ชัยชนะที่สวยงามของลิเวอร์พูล..

ชัยชนะที่สวยงามของลิเวอร์พูล..
อาร์เน่อ สล็อท ประเดิมเกมแข่งขันอย่างเป็นทางการในฐานะโค้ชใหญ่ทีมหงส์แดงด้วย 3 คะแนนจาก พอร์ทแมน โร้ด ด้วยการเล่นที่น่าประทับใจโดยเฉพาะอย่างยิ่งในครึ่งหลัง

สถิติบอกว่าครึ่งแรกกับครึ่งหลังของเกมคู่นี้เหมือนมาจากคนละแมตช์ จากความอึดอัด ส่งรับบอลผิดพลาด น้ำหนักขาด ๆ เกิน ๆ กลายเป็นความหมดจด ควบคุมเกมเบ็ดเสร็จ เกมที่ไหลลื่น และโอกาสทำประตูครั้งแล้วครั้งเล่า

อิปสวิช ทาวน์ ของ คีแรน แม็คเคนน่า ใช้พลังแบบใส่สุดตัวในครึ่งแรก นักเตะม้าขาวไล่บี้ วิ่งเข้าใส่ผู้มาเยือนจากเมอร์ซี่ย์ไซด์ชนิดไม่ให้หายใจหายคอท่ามกลางเสียงเชียร์ดังกระหึ่มจากแฟนบอลที่รอคอยวันนี้มาเกินสองทศวรรษ

วันที่ได้ลงเล่นในลีกสูงสุดอีกครั้ง หลังตกชั้นไป 22 ปี..

ลิเวอร์พูลเจอปัญหาในการเข้าถึงบอลเร็วของนักเตะเจ้าถิ่น อัดดุ อัดหนัก ถึงลูกถึงคนจนจับจังหวะไม่ทัน บอลที่ปล่อยออกจากเท้าพร้อมถูกจ้องฉกตลอดเวลา

จ่ายดียังต้องระวังหน้าระแวงหลัง ไม่ต้องพูดถึงการส่งบอลด้วยน้ำหนักขาดอย่างช่วงต้นเกมของทั้ง เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ และ แอนดี้ โรเบิร์ตสัน ที่ทำให้ทีมเสียบอลหน้าเขตโทษและเกือบถูกเจ้าถิ่นลงทัณฑ์

อิปสวิชทำได้ดีและมีโอกาส ทั้งการแย่งบอลจังหวะสอง การปะทะชนะจังหวะแรก รวมถึงการโต้กลับที่ได้หลุดเข้าแดนลิเวอร์พูล 3-4 คนอยู่สองครั้ง

แต่พวกเขาโยนมันทิ้งไปหมด ด้วยความไม่เด็ดขาดของตัวเอง

ก็นั่นล่ะครับ มันคือความแตกต่างเช่นกันระหว่างทีมน้องใหม่ที่หายไป 22 ปีและเพิ่งจะกลับมาเล่นเกมแรกในพรีเมียร์ลีก กับทีมที่อยู่ในมาตรฐานระดับสูงของลีกนี้มาตลอดอยู่แล้ว

ลิเวอร์พูลแสดงให้อิปสวิชเห็นว่ามาตรฐานของเวทีนี้เป็นอย่างไร ด้วยการกลับมาไล่ถลุงเจ้าบ้านในครึ่งหลัง

สกอร์ไม่ขาดลอยยับเยินหรอก แต่รูปเกมเป็นแบบนั้น ผ่านไปสักครึ่งทางของครึ่งหลังก็มองเห็นงานระดับปีนภูเขาของนักเตะม้าขาวแล้ว เพราะดึงจังหวะกลับมาอยู่ในเกมของตัวเองไม่ได้เลย

กลายเป็นบอลของลิเวอร์พูลแบบวันเวย์ ตั้งเกมจากแดนหลังอย่างมั่นคง นิ่ง กองกลางคุมเกมได้ทั้งหมด บอลสั้นยาวคอยสร้างปัญหา ทีมเวิร์กการผ่านบอลไหลลื่น และความสามารถเฉพาะตัวทีมหงส์แดงมาครบ

การเปลี่ยนตัว จาเรลล์ ควอนซาห์ ออกในช่วงพักครึ่งและส่ง อิบราฮิมา โกนาเต้ ลงมาพร้อมเหตุผลว่าทีมต้องการชนะในการปะทะมากขึ้นเป็นการเปลี่ยนที่ส่งสัญญาณถึงนักเตะในทีมทุกคนมากกว่าเพ่งเป้าไปที่ ควอนซาห์ คนเดียว

ไม่ใช่ว่า ควอนซาห์ เล่นไม่ดีหรือเข้าปะทะแพ้อยู่คนเดียวแล้วพอเปลี่ยนตัวเขาออกส่ง โกนาเต้ ลงมา ทีมก็พลิกกลับมากลายเป็นพระเอกได้เลย

ผมไม่คิดว่าเป็นอย่างนั้น แต่มีอะไรมากกว่านั้น

ครึ่งแรกไม่ได้มีแค่ ควอนซาห์ คนเดียวที่ปะทะแพ้หรือเก็บบอลจังหวะสองไม่ได้ แต่นักเตะลิเวอร์พูลเกือบทุกคนปะทะแพ้และเก็บบอลจังหวะสองไม่ได้ เนื่องจากการเล่นอันเข้มข้นของนักเตะอิปสวิช

การเปลี่ยนตัวของ สล็อท ไม่ใช่เพราะ ควอนซาห์ เล่นแย่จนรับไม่ได้ เขายังพอเอาตัวรอดได้ มีจังหวะดักบอลสวย ๆ ได้ เพียงแต่ก็มีเกมปะทะที่เป็นปัญหาเหมือนเพื่อนร่วมทีมคนอื่น ๆ โดยเฉพาะท้ายครึ่งแรกที่เสียท่าให้ เลียม ดีแล็ป กระชากไปถึงเส้นหลัง

หากแต่ สล็อท ไม่สามารถเปลี่ยนทุกคนที่แพ้การเข้าปะทะได้ ไม่อย่างนั้นโควต้า 5 คนคงหมดไปตั้งแต่ช่วงพักครึ่ง เขาเลือกเปลี่ยนในจุดที่เสียหายน้อยที่สุดคือการถอด ควอนซาห์ และส่ง โกนาเต้ ที่ดีกรีเหนือกว่าลงไป

สิ่งสำคัญคือเนื้อหาที่แนบมาพร้อมกับการเปลี่ยนตัวครั้งนี้ต่างหาก มันคือการเน้นกับลูกทีมทุกคนว่า อย่าแพ้การเข้าปะทะอีก จงตื่นตัวกับมัน และสลัดปัญหานี้ทิ้งไปให้ได้

การเปลี่ยนตัวและกำชับถึงปัญหาที่ต้องแก้ไขของ สล็อท นับว่าตรงจุด เพราะกลับมาเล่นในครึ่งหลัง ลิเวอร์พูลเปลี่ยนเป็นอีกทีมไปเลย

เล่นเร็วขึ้น แม่นยำขึ้น ตื่นตัวมากขึ้น ขณะที่ อิปสวิช เองก็มีพลังน้อยลงจากการใช้ไปอย่างเต็มที่ในครึ่งแรก เริ่มไล่แล้วไม่เจอบอล การพุ่งเข้าใส่ไม่ดุดันอย่างเคย

บอลของลิเวอร์พูลจึงเสียยากขึ้น ความมั่นใจเพิ่มขึ้น ค่อย ๆ ดึงโมเมนตัมมาอยู่กับตัวจนควบคุมสถานการณ์ทั้งหมดไว้ในมือ

จังหวะเปลี่ยนแกนของ โดมินิก โซโบซไล ที่ตวัดเปิดฉับพลันส่งบอลจากฝั่งขวาแดนตัวเองข้ามลึกไปถึงปีกซ้ายและจบที่การลากไปยิงข้ามคานของ ลุยส์ ดิอาซ ในช่วงต้นครึ่งหลังคือการบ่งบอกว่าลิเวอร์พูลใน 45 นาทีหลังจะไม่เหมือนครึ่งแรกแล้วนะ

แล้วจากนั้นก็เป็นการพับสนามบุก แสดงจินตนาการในเกมรุกออกมาอย่างเต็มที่ เพราะความมั่นคงถูกปักลงไปแล้ว

ลิเวอร์พูลสร้างโอกาสได้เรื่อย ๆ บอลรุกคืบไปป้วนเปี้ยนหน้าเขตโทษและเส้นหลังบ่อยขึ้น มีบอลทะลุช่องสร้างความปั่นป่วน มีการยิงไกลกดดัน เก็บตกแถวสองเรียบ ดิอาซได้ยิงติดบล็อก โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ได้ยิงติดเซฟ ดีโอโก้ โชต้า ได้โหม่งจ่อ ๆ หลุดกรอบ

โอกาสมาแล้วก็ไป หากมันก็ยังมีเกิดขึ้นเป็นระยะ ๆ เหมือนไฟเขียวกลางสี่แยก เกมของอิปสวิชยิ่งเล่นก็ยิ่งเป็นรอง บอลกระเด้งกลับเหมือนเตะอัดกำแพง

กระทั่งในที่สุดทำนบก็พัง..

ราวกับลิเวอร์พูลเลือกทำได้ตามใจชอบ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ มองเห็นช่องโหว่เบ้อเริ่มที่เจ้าถิ่นเปิดให้ในแดนกลาง เทรนต์แทงเข้าช่องนั้นทันทีให้ ซาลาห์ หลุดขึ้นไปทางขวา มันจบลงด้วยการผ่านอย่างสมบูรณ์แบบให้ โชต้า ชาร์จโล่ง ๆ ตุงตาข่าย

ลิเวอร์พูลนำ 1-0 ในนาทีที่ 60 เป็นประตูแรกของทีมในฤดูกาล 2024/25

แล้วจากนั้นอีกแค่ 5 นาที บอลฝากแล้วไประหว่าง ซาลาห์ กับ โซโบซไล ก็นำมาซึ่งประตูที่สองที่ดาวเตะอียิปต์ยิงในเขตโทษผ่านตัว คริสเตียน วัลกอน นายทวารม้าขาวตุงตาข่ายพร้อมท่าดีใจใหม่ของเจ้าตัว

ถ้าให้เดา ท่าดีใจยิงธนูของซาลาห์น่าจะเป็นเหตุผลเดียวกับตอนที่โชต้าทำท่าดีใจเดียวกันในเกมกับ แซงต์ ชิลลวส เมื่อฤดูกาลที่แล้วนะครับ ทั้งคู่เป็นแฟนเพลงของ เทย์เลอร์ สวิฟต์ และโชต้าก็เปิดเผยในตอนนั้นว่าเขาทำท่ายิงธนูนี้ให้สวิฟต์จากเพลง The Archer (นักยิงธนู) ของเธอ (เมื่อสองเดือนที่แล้ว สวิฟต์ ก็เพิ่งจะมาเล่นคอนเสิร์ตที่แอนฟิลด์)

แฟนหงส์แดงอาจจะแซว เอ๊ด ชีแรน นักร้องดังสาวกตัวยงของ อิปสวิช ทาวน์ ได้แบบพอหอมปากหอมคอ เกมนี้ ชีแรน ที่เพิ่งจะซื้อหุ้นส่วนหนึ่งของอิปสวิชเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเข้ามาชมเกมในสนามด้วย แต่ต้องรีบออกจากสนามตอนพักครึ่งเพราะมีคอนเสิร์ตที่เซอร์เบียช่วงกลางคืน

นักเตะหลายคนของลิเวอร์พูลเล่นได้ดี ที่โดดเด่นเลยนอกจากซาลาห์ซึ่งยิง 1 จ่าย 1 แล้วก็คงต้องยกให้กองกลางทั้ง โซโบซไล และ ไรอัน กราเฟนแบร์ก ที่ดีในระดับได้แมนออฟเดอะแมตช์จากสำนักอื่น ๆ เหมือนกัน

โซโบขับเคลื่อนเกมอย่างแทบจะทำได้ดั่งใจนึก ลูกที่คลึงบอลหนึ่งจังหวะท่ามกลางการกดดันจากผู้เล่นอิปสวิช 2 คนที่รุมเข้ามาก่อนปล่อยบอลให้ เทรนต์ เติมขึ้นมารับตรงกลางสนามยังติดตา เขาเอาตัวรอดจากสภาวะที่ถูกกดดันได้นิ่งจริง ๆ

ผมยกให้โซโบเป็นแมนออฟเดอะแมตช์ แต่ก็ด้วยความพิสมัยที่ไม่หนีไปจากซาลาห์กับกราเฟนแบร์กเท่าไหร่

กราเฟนแบร์กเป็นอีกคนที่เชื่อว่าแฟนบอลประทับใจ บอลแรกของเขายังคงโดดเด่นอย่างเคยโดยเฉพาะการแตะบอลแรกไปในทิศทางที่ได้เปรียบและเล่นต่อได้ทันทีไม่ต้องเสียเวลา

การคิดเร็ว อ่านคู่ต่อสู้ขาด ทักษะกับบอลดี ความคล่องตัว การผ่านบอล รวมทั้งความสามารถในการพลิกพาบอลขึ้นหน้าไปเปิดเกมเองได้คือคุณสมบัติของกองกลางหมายเลข 6 ที่ สล็อท ต้องการ

ถ้ากราเฟนแบร์กรักษาผลงานอย่างเกมนี้ได้ต่อเนื่องสม่ำเสมอ เขาน่าจะเป็นตัวเลือกคนสำคัญในทีมตัวจริงของ สล็อท ฟอร์มแบบนี้เพื่อนคนอื่น ๆ คงต้องเหนื่อยหน่อยกับการเบียดแย่งตำแหน่งกับเขา

ขณะที่ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ แม้จะไม่เด่นเหมือน 2 คนนั้นในเกมนี้แต่เขายังคงมอบความสมดุลให้ทีมในแบบปิดทองหลังพระเหมือนเดิม

เกมแรกของลิเวอร์พูลผ่านไปอย่างสวยงามท่ามกลางคำถามและการจับตามองก่อนเตะ

แฟนบอลบางคนอาจเป็นห่วงขุมกำลังของลิเวอร์พูล แต่บางคนไม่ได้รู้สึกเป็นห่วงอะไร ทีมก็ยังมีขนาดที่ใหญ่พอ ๆ กับทีมใหญ่อื่น ๆ ตัวจริงกับตัวสำรองก็มองเห็นการทดแทนกันได้ บางตำแหน่งมีตัวเลือกคนที่สามด้วยซ้ำ ทั้งยังมีกำลังเสริมจากทีมเยาวชน

ตลาดนักเตะที่เหลืออยู่ถึงสิ้นเดือนนี้ จะมีใครเข้ามาเพิ่มไหมคงต้องรอดูกันอย่างเดียว แต่ความน่าจะเป็นล่าสุดของ โจ โกเมซ ที่อาจย้ายทีมจะทำให้นักเตะตำแหน่งเซนเตอร์แบ๊กกลับมาเป็นที่พูดถึงแน่นอน

สามคะแนนจากการไปเยือนและเก็บคลีนชีตได้ย่อมเรียกความเชื่อมั่นได้ดี แต่เส้นทางยังอีกยาวไกล เกมที่รออยู่ก็เพิ่มความหนักหน่วงขึ้น จากอิปสวิชเกมนี้ สู่เบรนท์ฟอร์ดเกมหน้า และแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เกมถัดไป

ไม่มีเวลาดื่มด่ำกับมันมากนัก ยังมีงานที่ สล็อท กับลูกทีมต้องทำต่อ แก้ไขจุดที่มองเห็นต่อ ยกระดับจุดที่ดีให้ดียิ่งขึ้นไปต่อ

เดินหน้ากันต่อ

ลิเวอร์พูลในยุค อาร์เน่อ สล็อท เริ่มก้าวเดินแล้ว..


"ตังกุย"


ที่มาของภาพ : gettyimages
BY : ตังกุย
ณัฐพล ดำรงโรจน์วัฒนา
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport
X