ทำเอากองเชียร์ แมนฯ ยูไนเต็ด หายใจไม่ทั่วท้องเมื่อขุนพล ปีศาจแดง เปิดบ้านเฉือนชนะ เวสต์แฮม ของ เดวิด มอยส์ เจ้านายเก่าไปได้แบบน้ำลายเหนียว 1-0 ในเกม พรีเมียร์ลีก ที่สนาม โอลด์ แทรฟฟอร์ด เมื่อวันอาทิตย์ที่ 30 ต.ค.
แรกทีเดียวดูเหมือนเจ้าบ้านจะเก็บสามแต้มได้ไม่ยากเมื่อเล่นได้เหนือกว่าอาคันตุกะ ทว่านับตั้งแต่ทีมเมืองกรุงแก้เกมได้อย่างถูกจุด เท่านั้นแหละสาวก เร้ด อาร์มี่ ก็พากันใจคอไม่สู้ดีมากขึ้นเป็นลำดับ แต่สุดท้ายแล้ว ผีแดง ยังดวงแข็งรักษาสกอร์คว้าชัยได้สำเร็จจากประตูโทนของ มาร์คัส แรชฟอร์ด
1. มีเซอร์ไพรส์ โรนัลโด้ ได้ออกสตาร์ต
เจ้าบ้านทำเซอร์ไพรส์เล็กๆเมื่อ เอริค เทน ฮาก จัดทัพรับมือ เวสต์แฮม ด้วยการส่ง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ออกสตาร์ตเป็นตัวจริงในเกมลีกจนได้ซึ่งครั้งสุดท้ายที่ ซีอาร์เซเว่น ได้ลงสนามตั้งแต่ต้นเกมในรายการนี้เป็นเกมเฝ้าบ้านเสมอกับ นิวคาสเซิ่ล 0-0 เมื่อวันที่ 16 ต.ค.
นอกนั้นตำแหน่งอื่นๆล้วนเป็นไปตามความคาดหมายโดย แฮร์รี่ แม็กไกวร์ กัปตันทีมแย่งตำแหน่งจาก วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ ที่มีอาการป่วยออกสตาร์ตเกมลีกเป็นนัดแรกของเขานับตั้งแต่วันที่ 13 ส.ค.เป็นคู่ขาของ ลิซานโดร มาร์ติเนซ หลังจาก ราฟาแอล วาราน บาดเจ็บ
ขณะเดียวกัน แอนโธนี่ อีแลงก้า ได้รับโอกาสเช่นกันโดย อเลฮานโดร การ์นาโช่ หลุดไปนั่งเป็นตัวสำรองพร้อมกับที่ ลุค ชอว์ กลับมารับบทแบ็คซ้ายตัวจริงแทนที่ ไทเรลล์ มาลาเซีย แต่เกมนี้ ผีแดง ไม่มี อันโตนี่ ปีกขวาแซมบ้าที่บาดเจ็บเล็กน้อย
รวมเบ็ดเสร็จ เทน ฮาก ปรับทัพจากเกมเฝ้าบ้านชนะ เชอริฟฟ์ 3-0 ในศึก ยูโรปาลีก สี่รายโดยที่ แม็กไกวร์ , ชอว์ , อีแลงก้า และ มาร์คัส แรชฟอร์ด ได้ลงเล่นเป็น 11 คนแรก
2.เซาธ์เกต ควง ตีเต้ บุกโรงละคร
แกเร็ธ เซาธ์เกต กุนซือทีมชาติ อังกฤษ เป็นหนึ่งในสักขีพยานคนดังที่ปรากฏตัวใน โอลด์ แทรฟฟอร์ด ดูเกมการฟาดแข้งระหว่าง แมนฯ ยูไนเต็ด กับ เวสต์แฮม เช่นเดียวกับ ตีเต้ นายใหญ่ทีมชาติ บราซิล
แน่นอนว่าแม้ทั้งสองทีมจะมีขุนพล ทรี ไลอ้อนส์ อยู่ในสังกัดหลายราย แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่านายใหญ่ สิงโตคำราม มีเจตนาเข้ามาส่องฟอร์มของสองนักเตะทีมเจ้าบ้านมากที่สุด
รายแรกย่อมหนีไม่พ้น แฮร์รี่ แม็กไกวร์ เซ็นเตอร์ฮาล์ฟคนโปรดของ เซาธ์เกต เองซึ่งเกมนี้ได้กลับมาลงเล่นเป็นตัวจริง และโชว์ฟอร์มได้ไม่เลว ตอกย้ำถึงการมีชื่อบินไปเล่น ฟุตบอลโลก เดือนหน้าอย่างไม่มีปัญหา
ส่วนอีกรายย่อมได้แก่ มาร์คัส แรชฟอร์ด กองหน้า ผีแดง ที่กลับมาอยู่ในฟอร์มเก่งอีกครั้ง และเป็นขุนพลตัวหลักอีกรายของ เทน ฮาก อย่างชัดเจนแล้วหลังเจ้าตัวกลับมาระเบิดลีลากระซวกตาข่ายได้อย่างน่าเกรงขาม
ด้าน ตีเต้ บินข้ามน้ำข้ามทะเลมาดูผลงานของสองมิดฟิลด์ กาเซมีโร่ กับ เฟร็ด ซึ่งเกมนี้อดีตดาวเตะทีม เรอัล มาดริด ได้ออกสตาร์ต ขณะที่คู่หูของเขาในทีม เซเลเซา ถูกส่งลงเล่นเป็นตัวสำรองในช่วงสิบนาทีสุดท้ายแทน คริสเตียน เอริคเซ่น แถมมิดฟิลด์หัวกระเซิงเกือบพังประตูได้ด้วยจากลูกโขกที่ส่งบอลชนเสา
3.แรชฟอร์ด ได้เฮฉลองเบญจเพส
ในที่สุด แรชฟอร์ด ก็ทำในสิ่งที่เจ้าตัวปรารถนาสำเร็จลุล่วงจนได้เมื่อโขกบอลตุงตาข่ายในจังหวะที่ เอริคเซ่น สาดข้ามฟากมาให้พาทีม แมนฯ ยูไนเต็ด ออกนำ 1-0 ในนาทีที่ 38 โดยก่อนหน้านี้ในช่วงต้นเกม สตาร์ทีมชาติ อังกฤษ มีโอกาสคลำเป้าเช่นกัน แต่ยังไม่เป็นผล
ในเกม ยูโรปาลีก นัดเปิดบ้านถล่ม เชอริฟฟ์ 3-0 เมื่อกลางสัปดาห์ แรชฟอร์ด เพิ่งซัดประตูที่ 99 ของเขากับ ผีแดง ไปหมาดๆแม้จะลงเล่นเป็นตัวสำรอง แต่ถัดมาอีกแค่สามวัน เขาก็ทำได้ตามที่ตั้งใจด้วยการกระทุ้งให้ต้นสังกัดครบ 100 ประตูในทุกรายการเรียบร้อยแล้ว
จากผลงานดังกล่าว ส่งผลให้สตาร์ผิวสีเป็นดาวเตะทีม ปีศาจแดง รายที่ 22 ที่คลำเป้าได้ครบ 100 ประตู และเป็นรายแรกที่ทำได้สำเร็จต่อจาก เวย์น รูนีย์ ในปี 2009
ขณะเดียวกัน มันเป็นประตูที่สี่ในลีกซีซั่นนี้ของ แรชฟอร์ด ด้วยซึ่งแน่นอนว่าทำให้เขาเป็นดาวซัลโวในรายการนี้ของสโมสร อีกทั้งเขาจะได้ฉลองวันเกิดอายุครบ 25 ปีอย่างยิ่งใหญ่เนื่องจากสตาร์อิงลิชมีวันคล้ายวันเกิดตรงกับเกิดวันที่ 31 ต.ค.
4.อันโตนิโอ ตัวแสบของ ขุนค้อน
หลังจากมีเกมในครึ่งแรกแย่กว่า แมนฯ ยูไนเต็ด หลายช่วงตัว เดวิด มอยส์ ก็แก้ลำด้วยการส่ง มิคาอิล อันโตนิโอ ตัวรุกจอมแสบประจำทีมลงไปสร้างปัญหาให้กับเจ้าถิ่นในนาทีที่ 57 แทน จานลูก้า สคามัคก้า และส่งผลให้เกมของ เดอะ แฮมเมอร์ส วูบวาบขึ้นทันตาเห็น
ตลอด 45 นาทีแรก ขุนค้อน ไม่มีโอกาสส่งบอลเข้ากรอบเลยจากโอกาสส่องยิงสามหน ขณะที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ลองซัด 9 ครั้ง และเข้ากรอบ 3 ครั้งพร้อมทั้งได้มาหนึ่งประตู
จนในที่สุด ทีมจากลอนดอนก็สามารถบีบให้ ดาบิด เด เคอา ต้องออกแรงเซฟเป็นหนแรกของเกมในช่วงยี่สิบนาทีสุดท้ทายโดยมี อันโตนิโอ เป็นตัวชูโรงสร้างความหนักใจให้กับแผงหลัง อสูรแดง ซึ่งแม้สุดท้ายแล้วพวกเขาจะบุกมาแพ้อีกตามเคย 1-0 แต่รวม 90 นาที เวสต์แฮม มีโอกาสกระทุ้งทั้งหมด 13 ครั้ง และเข้ากรอบ 5 ครั้ง เหนือกว่า แมนฯ ยูไนเต็ด ด้วยซ้ำที่ได้ส่องยิงเพิ่มเป็น 16 ครั้ง และเข้ากรอบ 3 ครั้งเท่าเดิมจากเกมในครึ่งแรก
5.มอยส์ ยังทำลายอาถรรพ์ไม่ได้
ต่อให้คุมทีมโชว์ฟอร์มได้อย่างน่าประทับใจขนาดไหน มอยส์ ก็เหมือนต้องคำสาปที่ไม่อาจพาทีมเอาชนะคู่ปรับในเกมบุกเยือนกลุ่มบิ๊กซิกซ์ได้เลยแม้แต่ครั้งเดียวซึ่งนัดล่าสุดที่พ่าย ปีศาจแดง แบบเฉียดฉิวก็เป็นแบบนั้นเช่นกัน
และนี่คือสถิติที่เลวร้ายของทั้งผู้จัดการทีมสัญชาติวิสกี้ และ เวสต์แฮม หลังจบเกมที่ โรงละครแห่งความฝัน
-เวสต์แฮม แพ้เกมเยือนใน พรีเมียร์ลีก นับตั้งแต่ปี 2022 เป็นนัดที่ 11 แล้วซึ่งไม่มีทีมไหนแย่ไปกว่านี้อีก และมันเป็นสถิติที่เลวร้ายที่สุดของพวกเขานับตั้งแต่ปี 2013 ซึ่ง เดอะ แฮมเมอร์ส เคยแพ้เกมเยือนใน พรีเมียร์ลีก มากถึง 12 นัด
-มอยส์ ไม่เคยชนะเกมเยือน พรีเมียร์ลีก ที่สนาม โอลด์ แทรฟฟอร์ด เลยรวมเป็น 16 นัดแล้วจากผลงานเสมอ 4 แพ้ 12 แบ่งเป็นสมัยคุม เอฟเวอร์ตัน 11 นัด , ซันเดอร์แลนด์ 1 นัด และ เวสต์แฮม 4 นัด
-เวสต์แฮม แพ้เกมเยือน พรีเมียร์ลีก ให้กับ แมนฯ ยูไนเต็ด มากกว่าทุกทีมที่พวกเขาบุกไปเยือนรวม 22 นัดแล้ว มีเพียง สเปอร์ส ทีมเดียวที่บุกมาแพ้ที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด มากกว่าเป็นอันดับหนึ่งรวม 24 นัด
มอยส์ ไม่เคยคุม เวสต์แฮม บุกมากำชัยเหนือทีมในกลุ่มบิ๊กซิกซ์เลยแม้แต่เกมเดียวไม่ว่าจะเป็นการบุกไปต่อกรกับ แมนฯ ซิตี้ ,ลิเวอร์พูล , เชลซี , อาร์เซน่อล , สเปอร์ส และ แมนฯ ยูไนเต็ด โดยเขาคุมทีมเก็บได้แค่สองแต้มเท่านั้นจาก 19 นัดในลีก แถมซีซั่นนี้พาทีมออกไปแพ้ หงส์แดง มาแล้ว 1-0 ที่ แอนฟิลด์ และแพ้ สิงห์บลูส์ ที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ 2-1 ก่อนแพ้ ผีแดง 1-0 ในเกมล่าสุด