์ ดิอาซ ด้วยน้ำหนักบอลไม่ดีพอ

การแทงทะลุของ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ให้ ไรอัน กราเฟนแบร์ก ลูกเปิดของเทรนต์ให้แม็ค อัลลิสเตอร์ โขกเต็มศีรษะก็ไม่ผ่านการป้องกันของ มัตซ์ เซลส์ หรือบอลวางยาวทแยงจากแบ๊กซ้ายข้ามหัว อเล็กซ์ โมเรโน่ แบ๊กซ้ายฟอเรสต์ได้แล้วแต่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ จับบอลไม่ดีเสียโอกาสไปอีก

ลิเวอร์พูลยิงไม่ได้ แม้จะยังไม่เสียหาย แต่ความกังวลก็เริ่มก่อตัวขึ้นในใจเมื่อหมดครึ่งแรกแล้วสกอร์ยังไม่ขยับ

ความอึดอัดกลับยิ่งเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมในครึ่งหลังเมื่อเวลาผ่านไป 15 นาทียังไม่มีอะไรกระเตื้องขึ้น สิ่งที่เพิ่มเติมเข้ามากลับเป็นความเกร็งเล่นกันขาด ๆ เกิน ๆ

ขณะที่ฟอเรสต์ยังคุมพื้นที่ได้ดี เข้าเร็ว ถอยเร็ว แทบไม่แพ้เลยในจังหวะปะทะแรก ที่สำคัญยังเริ่มมีจังหวะตอบโต้หวาดเสียวมากขึ้น

เจ้าป่าดักตัดบอลแล้วทำเร็วได้บ่อยขึ้น บอลเริ่มไปถึงแดนสามหน้าเขตโทษลิเวอร์พูลถี่ขึ้น โดยเฉพาะหลังจากอาวุธเด็ดอย่าง ฮัดสัน-โอดอย ถูกส่งลงสนามในนาทีที่ 54 และอีลังก้าลงมาในอีก 7 นาทีให้หลัง

การเปลี่ยนตัวรวดเดียว 3 คนของ ชล็อต ในนาทีที่ 59 แสดงให้เห็นว่าเขาไม่อยู่เฉยและพยายามปรับแท็คติกเพื่อเพิ่มมิติให้ทีมเช่นกัน

ดาร์วิน นูนเญซ กับ โกดี้ คักโป คือการเปลี่ยนแบบตำแหน่งต่อตำแหน่งแทน โชต้า และ ดิอาซ แต่ คอเนอร์ แบร๊ดลี่ย์ ที่ลงมาแทน แม็ค อัลลิสเตอร์ นั้นไม่ใช่

จุดนี้คือการปรับแท็คติกชัดเจน แบร๊ดลี่ย์ลงไปเป็นแบ๊กขวา อาศัยการบุกตะลุยที่เป็นธรรมชาติขึ้นริมเส้นขวาตลอดทาง ขณะที่ เทรนต์ ถูกขยับเข้าไปเล่นมิดฟิลด์เพื่อเล่นเกมบุกร่วมกับโซโบซไล ให้ กราเฟนแบร์ก เป็นจุดศูนย์กลาง ปรับระบบเป็น 4-3-3 

ผมชอบการเปลี่ยนตัวครั้งนี้ ผลลัพธ์นั้นเป็นอีกเรื่องเพราะเราไม่มีทางรู้อนาคต แต่สิ่งสำคัญคือเราพอจะมองเห็นไอเดียว่าชล็อตต้องการอะไรในตอนนั้น

เกมที่ผ่านมาหนึ่งชั่วโมงเต็มไม่มีบอลพิเศษอย่างที่เทรนต์สามารถทำได้มากนัก แม็คก้าไม่ได้ทำอะไรเสียหายหรอกแต่เวลาเหลือครึ่งชั่วโมงและโอกาสได้ประตูของทีมยังแทบมองไม่เห็น

เพิ่มมิติบอลจ่ายอันตรายจากเทรนต์ในแดนกลาง เพิ่มความสดจากแบร๊ดลี่ย์ในตำแหน่งแบ๊กขวา ไอเดียน่าจะเป็นแบบนี้ ตรงนี้ที่ผมพอใจในความกล้าตัดสินใจของชล็อตที่ไม่ปล่อยให้ปัญหาเนิ่นนานไปกว่านี้

แต่น่าเสียดายที่มันไม่ได้ผลเพราะบอลจากเทรนต์กลายเป็นเสียมากกว่าดี ด้วยความกดดันทั้งคนให้บอลและคนรับบอล ประกอบกับการเล่นเกมรับของฟอเรสต์ก็ยังคงดีไม่มีตก ไม่มีสติหลุดหรือธาตุไฟแตก ขณะที่แบร๊ดลี่ย์แทบไม่ได้เติมเกมรุกเลยเพราะข้างหน้าเสียบอลบ่อยกลายเป็นต้องรับมือเกมโต้กลับของ ฮัดสัน-โอดอย มากกว่า

ดาร์วิน กับ คักโป น่าผิดหวังไม่แพ้ ดิอาซ และ โชต้า จังหวะเสียประตูก็มาจากการเสียบอลของดาร์วินที่แพ้การปะทะหลังรับบอลที่เทรนต์ยัดให้หน้าเขตโทษ คราวนี้บอลโต้ 3 จังหวะของฟอเรสต์ไปจบที่การยิงสุดสวยเช็ดเสาเข้าประตูของฮัดสัน-โอดอย

สัญญาณอันตรายที่ฟอเรสต์แจ้งเตือนมาตลอดในครึ่งหลังกลายเป็นผลจนได้ นี่คือประตูแรกที่ลิเวอร์พูลเสียในฤดูกาลนี้

เกมของฟอเรสต์ยิ่งมั่นใจ ไปถึงจุดนั้นแล้วแน่นอนว่านักเตะเจ้าป่าย่อมเชื่อมั่นในการเล่นของตัวเองอย่างที่สุด ที่น่าชื่นชมคือสมาธิของพวกเขาไม่ตก ไม่ประมาท และยังฮึกเหิมขึ้นเรื่อย ๆ สวนทางกับลิเวอร์พูลที่ความเยือกเย็นเริ่มหายไป ส่งบอลผิดพลาดหลายครั้งไล่ตั้งแต่กองหลังยันกองหน้า

หลังเสียประตู ชล็อตเปลี่ยนตัวและปรับแท็กติกอีกครั้ง คอสตาส ซิมิกาส แทน แอนดี้ โรเบิร์ตสัน และ เคอร์ติส โจนส์ แทน อิบู โกนาเต้ เพิ่มผู้เล่นในแดนกลาง ดันเทรนต์เล่นเกมรุกเต็มตัว และปรับเกมรับเป็นเซนเตอร์แบ๊ก 3 คน ซิมิกาส กับ แบร๊ดลี่ย์ ขนาบซ้ายขวา เฟอร์จิล ฟาน ไดค์

ชล็อตปรับ ไม่ใช่ไม่ปรับหรือปล่อยทุกอย่างตามยถากรรม ส่วนจะได้ผลหรือไม่นั้นมันยังมีปัจจัยอื่นประกอบ และแน่นอนครับจากการเล่นที่ออกมาคงต้องบอกว่าการปรับแท็กติกในเกมนี้ไม่ได้ผลเลย ลิเวอร์พูลยังคงมีความผิดพลาดถี่ยิบ ขณะที่ฟอเรสต์ยังรับมือได้อย่างเป็นผู้ใหญ่

โจนส์เก็บบอลได้แต่การพาบอลขึ้นไปเปิดเกมรุกยังเจอปัญหาเหมือนเพื่อนคนอื่น ๆ เพราะแทบไม่ผ่านผู้เล่นฟอเรสต์ ซิมิกาสไม่แย่แต่ก็ไม่โดดเด่น ส่วนแบร๊ดลี่ย์เริ่มได้เติมขึ้นบุกมากขึ้นก็ในช่วง 10 นาทีสุดท้ายเพราะทีมจำเป็นต้องแลกเต็มตัว

ความร้อนรนทำให้การตัดสินใจและการเล่นที่เคยนิ่งผิดพลาดกันไปหมด มีจังหวะหนึ่งลิเวอร์พูลได้ทุ่ม โซโบซไลหยิบบอลมาทุ่มเร็วแต่กองกลางฮังการีไม่ทุ่มขนานเส้นให้ซาลาห์ที่วิ่งนำขึ้นไปโล่ง ๆ ทว่าเลือกทุ่มเข้ากลางให้เพื่อนที่ไม่ได้เปรียบ หรือจังหวะที่ฟาน ไดค์เตะพลาด บอลลอยโด่งไปถึงเทรนต์ก็เตะพลาดติดต่อกันอีก

คนที่เคยให้บอลชัวร์ ๆ อย่าง ซาลาห์ เทรนต์ และ ฟาน ไดค์ ส่งบอลไม่ขาดก็เกินให้เห็นเป็นระยะ ขณะที่การแพ้การดวลตัวต่อตัวยังเป็นปัญหาของลิเวอร์พูลตั้งแต่ต้นเกมจนถึงท้ายเกม ก่อนหมดเวลาไม่กี่นาทีบอลยาวจากประตูฟอเรสต์ ฟาน ไดค์ ขึ้นโหม่งแพ้ โชต้า ซิลวา ทำให้ อีลังก้า หลุดเดี่ยว ยังดีที่ อลีสซง ช่วยป้องกันเอาไว้ได้

มองจากภาพรวมทั้งหมดของเกม การไม่ชนะของลิเวอร์พูลคือเรื่องที่เหมาะสมแล้วจริง ๆ และการมีแต้มของฟอเรสต์ก็คู่ควรจริง ๆ เช่นกัน

เพียงแต่ถ้าเป็นผลเสมอ ทีมหงส์แดงจะยังคงมีคะแนนติดมือ ไม่ได้จบ 90 นาทีด้วยมือเปล่าอย่างที่เกิดขึ้น

กระนั้นความปราชัยในรูปเกมแบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่โชคร้ายหรือน่าตีอกชกตัวอะไร เมื่อคุณไม่สมควรเป็นผู้ชนะ คำตอบก็เหลือแค่ 2 ทาง..

ไม่เสมอ.. ก็แพ้ เพียงแต่เกมนี้มันได้ผลลัพธ์ที่แย่ที่สุดเท่านั้นเอง

ตังกุย


ที่มาของภาพ : getty images
BY : ตังกุย
ณัฐพล ดำรงโรจน์วัฒนา
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport
X