ช่วงเวลาเก็บเกี่ยวของ อาร์เซน่อล

ช่วงเวลาเก็บเกี่ยวของ อาร์เซน่อล
ความยากที่สุดของการรอคอยอะไรสักอย่างอยู่ตรงที่การต้องต่อสู้กับความรู้สึกของตัวเอง..

ความรู้สึกกังวลที่ว่าการรอคอยนี้จะสูญเปล่าไหม เรากำลังรอคอยในสิ่งที่ไม่มีวันเกิดขึ้นไหม เรากำลังเสียเวลาไปโดยไร้ประโยชน์หรือเปล่า

นั่นล่ะครับคือความยาก เราทุกคนรู้ว่าต้องอดทน เราทุกคนรู้ว่าต้องให้โอกาส เราทุกคนรู้ว่าต้องใช้เวลา

แต่สิ่งที่เราไม่รู้ก็คืออนาคต.. เราไม่มีวันรู้มันแน่นอนหรอก ได้แต่คาดการณ์เอาเท่านั้นโดยประเมินจากสิ่งที่กำลังเป็นไป

วันที่แฟนบอลบางส่วนตะโกนด่าพร้อมชูป้ายขับไล่ มิเกล อาร์เตต้า นั่นเพราะพวกเขาไม่อยากอดทนอีกต่อไปแล้ว.. อาร์เตต้ากับฝ่ายบริหารกำลังทำลายอาร์เซน่อลที่พวกเขารัก

ทีมปืนใหญ่กำลังถูกปู้ยี่ปู้ยำด้วยผู้จัดการทีมไร้ฝีมือ เอาวิธีการเล่นที่นักเตะไม่ถนัดมาใช้ ย้ำและทำมันอยู่อย่างนั้น พลาดแล้วก็พลาดอีก

พลาดเหมือนเดิม แล้วก็ถูกลงโทษเหมือนเดิมจนน่าโมโห

เรารู้นะว่าต้องอดทน แต่เรากำลังอดทนกับใครอยู่ เสียเวลาไปเปล่า ๆ ไหม สโมสรอาจจะจมดิ่งไปยิ่งกว่านี้ก็ได้

แค่ปีเดียวหลังเข้ารับตำแหน่งแทน อูไน เอเมรี่ เมื่อเดือนธันวาคมปี 2019 มิเกล อาร์เตต้า ก็เริ่มถูกแฟนบอลบางส่วนขับไล่ หลังทำทีมแพ้เป็นเกมที่ 7 จาก 10 นัดในช่วงเวลาตั้งแต่กลางเดือนตุลาคมถึงก่อนวันคริสต์มาสปี 2020

อาร์เซน่อลชนะได้แค่เกมเดียวและเก็บได้เพียง 5 แต้มจากคะแนนเต็ม 30

ชนะแมนฯ ยูไนเต็ด ที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด

เสมอ ลีดส์ ยูไนเต็ด กับ เซาธ์แฮมป์ตัน

ที่เหลืออีก 7 เกม แพ้เรียบวุธ.. แพ้แมนฯ ซิตี้ แพ้เลสเตอร์ ซิตี้ แพ้แอสตัน วิลล่าคาบ้าน 0-3 แพ้วูล์ฟแฮมป์ตันคาบ้าน แพ้เบิร์นลี่ย์คาบ้าน แพ้สเปอร์ส แพ้เอฟเวอร์ตัน

อันดับรูดลงไปอยู่ที่ 15 เหวลึกจ่อรออยู่ข้างหลัง

แฟนบอลบางส่วนทนไม่ไหวแล้ว เวลาปีเดียวดูเหมือนไม่เยอะแต่มันมากพอที่จะตัดสินฝีมือของอาร์เตต้าแล้ว แม้เขาจะพาทีมคว้าแชมป์เอฟเอ คัพได้ตั้งแต่ฤดูกาลแรกที่เข้ามาคุมทีมกลางคันก็ตาม

เขาอาจจะเป็นอดีตนักเตะที่แฟนบอลรัก แต่กับบทบาทผู้จัดการทีมนั้นไม่ได้เรื่องเลย

กระนั้นอาร์เตต้าก็ยังอยู่ ยังคงได้รับความไว้วางใจให้ทำงานต่อไป..

อาร์เซน่อลฟื้นกลับมาได้ในช่วงครึ่งหลังของซีซั่นนั้น (2020/21) ปิดฤดูกาลด้วยการชนะ 5 เกมรวด จบที่อันดับ 8 ของตารางและเข้าถึงรอบรองชนะเลิศยูฟ่า ยูโรปา ลีก (แพ้บียาร์เรอัล)

เสียงก่นด่าน้อยลง แต่มันยังพร้อมปะทุได้ตลอดเวลา แล้วก็ไม่ต้องรอนานเพราะมันมาระเบิดเอาครั้งใหญ่ในช่วงต้นฤดูกาล 2021/22

อาร์เซน่อลเปิดฤดูกาลด้วยการแพ้เบรนท์ฟอร์ดทีมน้องใหม่ 0-2

ตามมาด้วยการถูกเชลซีบุกทุบถึงถิ่น 0-2

และฟางเส้นสุดท้ายสำหรับความอดทนอีกครั้งของแฟนบอล.. เมื่อออกไปโดน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยำใหญ่ 0-5

เตะ 3 แพ้ 3 ยิงประตูไม่ได้เลย เสียเละเทะ 9 ลูก อันดับรูดลงไปกองอยู่ที่สุดท้ายของตาราง

ภูเขาไฟลูกใหญ่ระเบิดตูม.. กูนเนอร์สทนอับอายต่อไปไม่ไหวแล้ว พวกเขาในจำนวนที่มากขึ้นกว่าช่วงคริสต์มาสปีก่อนชูป้ายขับไล่อาร์เตต้ากันอย่างไม่ปราณี

"Arteta Out"

ป้ายเหล่านั้นถูกชูขึ้นท่ามกลางกองเชียร์บนอัฒจันทร์ แฟนบอลบางคนตะโกนใส่กล้อง "Arteta! Out! Now!" เมื่อถูกสัมภาษณ์ พ่อค้าหัวใสฉวยโอกาสผสมโรงทำเสื้อสกรีนลาย Arteta Out ออกมาขาย โลกโซเชียลเดือดดาลรณรงค์ให้ไล่คนไม่เอาถ่านออกไปจากสโมสร ประธานครอนเก้ด้วย ออกไปพร้อม ๆ กันเลย

ตัวถ่วงของสโมสร รังแต่จะพาทีมตกต่ำ ความเกลียดชังที่พลุ่งพล่านในตัวแฟนบอลบางคนอยู่ในระดับประมาณนั้น

กูนเนอร์สบางคนบอกว่าให้เวลาเขาอีกหน่อยดีไหม นี่มันแค่ปีครึ่งเท่านั้นเองนะ แต่กระแสความโกรธแค้นรุนแรงจนทะลัก กูนเนอร์สบางคนตอบกลับว่าแค่นี้ก็เกินพอแล้ว ไม่เห็นช่วงคริสต์มาสปีก่อนหรือไง ไม่เห็นเกมแพ้เบรนท์ฟอร์ดหรือไง แล้วยังเกมนี้อีก มองไม่เห็นหรือไงว่ามันเล่นกันสะเปะสะปะน่าอับอายแค่ไหน

ตาบอดกันหรือไงถึงได้มองไม่เห็นหรือว่าทีมกำลังพินาศ จะให้โอกาสมันไปถึงไหน จะให้มันทำลายทีมไปมากกว่านี้หรือไง..

ท่ามกลางความเชี่ยวกรากของแรงเกลียดชังในตอนนั้น เราคาดกันว่ามีเพียงแค่ "ช้า" หรือ "เร็ว" เท่านั้นสำหรับการประกาศปลดอาร์เตต้าพ้นตำแหน่ง

มันจะเกิดขึ้นแน่ ๆ

-----------------

นั่นคือจุดตกต่ำที่สุดแล้วของอาร์เซน่อลในยุค มิเกล อาร์เต้า..

ยืนอยู่ตรงนี้ ณ วันเวลาปัจจุบัน.. แล้วมองย้อนกลับไปในวันนั้นอีกครั้ง หลายคนคงรู้สึกขอบคุณ

ขอบคุณสโมสรที่ยังยึดมั่นที่จะอดทน ไม่อ่อนแอหวั่นไหวไปกับกระแส ไม่ยอมแพ้ต่อพายุแห่งความเกลียดชัง หากเลือกยืนหยัดเคียงข้างคนที่ตัวเองเลือก มอบเวลาให้เขา ยินดีรอคอยไปด้วยกันกับเขา

มันไม่ใช่การอดทนรอโดยฝากโชคชะตาไว้กับดินฟ้าอากาศหรอก แต่มาจากการได้เห็นและเข้าใจต่างหาก

ได้เห็นการทำงานเบื้องหลัง เห็นวิธีการจัดการกับสิ่งต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด ได้เห็นแนวโน้มและทิศทางการตอบสนองของผู้เล่น เห็นความเข้าใจเกมที่ค่อย ๆ พัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ เหล่านี้ล้วนเป็นเหตุผลในการเลือกที่จะอดทนรอการผลิดอกออกผลเช่นกัน

เอดู ผู้อำนวยการเทคนิคที่ต้องรับบทบาทเป็นกันชนรองรับแรงกระแทกจากฝ่ายบริหารคือคนที่น่าชื่นชมที่สุดอีกคนหนึ่ง และเป็นผู้มีบทบาทไม่น้อยในวันนี้ของอาร์เซน่อล

เขาคือคนที่ต้องอธิบายและโน้มน้าวให้ฝ่ายบริหารเชื่อมั่น เข้าใจ และอดทน

แต่จะทำแบบนั้นได้ ตัวเขาเองก็ต้องเชื่อมั่นในสิ่งที่อาร์เตต้ากำลังทำด้วย..

มันอาจเป็นโชคดีของอาร์เซน่อลที่ เอดู คือคนฟุตบอล เข้าใจฟุตบอลที่อาร์เตต้าวางโครงสร้างให้กับทีม มองเห็นปลายทางของมันว่าใช่ นี่แหละที่จะเป็นฟุตบอลของอาร์เซน่อลในวันหน้า

และที่สำคัญคือ เอดูรู้ว่ามันไม่ง่าย ไม่ใช่เรื่องที่ใครสักคนจะเสกให้เกิดขึ้นได้ภายในชั่วข้ามคืน ภายในครึ่งปี หนึ่งปี หรือสองปี

เพราะฉะนั้นท่ามกลางความเดือดดาลของแฟนบอลและคำถามจากฝ่ายบริหาร เอดูยังคงยืนหยัดปกป้องอาร์เตต้าอย่างเต็มที่

ครั้งหนึ่งเขาอธิบายเรื่องนี้กับ ชูเอา กาสเตโล่-บรังโก้ นักข่าวอีเอสพีเอ็นบราซิลว่า "ก่อนอื่นเลยคุณต้องวิเคราะห์ทีมของคุณก่อนแล้วถามตัวเองว่าเพราะอะไรถึงไม่ได้ผลการแข่งขันที่ต้องการ

"มันเป็นความผิดของผู้จัดการทีมจริงหรือ หรือว่าเป็นความผิดของผู้เล่น ผมชี้แจงต่อฝ่ายบริหารของเราว่าทีมที่มิเกลมีอยู่นั้นไม่ใช่ทีมที่ดีที่สุดที่เขาควรได้รับ ปัญหาจึงมาจากเราไม่ใช่เขา

"หน้าที่ของเราคือต้องช่วยเหลือเขา ให้อำนาจเขาอย่างเต็มที่เพื่อให้เขาทำงานได้ดีที่สุด"

จากมุมมองที่เข้าใจทุกอย่างของเอดู เข้าใจทั้งฟุตบอลของอาร์เตต้า เข้าใจไอเดียของกุนซือหนุ่ม และเข้าใจถึงอุปสรรคที่ต้องเผชิญ เข้าใจถึงความยุ่งยากที่ต้องแก้ไข เข้าใจถึงปัญหาที่ขวางทาง มีส่วนอย่างมากในความมั่นคงของงานที่อาร์เตต้าทำ

อำนาจเต็มจากฝ่ายบริหารที่เอดูนำมามอบให้อาร์เตต้า คือการไฟเขียวให้เขามีทีมของตัวเอง สนับสนุนทุกการตัดสินใจ และจากนั้นคือการร่วมกันยกเครื่องทีมครั้งใหญ่

นักเตะที่ยอดเยี่ยมแต่ไม่เหมาะสำหรับฟุตบอลของเขาถูกผ่องถ่ายออกไป สิ่งที่น่าเหลือเชื่อคือความกล้าในการยอมให้อาร์เตต้าตัดผู้เล่นอย่าง เมซุต โอซิล, อเล็กซองดร์ ลากาแซตต์ และ ปิแอร์-เอเมริก โอบาเมย็อง

ไม่มีใครปฏิเสธฝีเท้าและคุณประโยชน์ที่พวกเขาเหล่านี้เคยมอบให้ แต่ฟุตบอลของอาร์เซน่อลเดินหน้าด้วยก้าวใหม่ของอาร์เตต้าแล้ว เป็นฟุตบอลอีกแบบไปแล้ว

เอดูเข้าใจมันอย่างลึกซึ้ง ปกป้องและสนับสนุนผู้จัดการทีมของเขาเต็มที่ตั้งแต่วันแรก แล้วพาสโมสรเดินไปข้างหน้าด้วยทีมที่อุดมไปด้วยนักเตะหนุ่ม กระหาย กลมเกลียว เข้าใจและศรัทธาฟุตบอลสไตล์อาร์เตต้า

กาเบรียล มากัลเญส, โธมัส ปาร์เตย์, เบน ไวท์, มาร์ติน โอเดการ์ด, แอรอน แรมส์เดล, ทาเคฮิโระ โทมิยาสึ, กาเบรียล เชซุส, โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้, เลอันโดร ทรอสซาร์, ยาคุบ คิวิออร์, จอร์จินโญ่, ไค ฮาแวร์ตซ์, ยูร์เรียน ทิมเบอร์, ดีแคลน ไรซ์, ดาบิด รายา, ริคคาร์โด้ คาลาฟิออรี่..

เหล่านี้คือนักเตะที่เข้าสู่ทีมในยุคอาร์เตต้า และกำลังจะมี มิเกล เมริโน่ กองกลางทีมชาติสเปนมาเสริมทัพเป็นคนล่าสุด

เฮนริค มคิทาร์ยาน, ชโครดาน มุสตาฟี่, โซคราติส ปาปาสตาโธปูลอส, ดาวิด ลุยซ์, วิลเลียน, เซอัด โคลาซินาช, โอซิล, โอบาเมย็อง, ลากาแซตต์, ลูกัส ตอร์เรยร่า, เอคตอร์ เบเยริน, กรานิต ชาคา คือคนที่จากไป ทิ้งความทรงจำอันงดงามเอาไว้ให้เป็นที่พูดถึง

จากวิกฤติช่วงต้นฤดูกาล 2021/22 ที่เป็นจุดต่ำสุดของอาร์เตต้า และได้การสนับสนุนอย่างอดทนของฝ่ายบริหาร อาร์เซน่อลก็พุ่งทะยานและไม่มองย้อนกลับไปข้างหลังอีกเลย

กระโดดขึ้นมาร่วมวงล่าแชมป์พรีเมียร์ลีกทันทีในฤดูกาล 2022/23 จบซีซั่นด้วยตำแหน่งรองแชมป์ แพ้แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 5 แต้ม

พัฒนาตัวเองขึ้นไปอีกขั้นในฤดูกาล 2023/24 อันดับเหมือนเดิมคือรองแชมป์แต่ผลงานทุกอย่างดีขึ้นทั้งหมด

ชนะมากกว่าเดิม แพ้น้อยกว่าเดิม ยิงได้มากขึ้น เสียประตูน้อยลง ทำแต้มมากขึ้น จาก 84 เป็น 89 คะแนน แพ้แมนฯ ซิตี้น้อยลงเหลือเพียง 2 คะแนนเท่านั้น

พัฒนาขึ้นจากทีมที่มักจะแผ่วปลาย จากการสะดุดช่วงเดือนกุมภาพันธ์และเมษายนในฤดูกาล 2022/23 ที่เป็นส่วนสำคัญในการพลาดแชมป์ เป็นการเก็บคะแนนอย่างเป็นกอบเป็นกำในครึ่งฤดูกาลหลังของซีซั่น 2023/24

อาร์เซน่อลเมื่อฤดูกาลที่แล้วสะดุดช่วงบ๊อกซิ่งเดย์เตะ 3 นัดมีแค่คะแนนเดียว แต่เข้าสู่ปี 2024 อย่างมีสไตล์ เตะ 18 ชนะ 16 เสมอ 1 แพ้ 1

เริ่มต้นปี 2024 ด้วยการชนะ 8 เกมซ้อน และยังเข้าเส้นชัยปิดซีซั่นด้วยชัยชนะส่งท้าย 6 เกมติด

พลาดจริง ๆ แค่เกมเดียวเท่านั้นคือเกมที่แพ้ แอสตัน วิลล่า ในเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ส่วนเกมที่เสมอคือการบุกไปแบ่งคะแนน แมนฯ ซิตี้ ได้จากเอติฮัด สเตเดี้ยม

อาร์เซน่อลลบภาพการเป็นทีมแผ่วปลายได้อย่างหมดจด และทั้งหมดนี้คือพัฒนาการที่ มิเกล อาร์เตต้า นำมาสู่ทีม

ฤดูกาลนี้ทีมปืนใหญ่ลงเตะไปแล้ว 2 นัด เก็บ 6 คะแนนเต็ม

ชัยชนะเหนือ แอสตัน วิลล่า ที่ วิลล่า พาร์ค เมื่อคืนที่ผ่านมาก็เป็นอีกหนึ่งการพัฒนาของเดอะกันเนอร์สเช่นกัน เมื่อเอาชนะคู่ต่อสู้ที่เป็นของแสลงอย่างทีมสิงห์ผงาดได้

เกมยาก อึดอัด แต่ควักชัยชนะกลับลอนดอนสำเร็จ.. อาร์เซน่อลของอาร์เตต้าพิสูจน์ตัวเองด้วยการผ่านบททดสอบยาก ๆ อีกขั้นให้เห็นแล้ว

ความอดทนต่ออุปสรรคและขวากหนามทั้งหลายผลิดอกออกผล อาร์เซน่อลเวลานี้กำลังเก็บเกี่ยวมันอย่างสนุก มั่นคง และน่าชื่นชม..

ตังกุย


ที่มาของภาพ : getty images
BY : ตังกุย
ณัฐพล ดำรงโรจน์วัฒนา
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport