แมนยู พบ ลิเวอร์พูล : แดงเดือดยกล่าสุด..

แมนยู พบ ลิเวอร์พูล : แดงเดือดยกล่าสุด..
สถิติที่เป็นตัวเลขไม่ได้สะท้อนความเป็นจริงของเกม 90 นาทีที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ดเลย

ข้อมูลที่บันทึกเอาไว้บอกว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีโอกาสทำประตู 8 ครั้ง ลิเวอร์พูล 11 ครั้ง ยิงตรงกรอบฝั่งละ 3 ครั้ง

น้อยกว่ากันไม่มาก ยิงเข้ากรอบเท่ากันด้วยซ้ำ

ทีมปีศาจแดงยังได้ครองบอลมากกว่าผู้มาเยือนจากเมอร์ซี่ย์ไซด์ 52.6 ต่อ 47.4 เปอร์เซนต์ และยังมีค่า xG หรือ expected Goal 1.36 ประตู น้อยกว่าลิเวอร์พูล (1.73 ประตู) ไม่เท่าไหร่

ถ้ายึดจากค่า xG หรือการคำนวนโอกาสและความใกล้เคียงของการได้ประตูที่เกิดขึ้นในเกมว่าเกมนั้น ๆ คุณน่าจะทำประตูได้กี่ลูกเป็นหลัก มันก็จะได้ความประมาณว่า แมนฯ ยูไนเต็ด น่าจะแพ้ลิเวอร์พูลแค่ 1-2 อะไรทำนองนั้น

แต่ตัวเลขและสถิติบอกเราแค่บางด้าน ไม่ใช่ทุกด้าน

สำหรับใครที่ได้ดูเกมการแข่งขันเมื่อคืนวันอาทิตย์ก็จะเห็นภาพอีกภาพหนึ่ง และน่าจะเห็นมันไปในทางเดียวกัน คือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พ่ายแพ้ ลิเวอร์พูล อย่างชัดเจน

"โค้ชอู๊ด" สระราวุฒิ ตรีพันธ์ อดีตกองหลังทีมชาติไทยที่มีดีกรีโค้ชโปรไลเซนส์อธิบายความแตกต่างระหว่างทั้งสองทีมขณะร่วมพูดคุยในรายการ Soccer Party ขยี้บอลสด ทางสยามสปอร์ตว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เล่นด้วยกันเป็นทีมน้อยกว่า ลิเวอร์พูล

ง่าย ๆ แต่ชัดเจน.. ลิเวอร์พูลมีความเป็นทีมมากกว่าคู่ปรับตลอดกาล ทั้งในเกมรับและการรุก

โค้ชอู๊ดบอกว่า ยูไนเต็ด กับ ลิเวอร์พูล วางระบบการเล่น 4-2-3-1 เหมือนกัน แต่เล่นไม่เหมือนกัน

ระบบการเล่นไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่าง มันไม่ใช่สูตรสำเร็จ ไม่ได้มีอิทธิพลขนาดตัดสินแพ้ชนะในทันที.. จะ 4-4-2, 4-3-3, 3-5-2, 3-4-3, 4-1-3-2 หรือระบบอะไรก็แล้วแต่มันเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น

ความเข้าใจเกมต่างหากคือหัวใจสำคัญ และความเข้าใจเกมนี้ถ้ายิ่งเข้าใจตรงกันในฐานะการเล่นให้เป็นทีม มันก็ยิ่งสำคัญเพราะมันมาก่อนตัวบุคคล

ระบบเดียวกันที่ทีมหนึ่งเต็มไปด้วยซูเปอร์สตาร์ฝีเท้าดี แต่เล่นกันไม่เป็นทีมก็อาจจะถูกอีกทีมหนึ่งที่เล่นในระบบเดียวกัน ความสามารถรายบุคคลอาจเป็นรองแต่มีทีมเวิร์คดีกว่า เล่นด้วยกันเข้าขากว่าไล่ถล่มได้ง่าย ๆ

แล้วนับประสาอะไรกับยูไนเต็ดนาทีนี้ที่นักเตะแต่ละคนไม่ได้เหนือกว่าผู้เล่นของลิเวอร์พูลเมื่อนำมาวางเทียบตำแหน่งต่อตำแหน่ง

ตัวต่อตัวก็ไม่ได้กินเขา แถมยังเล่นด้วยทีมเวิร์คที่แย่กว่าเขา ความเข้าใจเกมน้อยกว่าเขา การอ่านเกมเป็นรองเขา ยิ่งกับลิเวอร์พูลในยุคปัจจุบันที่ลดทอนความผิดพลาดแบบ human error ลงไปได้มากจากวิธีการเล่นที่แน่นอนขึ้นด้วย มันก็ยิ่งมองเห็นชัดถึงรูปเกมที่น่าจะเป็น

"โค้ชอู๊ด" ยกตัวอย่างเพิ่มเติมให้เห็นว่า ลองดูวิธีการเล่นเมื่อถูกฝ่ายตรงข้ามบีบพื้นที่ดูสิ นักเตะลิเวอร์พูลคนที่ไม่มีบอลจะขยับตัวด้วยความรวดเร็วและฉีกออกมาอยู่ในพื้นที่ที่เพื่อนมองเห็น สร้างโอกาสการเล่นที่ง่ายขึ้นให้กับทั้งตัวเองและเพื่อนร่วมทีม

ไม่เพียงเท่านั้นแข้งหงส์ยังพร้อมเล่นบอลต่อทันทีเมื่อบอลถูกส่งมาถึงเท้า พลิกเล่นหันหน้าเข้าหาประตูคู่ต่อสู้ได้เลย หรือจะเลือกเคาะบอลทำชิ่งในกลุ่มสั้น ๆ หรือแทงบอลทะลุให้แบ๊กที่เติมขึ้นมา

ทุกอย่างดูรวดเร็วและอัตโนมัติ แสดงให้เห็นถึงความเข้าใจเกมระหว่างกัน ทุกคนตื่นตัวกับสถานการณ์ตลอดเวลา

ขยับวิ่งช่วยเป็นตัวเลือกให้เพื่อน แล้วยังพลิกเล่นบอลต่อเนื่อง พุ่งไปข้างหน้าพร้อมเพื่อนอีก 3-4 คนที่ทะลวงขึ้นไปด้วยกัน

เปรียบเทียบกับฝั่งยูไนเต็ด ผู้เล่นที่ไม่มีบอลของทีมแทบไม่ได้ช่วยเพื่อนที่มีบอลเลย ด้วยการเคลื่อนที่ไม่มากพอ ขยับช้าและขยับน้อย กี่ครั้งกันที่เราเห็นตัวรุกทั้ง 4 คนของทีมช่วยแบ่งเบาภาระตรงนั้นไปจาก กาเซมิโร่ และ ค็อบบี้ เมนู ได้

ลิเวอร์พูลใช้นักเตะ 4 คนในเกมรุกวิ่งเข้าหากองหลังหรือกองกลางยูไนเต็ด ไม่ได้ปรี่ไปถึงตัวแต่ยืนบังแนวการออกบอลให้เหลือทางเลือกเดียวเพื่อคอยดักแย่งบอลในจังหวะต่อมา

แต่การปล่อยบอลของแดนกลางยูไนเต็ดไปไม่ถึงเพื่อน หรือไปถึงแต่เสียการครองบอล เพราะการเคลื่อนที่ที่ช้าและน้อยเกินไปทำให้ตัวเองสร้างความได้เปรียบไม่ได้ เมื่อบอลถึงตัวจึงกลายเป็นจังหวะ 50/50 หรือกระทั่งเป็นรองทั้ง ๆ ที่ทีมเป็นฝ่ายครองบอลแท้ ๆ

เก็บบอลไม่ได้ ต่อเกมไม่ได้ จับบอลก็ถูกดักฉก ดักขโมย พักบอลก็ถูกปะทะ เสียบอลจังหวะสองให้นักเตะลิเวอร์พูลที่คอยอ่านจังหวะรอเก็บตก

เมื่อเล่นบอลสั้นไม่ได้หรือถูกบีบให้ต้องโยนยาว โจชัว เซิร์กซี่ ก็ถูก อิบู โกนาเต้ กับพี่ใหญ่ในทีมชาติฮอลแลนด์อย่าง เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ เก็บนิ่ม จะหวังวางบอลไปพื้นที่ด้านข้างลิเวอร์พูลก็ไม่ยอมเปิดโล่งให้ถูกโจมตี

ในขณะที่ผู้เล่นลิเวอร์พูลรู้ล่วงหน้าว่าจะทำอะไรต่อกับลูกบอลทั้งที่มันยังมาไม่ถึงและเคลื่อนที่กันไปเป็นทีม นักเตะแมนฯ ยูไนเต็ดกลับยังต้องเอาตัวรอดกับสถานการณ์เฉพาะหน้าอยู่เลย

แทบไม่ต้องพูดถึงการคิดล่วงหน้าเพื่อเล่นในจังหวะต่อไป เพราะเพียงแค่เอาตัวให้รอดจากการโดนตัดบอล ฉกบอล ขโมยบอลก็รากเลือดแล้ว

การจะหนีหรือสลัดให้พ้นจากสถานการณ์อย่างนั้น คุณทำมันเพียงคนเดียวไม่ได้แต่ต้องช่วยกันทั้งทีม ขยับตัวให้มาก เคลื่อนที่ให้เร็ว เพื่อให้ได้ระยะห่างจากคู่ต่อสู้ในระดับที่พอจะเป็นประโยชน์ ไม่ใช่แค่ขยับแบบพอรับบอลได้ที่คู่แข่งสามารถเข้าปะทะถึงตัว

อย่างนี้บอลมา 10 ครั้งก็เสียบอลเกินครึ่ง ยิ่งเป็นอุปสรรคต่อการคิดอ่านพลิกบอลเล่นเกมรุกเพราะคู่ต่อสู้เข้าถึงบอลได้พร้อม ๆ คุณ พื้นที่ให้เล่นถูกบีบแคบ

ผมฟังคำอธิบายจาก "โค้ชอู๊ด" สาวกปีศาจแดงตัวยงที่พูดไปก็ส่ายหัวไปด้วยความรันทดท้อในการเล่นของทีมรักแล้วก็เห็นภาพชัด

ทุกอย่างย่อมมีที่มาที่ไป ลิเวอร์พูลไหลลื่นได้บอลแทบจะตลอดเวลาทั้งจากการตั้งเกมสร้างโอกาสเองและการแย่งบอลได้ในพื้นที่ต่าง ๆ โดยเฉพาะการอ่านจังหวะชิงแย่งตัดบอลตั้งแต่กลางสนามมาถึงหน้าเขตโทษปีศาจแดง

มันเป็นผลมาจากการบีบพื้นที่กดดันของลิเวอร์พูลเอง บวกกับวิธีการแก้ปัญหาของนักเตะยูไนเต็ดที่ไม่มีประสิทธิภาพมากพอด้วย

ยิ่งเวลาผ่านไปเราก็ยิ่งไม่เห็นบทบาทของตัวรุกทั้ง 4 คนของยูไนเต็ดเลย เซิร์กซี่, มาร์คัส แรชฟอร์ด, บรูโน่ แฟร์นันด์ส และ อเลฮานโดร การ์นาโช่ ค่อย ๆ หายไปจากเกม เชื่อมต่อไม่ติดกับบอลจากกองกลาง

ถ้าทั้ง 4 คนจะบอกว่าพวกเขาก็พยายามวิ่งแล้ว เต็มที่แล้ว รูปเกมมันก็ฟ้องชัดในตัวว่าพวกคุณยังวิ่งไม่พอ.. และคำว่าวิ่งไม่พอนี้ไม่ได้หมายถึงระยะทางที่วิ่ง แต่หมายถึงประโยชน์จากการวิ่งของคุณต่างหาก

วิ่งอย่างไรถึงจะช่วยเพื่อนได้ วิ่งอย่างไรถึงจะช่วยทีมได้ ขยับตัวช้าเกินไปไหม หาพื้นที่ได้เร็วพอหรือเปล่า

กองกลางอย่าง กาเซมิโร่ ที่ออกบอลช้านั้นจึงพอจะเข้าใจได้ว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร ส่งไป 10 ครั้งเสียบอล 7-8 ครั้ง จะส่งให้เพื่อนข้างหน้าครั้งต่อ ๆ ไปมีความลังเลเกิดขึ้นไหม

บอลไปถึงตัวได้จริงแต่ไม่มีพื้นที่พอให้คิดทำอะไรได้สะดวก พลิกบอลไม่ได้เพราะหนีผู้เล่นลิเวอร์พูลที่รอจ้องฉกบอลอยู่ใกล้ ๆ ไม่ได้ ส่งไปถึงเท้าพอจับบอลก็ถูกแย่ง พอแตะบอลก็ถูกขโมย หรือบอลทะลักมาจากการปะทะจังหวะแรก จังหวะสองก็ยังถูกเก็บตกมาบุกใส่ได้ตลอด

บอลที่เหมือนเตะอัดกำแพงกระดอนกลับมาหาตลอดเวลามันเหนื่อยนะ แล้วไม่ใช่พวกกองกลางกองหลังหรือที่ต้องตาเหลือกรับมือเกมบุกโต้ของหงส์แดง

ผมไม่ได้บอกว่ากาเซมิโร่ไม่ผิด ทั้ง 2 ประตูที่เสียในครึ่งแรกมิดฟิลด์บราซิเลียนมีส่วนทั้งหมด แต่จะชี้นิ้วโทษเขาเหมือนเป็นแพะรับบาปคนเดียวไม่ได้

เปรียบเทียบอีกครั้งกับการเล่นของลิเวอร์พูลตรงนี้ นักเตะหงส์ทุกคนฉีกตัวรับบอลได้เร็วและได้ระยะ ทำให้มีพื้นที่คิดและทำ ไม่เพียงเท่านั้นยังกล้าพลิกเล่นบอลต่อทันที พร้อม ๆ กับเพื่อนร่วมทีมก็ขยับตัวพุ่งเข้าเป้าหมายไปด้วย

เหล่านี้ล้วนมาจากการอ่านสถานการณ์ตรงหน้าและมองเห็นเกมในภาพรวมเป็นภาพเดียวกัน ทุกคนรู้โดยอัตโนมัติว่าตัวเองต้องทำอย่างไร

นักเตะลิเวอร์พูลคนที่ 3 ขยับตัวแล้วด้วยซ้ำตั้งแต่บอลยังไปไม่ถึงคนที่ 2 ขณะที่แมนฯ ยูไนเต็ดยังมะงุมมะงาหรากับการแก้ปัญหาถูกดักแย่งบอลง่าย ๆ อยู่เลย

คิดและทำเร็วกว่ากันครึ่งก้าวหนึ่งก้าวในทุก ๆ เพลย์อย่างนี้ เราจึงได้เห็นเกมแดงเดือดที่เหนือกว่ากันมากอย่างที่ปรากฏ

ยูไนเต็ดแพ้ลิเวอร์พูลในจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญที่สุดคือพื้นที่กลางสนาม พวกเขาสู้ไม่ได้เลยนับตั้งแต่ที่ทีมเยือนเริ่มตั้งเกมได้ราว ๆ นาทีที่ 10

การต่อยอดเป็นเรื่องสำคัญ และน่าชื่นชม อาร์เน่อ ชล็อต ในเรื่องนี้

เขาไม่รีบเปลี่ยนทีมด้วยนักเตะใหม่ที่อาจจะมีอยู่ในใจ แต่ให้ความเชื่อมั่นในมรดกนักฟุตบอลที่ เยอร์เก้น คล็อปป์ ทิ้งเอาไว้ให้ เชื่อว่าพวกเขาเหล่านั้นไปต่อได้กับแนวทางฟุตบอลของตนเพราะเป็นพื้นฐานเดียวกัน

การต่อยอดบนพื้นฐานเดียวกันได้ก็มาจากโค้ชที่มีแนวทางสอดคล้องกัน ส่วนการเลือกโค้ชที่มีแนวทางสอดคล้องกันก็มาจากการเลือกเฟ้นอย่างละเอียดและเข้าใจฟุตบอลของทีมเป็นอย่างดีของทีมงานผู้เลือก

ลิเวอร์พูลในภาพรวมจึงทำงานไปในทิศทางเดียวกันตั้งแต่ส่วนบนมาจนถึงส่วนล่าง มีความเป็นเอกภาพสูง

เราได้เห็นความละเอียดมากขึ้นเวลาครอบครองบอลของลิเวอร์พูล ได้เห็นเกมรับที่แน่นอนขึ้น การช่วยกันเล่นเวลาตั้งรับหรือยามถูกคู่แข่งโต้กลับดีขึ้น ความปั่นป่วนน้อยลง

ขณะที่ความเข้าใจร่วมกันเวลาเล่นเกมบุกไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนจากรับเป็นรุกหรือต่อบอลเข้าทำยังคงมีภาพเดิม ๆ ซ้อนทับอยู่ในหลายจังหวะ รวดเร็ว แม่นยำ และมีจินตนาการ

หากที่เพิ่มเติมขึ้นมาอย่างชัดเจนคือการพลิกเล่นบอล แต่ละเกมที่ผ่านไปนักเตะหงส์แดงพลิกเล่นบอลได้ดียิ่งขึ้นไปอีก มันช่วยลดทอนการเสียเวลา กลายเป็นบอลทะลุขึ้นไปข้างหน้าเร็วกว่าเดิม

ไรอัน กราเฟนแบร์ก ทำได้เนี้ยบ เขาแสดงให้เห็นประสิทธิภาพในเรื่องนี้ตั้งแต่เกมแรกที่ประเดิมสนามให้ลิเวอร์พูลเมื่อฤดูกาลก่อนแล้ว

กองกลางชาวดัตช์มีบอลแรกดี พลิกบอลเก่ง ซีซั่นนี้ได้โอกาสแสดงฝีเท้าให้คนที่เคยลืมเขาไปแล้วได้กลับมาตื่นเต้นกับเขาอีกครั้ง รู้สึกกับเขาราวกับได้นักเตะใหม่

อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ กับ โดมินิก โซโบซไล ก็เช่นกัน หรือกระทั่งคนอื่น ๆ ที่เราได้เห็นการพลิกบอลขึ้นหน้ามากขึ้น เมื่อรวมกับการเข้าทำในมิติอื่น ๆ ที่ลื่นไหลมันจึงยิ่งเป็นการออกตัวที่เร้าใจไม่น้อย

ชัยชนะ 3-0 ที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เป็นชัยชนะที่น่าประทับใจสำหรับทีมหงส์แดง แน่นอนครับฤดูกาลยังอีกยาวไกล มันยังมีอุปสรรคขวากหนามรอคอย อาร์เน่อ ชล็อต และทีมของเขาอยู่อีกมาก

กระนั้นการชนะรวด 3 เกมแรกแบบที่ไม่เสียประตูเลยและยังมีความเปลี่ยนแปลงด้านดีหลาย ๆ จุดให้เห็น ผมเชื่อว่าเดอะค็อปมากมายพอใจกับการต่อยอด ณ เวลานี้ และตื่นเต้นไปกับการเฝ้ารอชมทีมรักลงสนามในแต่ละเกม..

ตังกุย


ที่มาของภาพ : getty images
BY : ตังกุย
ณัฐพล ดำรงโรจน์วัฒนา
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport
X