การเป็นแชมป์ว่ายากแล้ว การป้องกันแชมป์ยากยิ่งกว่า ! ปรัชญาลูกหนังที่ทุกคนยอมรับว่ามันเป็นเช่นนั้นจริงๆ
สำหรับการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ สิ่งที่ทุกๆ สโมสรต้องมีก็คือความคงเส้นคงวา เพราะการแข่งขันที่กินเวลาเกือบ 10 เดือน ถ้าหากทีมใดที่อยากคว้าแชมป์พวกเขาต้องรักษามาตรฐานการเล่นให้มีความเสถียรที่สุด
ในขณะเดียวกันหากสามารถคว้าแชมป์ลีกได้แล้ว การที่จะได้แชมป์ในซีซั่นต่อไปก็ต้องยกระดับผลงานให้ดีขึ้นกว่าเดิม ยกตัวอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่สามารถกวาดแชมป์ลีกสูงสุดเมืองผู้ดีได้หลายสมัยนับตั้งแต่ยุค 90 จนถึงยุค 2000
กระนั้นก็มีทีมแชมป์บางทีมที่ไม่สามารถรักษามาตรฐานการเล่นได้เหมือนกับซีซั่นที่คว้าแชมป์ และผลงานก็ออกมาน่าผิดหวัง งานนี้เราลองมาดูกันว่า 5 สโมสรไหนที่ป้องกันแชมป์ได้น่าผิดหวังที่สุด
1. แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ฤดูกาล 1995/1996
ทัพ "กุหลาบไฟ" เป็นทีมแรกนับตั้งแต่มีการเปลี่ยนชื่อลีกสูงสุดเมืองผู้ดีจาก "ดิวิชั่น 1" เป็น "พรีเมียร์ลีก" พวกเขาสามารถขัดขวาง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่ให้คว้าแชมป์ 3 สมัยติดต่อกัน
แบล็คเบิร์น ก้าวขึ้นมาเป็นทีมคู่แข่งแย่งแชมป์ลีกกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ โดยตอนนั้นพวกเขามีนักเตะชูโรงอย่าง อลัน เชียเรอร์ โดยในซีซั่น 1994/1995 พวกเขาประสบความสำเร็จด้วยการคว้าแชมป์ลีก ด้วยการมีแต้มเหนือ "ผีแดง" แค่ 1 คะแนนเท่านั้น
อย่างไรก็ตามในซีซั่นถัดมา ทุกอย่างกลับตาลปัตรสิ้นเชิง เพราะ แบล็คเบิร์น ผลงานร่วงกราวรูด จบฤดูกาลในอันดับ 7 มี 61 คะแนนตามหลัง แมนฯ ยูฯ แชมป์ลีกถึง 21 แต้ม ที่สำคัญความย่ำแย่ของทีมหนักขึ้นเรื่อยๆ และร่วงตกชั้นในซีซั่น 1998/1999
2. แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ฤดูกาล 2013/2014
หลังจากที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ทิ้งทวนในการคุม แมนฯ ยูไนเต็ด ด้วยการคว้าแชมป์ลีก ซีซั่น 2012/2013 เขาก็วางมือพร้อมกับมอบหมายงานสุดยิ่งใหญ่ให้กับ "ผู้ถูกเลือก" เดวิด มอยส์ เข้ามาสานต่อ พร้อมความหวังในการรักษาความยิ่งใหญ่ของทีมเอาไว้
มอยส์ เปิดหัวในการคุมทีมด้วยการนำ แมนฯ ยูฯ ชนะ "หงส์ขาว" สวอนซี ซิตี้ ซึ่งแน่นอนว่านั่นทำให้เหล่าบรรดาแฟนผีโปรเจกต์รู้สึกมีความสุขว่า "ป๋า" ได้เลือกคนที่เหมาะสมเข้ามาเป็นทายาทอสูร
อย่างไรก็ตามฝันหวานมันกลายเป็นฝันร้ายในชั่วพริบตา เพราะ มอยส์ ไม่สามารถปั้น แมนฯ ยูไนเต็ด ได้อย่างที่หลายคนปรารถนา และยังสร้างสถิติน่าผิดหวังเอาไว้มากมายโดยเฉพาะการแพ้ยับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ ลิเวอร์พูล 3-0 ทั้งสองแมตช์
นอกจากนี้ทีมยังเกมชัยชนะได้แค่ 5 เกมจาก 15 แมตช์แรกในลีก ซึ่งสถานการณ์แบบนี้พวกเขาไม่เคยเจอในยุคที่ "เฟอร์กี้" กุมบังเหียน และสุดท้ายพวกเขาจบในอันดับ 7 เท่านั้น ส่วน มอยส์ โดยไล่ออกในช่วงปลายซีซั่นด้วย
3. เชลซี ฤดูกาล 2015/2016
กลายหวนกลับมากุมบังเหียน เชลซี เป็นคำรบสองของ โชเซ่ มูรินโญ่ ต้องบอกว่าไม่ธรรมดาจริงๆ เพราะเขาสามารถดึงศักยภาพสูงสุดของ "สิงโตน้ำเงินคราม" ออกมาได้อีกครั้ง พร้อมกับคว้าแชมป์ลีกในซีซั่น 2014/2015
น่าเสียดายที่ในซีซั่นถัดมา "เฮียมู" ไม่สามารถสร้างปรากฎการณ์ได้อีกครั้ง และแค่ผ่านไปครึ่งทางของการแข่งขันเกมลีกพวกเขาก็หล่นไปอยู่ในโซนหนีตกชั้น และนั่นทำให้สโมสรจำเป็นต้องปลดเขาออกจากตำแหน่งก่อนที่สถานการณ์ของทีมจะย่ำแย่ไปกว่านี้
การเข้ามารับงานช่วงกลางซีซั่นของ กุส ฮิดดิ้งค์ ถือว่าพอถูไถไปได้บ้าง และทำให้สโมสรสามารถตะเกียกตะกายจากโซนท้ายตารางขึ้นมาอยู่อันดับ 10 แต่กระนั้น เชลซี ก็ถือว่าเป็นทีมที่ป้องกันแชมป์ที่น่าผิดหวังเหลือเกิน
4. เลสเตอร์ ซิตี้ ฤดูกาล 2016/2017
เลสเตอร์ ถือเป็นปรากฎการณ์ที่โลกลูกหนังต้องจารึกเอาไว้ เพราะพวกเขาสามารถแหกด่านบรรดาทีมยักษ์ใหญ่ในลีก ก้าวขึ้นมาเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกได้อย่างสุดยิ่งใหญ่ในซีซั่น 2015/2016
ความสำเร็จของทีมทำให้นักเตะหลายคนที่เป็นแกนหลักโดนสโมสรชั้นนำในลีกดึงตัวไปร่วมทัพ โดยเฉพาะ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ซึ่งเป็นหัวใจในแผงกองกลางของทัพ "เดอะ ฟ็อกซ์" โดน เชลซี กระชากตัวไปร่วมทัพ
เลสเตอร์ ไม่สามารถรักษาฟอร์มแชมป์ได้ในซีซั่นถัดมา นั่นทำให้ เคลาดิโอ รานิเอรี่ จำเป็นต้องเก็บเสื้อผ้าอำลาสโมสร โดย เคร็ก เชคสเปียร์ พยายามช่วยเข็นทีมจนสามารถขยับจากอันดับ 17 ไปจบฤดูกาลในอันดับ 12
5. เชลซี ฤดูกาล 2017/2018
เป็นอีกครั้งที่ เชลซี ต้องพบกับความน่าผิดหวังในการป้องกันแชมป์ลีก แต่สำหรับครั้งนี้เป็นฝีมือของ อันโตนิโอ คอนเต้ กุนซือชาวอิตาเลียน ที่สร้างสถิติมากมายในฤดูกาลเปิดตัวที่นำไปสู่การคว้าแชมป์ลีก ซีซั่น 2016/2017
หลังจากนำทีมคว้าแชมป์ลีกได้ คอนเต้ พยายามที่จะปั้นทีมในซีซั่นถัดมา แต่ผลงานของพวกเขาไม่ได้โดดเด่นอย่างที่ตั้งใจเอาไว้ โดยงานนี้ กุนซือเลือดมะกะโรนี ออกโรงจวกบรรดาบอร์ดบริหารที่ไม่ทุ่มเงินเสริมทัพทำให้พลาดเป้าหมายที่ต้องการไปหลายคน และทำให้ "สิงห์บลูส์" ไม่ยกระดับมาตรฐานการเล่นให้ดีขึ้นได้
บทสรุปในฤดูกาล 2017/2018 จบลงด้วยการที่ เชลซี รั้งอันดับ 5 มี 70 คะแนนตามหลัง "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แชมป์ลีกถึง 30 แต้มเลยทีเดียว แต่กระนั้นพวกเขายังได้รางวัลปลอดใจนั่นก็คือแชมป์เอฟเอ คัพ
อย่างไรก็ตามการจบอันดับ 5 ทำให้ เชลซี ไม่ได้โควตาไปลุยศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ซึ่งเป็นครั้งแรกในยุคที่โรมัน อบราโมวิช เข้ามาบริหารยอดทีมแห่งถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์
ทอมเม้ง