เอียน แกรม อดีตผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยสโมสร ลิเวอร์พูล ให้สัมภาษณ์กับ The Athletic แบบเจาะลึก โดยมีเนื้อหาหลัก ๆ ดังนี้ครับ
- การซื้อขายในยุค เบรนแดน ร็อดเจอร์ส เกิดข้อผิดพลาดยังไง
- แล้วเหตุใดในยุค เจอร์เก้น คล็อปป์ ถึงทะยานสู่ความสำเร็จ
- โฌแอล มาติป กับ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน คือสองดีลที่ แกรม ภูมิใจมากที่สุด
- คำเตือนเรื่องการคว้า ดาร์วิน นูนเญซ
- และเหตุผลที่เขาออกจาก ลิเวอร์พูล
เนื้อหามันยาวมาก ๆ ผมจึงขอสรุปมาให้กระชับที่สุดนะฮะ
...
ซัมเมอร์ปี 2012 ลิเวอร์พูล เผชิญความวุ่นวายเมื่อ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส เข้ามาแทนที่ เคนนี่ ดัลกลิช
ร็อดเจอร์ส ปฏิเสธที่จะร่วมงานกับผู้อำนวยการกีฬาจนนำไปสู่การตั้งคณะกรรมการซื้อขาย (Transfer Committee) ซึ่งมี เอียน แอร์ ซีอีโอ, ไมเคิ่ล เอ็ดเวิร์ดส์ ผู้อำนวยการเทคนิค, เดฟ ฟัลโลว์ส หัวหน้าฝ่ายสรรหา และ แบร์รี่ ฮันเตอร์ หัวหน้าแมวมองอยู่ในนั้น
คณะกรรมการซื้อขายเกิดความขัดแย้งเรื่องการเซ็นสัญญาผู้เล่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ ร็อดเจอร์ส ผลักดันให้ ลิเวอร์พูล คว้า โจ อัลเลน และ กิลฟี่ ซิเกิร์ดส์สัน
แล้วสุดท้าย ลิเวอร์พูล ก็ได้ตัว อัลเลน, ฟาบิโอ บอรินี่ แล้ว ดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ ก็ตามมา
ดีลที่พลาดหวังแล้ว แกรม เสียใจที่สุดคือการพลาด ดีโอโก้ คอสต้า ในราคาค่าฉีกสัญญา 25 ล้านยูโร เมื่อเดือนสิงหาคม 2013 แล้วจากนั้น คอสต้า ก็เซ็นสัญญาฉบับใหม่กับ แอตเลติโก มาดริด
อีกรายหนึ่งคือการหาคนมาแทน หลุยส์ ซัวเรซ โดย ลิเวอร์พูล จับจ้องไปที่ อเล็กซิส ซานเชซ แล้วสุดท้ายก็อย่างที่ทราบกันว่า อเล็กซิส เลือกไป อาร์เซน่อล
ความเห็นที่ต่างกันระหว่าง ร็อดเจอร์ส กับทีมคณะกรรมการคือ ข้อมูลฝั่งวิเคราะห์ชี้ชัดว่า ซาดิโอ มาเน่ ตอนที่ยังอยู่ เร้ด บูลล์ ซัลซ์บวร์ก เป็นทางเลือกที่ถูกกว่าเมื่อเทียบกับการที่ บี-ร็อด ต้องการ อดัม ลัลลาน่า
ส่วน มาริโอ บาโลเตลลี่ นั้น ตามดาต้าคือไม่มีอะไรผิดพลาด เพียงแต่ความจริงที่เกิดขึ้นคือ "ซูเปอร์มาริโอ" ไม่ประสบความสำเร็จกับ ลิเวอร์พูล
ทีมคณะกรรมการซื้อขายต้องทำงานกันหนักเพื่อคว้าผู้เล่นตามเป้าหมาย แต่การเซ็นสัญญาในช่วงนั้นส่วนใหญ่ไม่ใช่ตัวเลือกที่พวกเขากรองออกมา
ร็อดเจอร์ส ยืนกรานที่จะเซ็น คริสติย็อง เบนเตเก้ โดยไม่สนใจคำแนะนำเชิงข้อมูล แต่ก็มีการประนีประนอมกันแล้วจนได้ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ตามที่ทีมงานสรรหาหามาได้
...
การเปลี่ยงแปลงครั้งสำคัญคือวันที่ คล็อปป์ ก้าวเท้ามาเป็นผู้จัดการทีมแทนที่ ร็อดเจอร์ส เมื่อเดือนตุลาคม 2015
คล็อปป์ เปิดใจรับฟังข้อมูลจากทีมงานวิเคราะห์ เขายอมรับการใช้ข้อมูลในการประเมินและคัดเลือกผู้เล่น
ภายใต้การทำงานของทีมวิเคราะห์กับ คล็อปป์ นั้น ลิเวอร์พูล ประสบความสำเร็จมากมายในดีลที่ตกลงใจร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็น มาติป, มาเน่ และ จอร์จินโญ่ ไวนัลดุม
คล็อปป์ ไว้วางใจทีมงานวิเคราะห์ ซึ่งตัวอย่างที่โดดเด่นคือการได้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ แทนที่ มาริโอ เกิตเซ่ กับ ยูเลี่ยน บรันด์ท ที่เป็นสองผู้เล่นที่ตัวเองต้องการ
จริงอยู่ว่า ก่อนหน้านั้น ซาลาห์ ประสบปัญหาตอนอยู่ เชลซี แต่ด้วยผลจากการวิเคราะห์มันตอกย้ำให้เห็นถึงจุดแข็งของ ซาลาห์ ที่สามารถทำอะไรได้หลากหลาย ไม่ว่าเรื่องทำประตู, สร้างเกม และการผ่านบอล
คล็อปป์ เองก็มีส่วนในการตัดสินใจให้ ลิเวอร์พูล คว้า ซาลาห์ มาครอบครอง แสดงให้เห็นถึงความสำคัญที่เขาเห็นค่าต่อข้อมูล ซึ่งการที่ ลิเวอร์พูล มี คล็อปป์ เป็นผู้จัดการทีมคือสิ่งที่แตกต่างกับสโมสรอื่น ๆ ในยุคนั้น
...
แกรม กล่าวถึงดีลที่อยู่ในใจเขามากที่สุด ดีลนั้นมีสองดีลคือการเซ็น มาติป กับ โรเบิร์ตสัน มาได้ แม้ว่าดีล ซาลาห์ จะประสบความสำเร็จกับสโมสรมากกว่าก็ตาม
เขาย้ำถึงความสำคัญของการวิเคราะห์ข้อมูลในตัวผู้เล่นที่ถูกมองข้าม
ร็อบโบ้ ถูกตั้งคำถามเรื่องการเล่นเกมรับจากผลงานเก่ากับ ฮัลล์ ซิตี้ แต่ด้วยวิธีการเล่นของ ลิเวอร์พูล ยุค คล็อปป์ ที่เน้นฟูลแบ็กเล่นเกมบุกจะสามารถช่วยคลายกังวลเรื่องนั้นได้
แล้ว ลิเวอร์พูล ก็โชคดีเช่นกันเพราะเดิมทีพวกเขาเล็ง เอแมร์ซอน พัลเมียรี่ (โรม่า) ก่อน โรเบิร์ตสัน แต่กลายเป็นว่าแบ็กแซมบ้ารายนี้บาดเจ็บเอ็นไขว้หน้าฉีกไปเสียก่อน
ความล้มเหลวในการคว้า ทอม อินซ์ นำไปสู่การเซ็นสัญญากับ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ และเวลาต่อมาเงินที่ขาย คูตี้ ก็ต่อยอดไปซื้อ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ กับ อลิสซง เบ็คเกอร์
แกรม ให้เครดิตต่อแนวทางการสรรหาของสโมสรที่พา ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก มาครองได้ ซึ่งพวกเขามองเห็นความสำคัญของแผนงานระยะยาวและไม่สนต่อคำวิจารณ์จากภายนอก
การที่ เฟนเวย์ สปอร์ต กรุ๊ป ยอมรับถึงประสิทธิภาพของกระบวนการนี้ทำให้คณะกรรมการซื้อขายเดินหน้าต่อไปเป็นแผนกที่ใหญ่ขึ้น
แม้ว่าจะล้มเหลวในช่วงแรก แต่ทีมงานเหล่านั้นก็ยังคงมุ่งมั่นกับแนวทางที่ทำ และพิสูจน์ให้เห็นถึงความสำเร็จในที่สุด
...
มิถุนายน 2022 ลิเวอร์พูล ทุ่มเงินซื้อ ดาร์วิน นูนเญซ จาก เบนฟิก้า
ดีลนี้ได้รับการผลักดันจาก เจอร์เก้น คล็อปป์ ที่ชื่นชม ดาร์วิน เอามาก ๆ หลังเห็นฟอร์มนัดที่เจอกันใน แชมเปี้ยนส์ ลีก
การย้ายมาของ ดาร์วิน เกิดคำถามที่ตามมาเกี่ยวกับการที่ ลิเวอร์พูล ต้องเปลี่ยนแปลงระบบทีม เนื่องจากดาวยิงอุรุกวัย มีสไตล์การเล่นแตกต่างไปจาก ฟีร์มีโน่
แกรม ซึ่งมีส่วนร่วมในการวิเคราะห์ผู้เล่น พิจารณาแล้วว่าการมี ดาร์วิน เข้ามาทำให้ ลิเวอร์พูล ต้องปรับเปลี่ยนแทคติคและระบบ
"เห็นได้ชัดว่า นูนเญซ คือกองหน้าตามแบบฉบับของพวกเบอร์ 9 ผมคงจะไม่บอกหรอกว่าข้อมูลมันไม่ได้สื่อว่า นูนเญซ เป็นนักเตะสไตล์นั้น"
"อารมณ์มันเหมือนกับว่า -ถ้าเราจะซื้อนักเตะคนนี้แล้วน่ะ เราก็ต้องเข้าใจว่านี่เป็นบทบาที่เรามองว่าเขาจะเล่นได้ดี และในขุมกำลังของเรามีที่ว่างให้กับเขารึเปล่า ?- และเมื่อคุณทุ่มเงินไปเยอะกับนักเตะคนใดคนหนึ่งแล้วน่ะเขาก็ต้องได้ลงเล่นเป็นตัวจริงเป็นธรรมดา"
"สิ่งที่เลวร้ายที่สุดก็คือคุณซื้อนักเตะที่เป็นเพียงอะไหล่เข้ามาทั้งที่จริง ๆ แล้วควรจะใช้เงินเหล่านั้นไปกับการซื้อนักเตะที่เก่งพอจะได้เป็นตัวจริง" แกรม ระบุ
...
การออกจากสโมสรของ เอ็ดเวิร์ดส์ และ จูเลี่ยน วอร์ด นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการบริหารสโมสร ลิเวอร์พูล
ส่วน แกรม ยุติการทำงาน 11 ปีกับสโมสรลิเวอร์พูล แล้ว วิลล์ สเปียร์แมน ก็ก้าวขึ้นมาเป็นผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยแทน
แกรม แบ่งปันประสบการณ์ที่เขาเคยทำงานกับ คล็อปป์ และ ไมเคิ่ล เอ็ดเวิร์ดส์ แม้ว่าจะมีความเห็นไม่ตรงกันอยู่บ้างรวมถึงอาการเบิร์นเอาท์หลังจากทำงานมานาน 11 ปี เต่เขาก็รู้ดีถึงผลกระทบที่ตัวเองมีต่อสโมสร รวมถึงเรื่องที่ว่ามันจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลง
เอ็ดเวิร์ดส์ ซึ่งเป็นอดีตผู้อำนวยการกีฬาเปลี่ยนมาเป็นประธานบริหารด้านฟุตบอลของ เอฟเอสจี เพื่อดูแลปฏิบัติการต่าง ๆ ของสโมสร
แกรห์ม กับ เอ็ดเวิร์ดส์ เคยทำงานร่วมกันในด้านการวิเคราะห์ ก่อนที่ เอ็ดเวิร์ดส์ จะกลับมาสู่ ลิเวอร์พูล เพื่อเจอกับความท้าทายใหม่ ๆ
การกลับมาของ เอ็ดเวิร์ดส์ นำไปสู่การปรับโครงสร้างสโมสร โดยมีการเน้นย้ำถึงเรื่องที่ต้องใช้ข้อมูลเป็นหลักในการตัดสินใจเรื่องต่าง ๆ
กลุ่มเจ้าของทีม ลิเวอร์พูล ชื่นชอบการที่ เอ็ดเวิร์ดส์ มีมาตรฐานในการทำงานสูงและให้ความสำคัญกับเรื่องรายละเอียดมาก ๆ ซึ่งมันสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของพวกเขาพอดี
แกรม ย้ำถึงความสำคัญของการวิเคราะห์อย่างละเอียดในด้านการเสริมทัพและการวิเคราะห์คู่แข่ง ซึ่งนั่นสะท้อนถึงแนวทางของ เฟนเวย์ ที่ชื่นชอบความพิถีพิถันอย่างมาก
ความเข้ากันระหว่าง เอ็ดเวิร์ดส์ และกลุ่มเจ้าของทีมคือหลักฐานว่าพวกเขามีแนวคิดเกี่ยวกับความมุ่งมั่นสู่ความเป็น 1 เหมือนกัน ตอนนี้ แกรห์ม ทำธุรกิจด้านการวิเคราะห์ด้วยการให้ความช่วยเหลือสโมสรทั่วทวีปยุโรปและแถวละตินอเมริกา แม้ว่ามันจะต่างกันอยู่บ้าง แต่การผลัดเปลี่ยนของ ลิเวอร์พูล แสดงให้เห็นว่าสโมสรจะยังใช้แนวทางที่เน้นไปยังการวิเคราะห์ข้อมูลที่ แกรห์ม กับ เอ็ดเวิร์ดส์ เคยเริ่มเอาไว้
พัฒนาการของสโมสรภายใต้กลุ่มผู้บริหารชุดใหม่มันสะท้อนถึงยุทธศาสตร์กับระบบที่เกิดจากการมีแนวคิดและเป้าหมายร่วมกัน
HOSSALONSO