แมนซิตี้ นอกจากคว้าโล่การกุศล คอมมูนิตี้ ชิลด์ แล้ว มันหมายถึงการเอาคืนล้างแค้น แมนยู คู่ปรับร่วมเมืองจากเกมชิงถ้วย เอฟเอคัพ ได้สำเร็จ
โดย เรือใบสีฟ้า พลิกสถานการณ์จากที่เป็นรองทั้งเกมในเวลา 90 นาที และการดวลลูกโทษชี้ขาดเอาชนะ ปีศาจแดง ได้ในศึก คอมมิวนิตี้ ชิลด์ เมื่อวันเสาร์ที่ 10 ส.ค.โดยสงครามแข้งเกม ดาร์บี้แมนเชสเตอร์ ที่สนาม เวมบลีย์ มีห้าประเด็นที่น่าสนใจดัง
1. เรือใบเปิดตัวกองกลางดาวรุ่ง
เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กุนซือทีม แมนฯ ซิตี้ ทำเซอร์ไพรส์ด้วยการใช้งาน นิโก้ โอเรียลลี่ มิดฟิลด์วัย 19 ปีออกสตาร์ตเป็นตัวจริง
นอกจากนี้ เจมส์ แม็คเคที ดาวเตะวัย 21 ปีที่ถูกส่งให้ เชฟฯ ยูไนเต็ด ยืมตัวในสองซีซั่นที่ผ่านมาติดโผ 11 คนแรกเช่นกันโดยมี มาเตโอ โควาซิช ร่วมประสานงาน แต่ แจ็ค กรีลิช ไม่มีส่วนร่วมเนื่องจากบาดเจ็บ
สำหรับคีย์แมนของทีมที่ได้ลงสนามประกอบไปด้วยนายทวาร เอแดร์ซอน และ เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ ขณะที่ เควิน เดอ บรอยน์ กับ แบร์นาร์โด้ ซิลวา มีชื่อนั่งสำรองร่วมกับ ซาวินโญ่ สมาชิกใหม่
ด้าน ไคล์ วอล์คเกอร์ , โรดรี้ และ จอห์น สโตนส์ ยังได้พักต่อหลังผ่านการรับใช้ชาติในนัดชิงชนะเลิศ ยูโร 2024 เช่นเดียวกับ ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ ที่รอย้ายไปร่วมทีม แอตเลติโก มาดริด
2. ผีแดงใส่ชื่อ เซิร์กซี่ นั่งข้างสนาม
เอริค เทน ฮาก ผู้จัดการทีม แมนฯ ยูไนเต็ด จัดทัพลงสนามโดยใส่ชื่อ โจชัว เซิร์กซี่ นักเตะใหม่เป็นตัวสำรองเช่นเดียวกับ เจดอน ซานโช่ ขณะที่ เลนี่ โยโร่ ที่เพิ่งย้ายมาร่วมทีมเช่นกันในช่วงซัมเมอร์เจ็บเท้าจากเกมอุ่นเกือกต้องร้างสนามไปนานสามเดือน
นอกจากนี้ ราสมุส ฮอยลุนด์ กองหน้าทีมชาติ เดนมาร์ก ที่เดี้ยงในเกมกระชับมิตรอีกรายต้องพักหกสัปดาห์จากปัญหากล้ามเนื้อต้นขาด้านหลังทำให้ บรูโน่ แฟร์นันด์ส กัปตันทีมสวมบทกองหน้าตัวหลอก
อย่างไรก็ดี แฮร์รี่ อามาสส์ แบ็คซ้ายดาวรุ่งชวดลงบู๊อย่างเหลือเชื่อโดย ลิซานโดร มาร์ติเนซ รับผิดชอบตำแหน่งดังกล่าว ขณะที่ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ฟิตมากพอที่จะลงบู๊ได้
3. การ์นาโช่ ใจถึงพึ่งได้
จะว่าไป แมนฯ ยูไนเต็ด เล่นเกมนี้ได้อย่างไม่เป็นรอง แมนฯ ซิตี้ มากนักแม้ต่างฝ่ายจะยังไม่ใช่ทีมชุดที่ดีที่สุดโดยเฉพาะ เรือใบสีฟ้า โดยเกมในครึ่งแรกมีสถิติเผยว่าแชมป์ พรีเมียร์ลีก เหนือกว่าเล็กน้อยจากการครองบอล 55.1%:44.9% และได้ยิงมากกว่า 4-3 ครั้ง แต่ทั้งสองทีมส่งบอลเข้ากรอบไม่ได้เช่นกัน
กระทั่งเข้าครึ่งหลัง เทน ฮาก ส่ง อเลฮานโดร การ์นาโช่ ลงเล่นเป็นตัวสำรองในนาทีที่ 59 และดาวเตะทีมชาติ อาร์เจนติน่า แสดงให้เห็นว่าเขาสามารถเป็นที่พึ่งของทีมได้กับการทำประตูพาทีมนำ 1-0 ในนาทีที่ 82 โดยมี แฟร์นันด์ส จัดแอสซิสต์
สำหรับประตูดังกล่าว ทำให้พ่อค้าแข้งเลือดฟ้าขาวเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดที่คลำเป้าได้ในเกม คอมมิวนิตี้ ชิลด์ ด้วยวัย 20 ปี 40 วันต่อจาก เชส ฟาเบรกาส อดีตขุนพลทีม อาร์เซน่อล ซึ่งสอยตาข่ายในเกมชิงโล่การกุศลได้ในวัย 18 ปี 95 วันเมื่อปี 2005
ถึงกระนั้น สุดท้ายแล้ว ผีแดง ปลิดชีพทีมร่วมเมืองไม่สำเร็จโดยพ่ายการยิงลูกโทษชี้ขาดหลังจากทั้งสองทีมเจ๊ากัน 1-1 ในเวลา 90 นาทีซึ่งสถิติเผยว่า แมนฯ ซิตี้ เหนือกว่าเล็กน้อยเท่านั้นจากการครองบอล 55.9%:44.1% และได้ยิงมากกว่า 9:8 ครั้ง แต่เป็นรอง ผีแดง ในการส่งบอลเข้ากรอบ 1:2 ครั้ง
4. ซิลวา แผลงฤทธิ์ฉลองวันเกิด
หลังจากนั่งข้างสนามอยู่นาน 80 นาที ซิลวา ก็ถูกส่งลงเล่นในช่วงสิบนาทีสุดท้าย และดาวเตะทีมชาติ โปรตุเกส คายพิษสงจนได้ด้วยการพังประตูตีเสมอให้ทีม 1-1 ในนาทีที่ 89 ก่อนที่แชมป์ พรีเมียร์ลีก จะได้เฮฮาในการดวลลูกโทษตัดสินแม้เขาจะซัดไปโดน อ็องเดร โอนาน่า เซฟได้จากการทำหน้าที่เป็นคนแรก
อย่างไรก็ดี ซิลวา ลงเล่นเกมนี้ในวันเกิดครบอายุ 30 ปีบริบูรณ์พอดีจึงทำให้เจ้าตัวสร้างชื่อเป็นนักเตะที่เช็กบิลเกมดังกล่าวในวันเกิดเช่นกันต่อจาก เอ็นวานโก้ คานู อดีตสตาร์ อาร์เซน่อล นัดปะทะกับ แมนฯ ยูไนเต็ด เมื่อปี 1999
เท่านั้นไม่พอ ซิลวา ซึ่งเป็นคนซัดบอลตรงกรอบหนเดียวในเกมนี้ของ แมนฯ ซิตี้ กลายเป็นคู่แข่งตัวแสบของ ผีแดง อย่างเต็มตัวแล้วเนื่องจากเขามีส่วนกับสอยตาข่ายทีมร่วมเมืองได้ 10 เม็ดแล้วในทุกรายการ (4ประตู 6แอสซิสต์) ซึ่งเป็นสถิติที่ดีที่สุดในบรรดานักเตะที่ค้าแข้งกับสโมสรช่วงเวลาเดียวกับเขา
5. อาถรรพ์โล่การกุศล?
ถึงตอนนี้ แมนฯ ซิตี้ ได้แชมป์ คอมมิวนิตี้ ชิลด์ รวมเจ็ดครั้งแล้วในปี 1937, 1968, 1972, 2012, 2018 , 2019 และ 2024
ในทางกลับกัน แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นรองแชมป์รายการนี้รวม 10 ครั้งแล้วซึ่งมากกว่าทุกสโมสรนับตั้งแต่มีการสถาปนาเกมชิงโล่การกุศลตั้งแต่สมัยใช้ชื่อเดิม แชริตี้ ชิลด์ แม้ว่า ผีแดง จะได้แชมป์รายการนี้มากที่สุดรวม 21 ครั้ง (แชมป์ร่วม 4 ครั้ง)
อย่างไรก็ดี เหมือนกับว่ารายการนี้มีอาถรรพ์เช่นกันเนื่องจาก 13 ครั้งหลังทีมที่ได้เฮสามารถป้องกันแชมป์ พรีเมียร์ลีก ได้แค่หนเดียวเท่านั้นซึ่งก็เป็น แมนฯ ซิตี้ ที่ทำสำเร็จในซีซั่น 2018/19 ฉะนั้นแล้วแฟน เรือใบสีฟ้า จึงต้องรอลุ้นว่าซีซั่นนี้ทีมรักจะป้องกันแชมป์ พรีเมียร์ลีก โดยจะเป็นการกวาดแชมป์ไปเชยชมแต่เพียงผู้เดียวเป็นปีที่ห้าติดต่อกันได้สำเร็จหรือเปล่า