เควิน เดอ บรอยน์ จอมทัพแมนซิตี้ แสดงจุดยืนชัดเจนเกี่ยวกับอนาคตในการค้าแข้งว่าจะอยู่ในถิ่นเอติฮัด สเตเดี้ยม ต่อไปหรือย้ายไปโกยเงินที่ลีกประเทศซาอุดีอาระเบียในช่วงซัมเมอร์นี้
เควิน เดอ บรอยน์ เพลย์เมกเกอร์แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ประกาศชัดเจนพร้อมอยู่ค้าแข้งในถิ่นเอติฮัด สเตเดี้ยม ต่อไป แม้ยอมรับว่าเคยพูดคุยกับ ไมเคิ่ล เอเมนาโล่ ผู้บริหารระดับสูงของซาอุดี โปร ลีก ประเทศซาอุดีอาระเบีย ก็ตาม
จอมทัพวัย 33 ปี ซึ่งปัจจุบันอยู่ร่วมกับทีมชาติเบลเยียม เพื่อร่วมชิงชัยศึกยูโร 2024 ตกเป็นข่าวมีความเป็นไปได้สูงที่จะย้ายไปโกยเงินจำนวนมหาศาลในช่วงบั้นปลายอาชีพพ่อค้าแข้งในลีกแดนเศรษฐีน้ำมัน
ขณะเดียวกันมีรายงานว่า เดอ บรอยน์ ได้พูดคุยกับ เอเมนาโล่ ซึ่งเป็นผู้อำนวยการกีฬาของศึกซาอุดี โปร ลีก เมื่อเดือนธันวาคม อย่างไรก็ตามนักเตะระบุว่าการพูดคุยในครั้งนั้นแทบเป็นไปไม่ได้เลยเกี่ยวกับเรื่องการย้ายทีม
ล่าสุด เดอ บรอยน์ ซึ่งเตรียมช่วงทัพ "ปีศาจแดงแห่งยุโรป" ปะทะ ฝรั่งเศส ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย วันจันทร์ที่ 1 กรกฎาคม เคลียร์ชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องอนาคตการค้าแข้งของเขาว่า "ใช่ ผมจะอยู่กับ ซิตี้ ต่อไป ผมได้อ่านข่าวมากมายเกี่ยวกับเรื่องการย้ายทีม แต่ผมไม่เคยพูดกับใครทั้งนั้น"
"ผมได้พบกับเขา (ไมเคิ่ล เอเมนาโล่) ตอนที่ไปแข่งฟุตบอลคลับ เวิลด์ คัพ ผมรู้จัก ไมเคิ่ล ดังนั้นมันเป็นเรื่องปกติที่เราจะพูดคุยเรื่องสัพเพเหระ แต่ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องนั้น (การย้ายทีม) เลย" สตาร์แมนฯ ซิตี้ ระบุ
เดอ บรอยน์ เหลือสัญญาแค่ 12 เดือนในถิ่นเอติฮัด สเตเดี้ยม และยังไม่มีการเซ็นขยายสัญญาใหม่ จากคำถามที่ว่าเขาจะย้ายไปไหนหลังหมดสัญญากับ แมนฯ ซิตี้ โดย นักเตะตอบว่า "มันยากที่จะพูดตอนนี้ เราจะต้องมีการพูดคุยกันในช่วงหลายเดือนต่อจากนี้"
"ผมเซ็นสัญญาในช่วงเวลาที่เหมาะสม ถ้าได้รับข้อเสนอดีๆ และคุณบอกกับ เป๊ป (กวาร์ดิโอล่า) ว่าคุณอยากย้ายทีม นั่นอาจเป็นไปได้ เรื่องแบบนี้อาจแตกต่างจากสโมสรอื่น แต่ผมไม่เคยแสดงออกว่าผมอยากย้ายทีม"
"ผมมีเงินมากพอแล้ว แต่ถ้าเป็นจำนวนเงินมหาศาล นั่นก็สำหรับครอบครัวของผม ญาติของผม หลานและเหลนของผม รวมทั้งเพื่อน ๆ ของผมด้วย" เดอ บรอยน์ กล่าวทิ้งท้าย
ทั้งนี้ เดอ บรอยน์ พลาดช่วย แมนฯ ซิตี้ ในช่วงต้นซีซั่น 2023/2024 เนื่องจากบาดเจ็บกล้ามเนื้อหลังต้นขา และได้ลงสนามในเกมลีกเพียง 18 แมตช์เท่านั้น แต่ทำ 4 ประตูกับ 10 แอสซิสต์ช่วยต้นสังกัดคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 4 สมัยติดต่อกันเป็นทีมแรกในหน้าประวัติศาสตร์ลูกหนังเมืองผู้ดี