ในที่สุด ชูเอา เฟลิกซ์ ก็ย้ายกลับมาค้าแข้งกับ เชลซี อีกรอบโดยคราวนี้เป็นการเซ็นสัญญาอย่างถาวร
ย้อนเวลากลับไปเมื่อ 18 เดือนก่อน สิงห์บลูส์ เคยยืมสตาร์ทีมชาติ โปรตุเกส มาจากทีม แอตเลติโก มาดริด และถึงขณะนี้สตาร์วัย 24 ปีอำลาทีมตราหมีอย่างเป็นทางการจนได้
อย่างไรก็ดี เท่าที่ผ่านมา เฟลิกซ์ ล้มเหลวกับทีมดังของ ลา ลีกา ทั้งๆที่ย้ายมาจาก เบนฟิก้า ด้วยค่าตัวมหาศาล 126 ล้านยูโรจึงทำให้เขาติดโผนักเตะค่าตัวแพง แต่ผลงานแย่เป็นธรรมดา
6. ชูเอา เฟลิกซ์ : เบนฟิก้า - แอตเลติโก มาดริด (2019)
เฟลิกซ์ ตกเป็นเป้าหมายของหลายสโมสรยักษ์ในช่วงซัมเมอร์ปี 2019 แต่เขาเชื่อว่า แอตเลติโก มาดริด คือทีมที่ใช่
จะผิดหรือถูกก็ว่ากันไป แต่ที่แน่ๆเขาไม่อาจแบกรับความกดดันที่มีค่าตัวมหาศาล 126 ล้านยูโรได้สำเร็จ
เฟลิกซ์ ระบุว่าเป็นเรื่องยากที่จะเล่นในสไตล์ของ ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ กุนซืออาร์เจนไตน์ที่ต้องการให้นักเตะตัวรุกเล่นเกมรับแบบเต็มตัวด้วยเช่นกัน มันจึงทำให้เขาประสบกับปัญหานับตั้งแต่เริ่มต้น
จวบจนครึ่งหลังของซีซั่น 2022/23 หลังจากลงเล่นใน ลา ลีกา 96 นัด และยิงได้ 25 ประตู ทีมตราหมีก็ปล่อยเขาให้ เชลซี ยืมตัว
ในรั้ว สแตมฟอร์ด บริดจ์ พ่อค้าแข้งเลือดฝอยทองคลำเป้าได้แค่ 4 เม็ดจากการลงสนาม 20 นัดก่อนย้ายไปล้มเหลวกับ บาร์เซโลน่า แบบยืมตัวเช่นกัน แต่ เชลซี สร้างเซอร์ไพรส์คว้าเขากลับมาร่วมทัพอย่างถาวรในราคา 45 ล้านปอนด์
แน่นอนว่างานนี้ แอตเลติโก มาดริด ขาดทุนป่นปี้ แต่อย่างน้อยพวกเขาก็สามารถกำจัดนักเตะส่วนเกินได้แบบเด็ดขาดสำเร็จซะที
5. โรเมลู ลูกากู : อินเตอร์ - เชลซี (2021)
ลูกากู ให้เหตุผลถึงการคัมแบ็คสู่ทีม เชลซี ว่าเขายังทำงานไม่ลุล่วงในการค้าแข้งช่วงแรกกับสโมสร
แม้จะเป็นดาวซัลโวสูงสุดของสโมสรในซีซั่น 2021/22 แต่กองหน้าทีมชาติ เบลเยี่ยม สานต่อผลงานในช่วงที่สองไม่ได้จากการสอยตาข่ายได้แค่ 15 ประตูจาก 44 นัดทั้งๆที่ถูกดึงตัวมาจาก อินเตอร์ มิลาน ในราคา 97.5 ล้านปอนด์
นอกจากจะโชว์ฟอร์มได้อย่างน่าผิดหวังแล้ว หัวหอกร่างยักษ์ยังน่าจะทำให้แฟนบอลเอือมระอาเขาด้วยจากการให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อโจมตีแท็คติกของ โธมัส ทูเคิ่ล
นับจากนั้น ลูกากู ก็ไม่ได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจจากเจ้านายชาวเมืองเบียร์ และกองเชียร์อีกเลยก่อนถูกส่งให้หวนคืนสู่ทีม งูใหญ่ แบบยืมตัว
อย่างไรก็ดี หลังแสดงความปรารถนาย้ายไปค้าแข้งกับ ยูเวนตุส หลังจากมีการเจรจาลับ สุดท้ายแล้วดีลก็ล่มลงหลังเจ้าตัวโดนรุมถล่ม และทำให้เขาต้องย้ายมาร่วมทีม โรม่า แทนแบบยืมตัวในซีซั่น 2023/24
จวบจนถึงขณะนี้ อนาคตของ ลูกากู ยังแลดูง่อนแง่ แต่เขายังหวังได้ย้ายไปค้าแข้งกับ นาโปลี เพื่อร่วมงานกับ อันโตนิโอ คอนเต้ อดีตเจ้านายแห่งถิ่น ซาน ซีโร่
4. ปอล ป๊อกบา :ยูเวนตุส - แมนฯ ยูไนเต็ด (2016)
แมนฯ ยูไนเต็ด เคยเสีย ป็อกบา แบบฟรีๆมาแล้วในปี 2012 และถัดมาอีกสิบปี ประวัติศาสตร์ก็ซ้ำรอยเดิมอีกจนได้
กระนั้นก็ดี สาวก ผีแดง ต่างพากันแฮปปี้ที่สโมสรปราศจากนักเตะที่ถูกมองว่ามีคุณสมบัติเข้าขั้นเวิลด์คลาส แต่ไม่เคยสร้างผลงานโดยส่วนตัวได้อย่างเป็นชิ้นเป็นอัน
ยิ่งไปกว่านั้น ในเกม พรีเมียร์ลีก นัดบู๊กับ นอริช เมื่อเดือนเม.ย.2022 กองเชียร์ แมนฯ ยูไนเต็ด พันธุ์แท้ยังตะโกนด่าหยาบใส่มิดฟิลด์ชาวเมืองน้ำหอมอีกด้วย
ฉะนั้นแล้ว นี่จึงเป็นดีลที่คู่ควรแก่การติดโผนี้หลัง ผีแดง ยอมควักกระเป๋าเป็นสถิติโลกเมื่อปี 2016 ซื้อเด็กปั้นกลับคืนมาจาก ยูเวนตุส ในราคา 89.5 ล้านปอนด์ แต่หลังจากนั้นอีกหกปี ป็อกบา ก็แสดงท่ากระหายอำลา โอลด์ แทรฟฟอร์ด อีกรอบ และได้หวนคืนสู่ทีม ม้าลาย ที่เขาโปรดปรานแบบไม่มีค่าตัวอีกจนได้หลังไม่คิดต่อสัญญากับ เร้ด เดวิลส์ อีกตามเคย
3. ฟิลิปเป้ คูตินโญ่: ลิเวอร์พูล - บาร์เซโลน่า (2018)
เป็นหนึ่งในการเซ็นสัญญาที่ยอดเยี่ยมของ ลิเวอร์พูล แต่เป็นหนึ่งในการเซ็นสัญญาที่ยอดแย่ของ บาร์เซโลน่า หลังอำลา แอนฟิลด์ ไปค้าแข้งกับถิ่น คัมป์นู ด้วยค่าตัว 120 ล้านยูโรที่สามารถเพิ่มได้อีก 40 ล้านยูโร
โจเซฟ มาเรีย บาร์โตเมว อดีตประธานทีม บาร์ซ่า คงไม่อยากเชื่อว่าดาวเตะทีมชาติ บราซิล จะย้ายมาล้มเหลวกับสโมสรตลอดระยะเวลาสี่ปี แถม คูตี้ ยิงประตูต้นสังกัดของตัวเองได้สองเม็ดอีกต่างหากช่วงที่ย้ายไปเล่นให้ บาเยิร์น มิวนิค แบบยืมตัวในปี 2020
หลังจากทีมลูกหนังแห่งกาตาลันพยายามลอยแพ คูตี้ อยู่นาน ในที่สุดพวกเขาก็ตัดใจขายสตาร์ดังให้ แอสตัน วิลล่า ด้วยค่าตัวที่ย่อมเยา 20 ล้านยูโรเมื่อปี 2022 เพื่อลดภาระรายจ่าย
2. เอแด็น อาซาร์ : เชลซี - เรอัล มาดริด (2019)
แม้จะมีค่าตัว 100 ล้านยูโร แต่ อาซาร์ ไม่อาจตอบแทน เรอัล มาดริด ได้เลยแม้แต่กระผีก
กระนั้นก็ดี ส่วนหนึ่งเป็นเพราะสตาร์ทีมชาติ เบลเยี่ยม ประสบกับปัญหาบาดเจ็บเช่นกันแม้ช่วงที่ค้าแข้งกับ เชลซี เขาจะมีสภาพร่างกายที่ฟิตสมบูรณ์ และร่ายลีลากับ สิงห์บลูส์ ได้อย่างจัดจ้านตลอดเจ็ดซีซั่น
ขณะเดียวกัน ถือเป็นเรื่องน่าเสียดายไม่น้อยที่ อาซาร์ ไม่มีโอกาสได้สัมผัสกับเกม เอล กลาซิโก้ เลยแม้แต่นาทีเดียวก่อนอำลาสังเวียนแข้ง เบร์นาเบว แม้จะมีเกียรติประวัติได้แชมป์ ลา ลีกา สองสมัย รวมถึงถ้วย แชมเปี้ยนส์ลีก ด้วย
1. อุสมาน เด็มเบเล่ :ดอร์ทมุนด์ - บาร์เซโลน่า (2017)
การเสีย เนย์มาร์ ให้กับ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ในปี 2017 ส่งผลให้ บาร์ซ่า ต้องเสาะหาตัวแทนของสตาร์ทีมชาติ บราซิล
ทีมยักษ์ของ ลา ลีกา ตัดสินใจยอมรับข้อเสนอที่เป็นสถิติโลกจากทีมเงินถังของ ลีกเอิง แต่ไม่มีอะไรเป็นเครื่องการันตีว่าพวกเขาจะใช้เงินที่ได้รับได้อย่างคุ้มค่า
แน่นอนว่า ดอร์ทมุนด์ รู้ซึ้งถึงความต้องการของทีมจากลีกกระทิงดุดี ขณะที่ บาร์ซ่า ก็เหมือนรีบช็อปปิ้งแบบตื่นตระหนกถึงขนาดยอมจ่ายเงินก้อนโต 105 ล้านยูโรในขั้นต้นคว้าปีกเฟรนช์แมนที่เพิ่งค้าแข้งกับ เสือเหลือง ได้แค่ซีซั่นเดียว
อย่างไรก็ดี เด็มเบเล่ ทำให้สโมสรใหม่และตัวเองต้องผิดหวังจนในที่สุดก็ย้ายไปค้าแข้งกับ เปแอสเช เช่นกันหลังเพิ่งต่อสัญญาใหม่กับ บาร์ซ่า
ยิ่งไปกว่านั้น สื่อสแปนิชเผยว่า เด็มเบเล่ ทำตัวไม่เป็นมืออาชีพด้วยในช่วงที่หากินใน ลา ลีกา เนื่องจากติดเล่นวิดีโอเกมส์จนถึงเช้าจนทำให้มาประชุมทีมสายบ่อยครั้ง
ต่อให้ โจน ลาปอร์ต้า ประธาน บาร์ซ่า จะยืนยันว่าดาวเตะเลือดน้ำหอมนับเป็นนักเตะ "อัจฉริยะ" และสมควรได้รับการประคบประหงมอย่างดี แต่ เดมเบเล่ ก็ไม่เคยพิสูจน์ตัวเองได้ทั้งๆที่ได้รับโอกาสนับครั้งไม่ถ้วนโดยตลอดหกปีกับถิ่น คัมป์นู เขาคลำเป้าได้ด้วยตัวเลขสองหลักแค่สองซีซั่นเท่านั้น