ชักจะยังไงซะแล้วสำหรับซีซั่นนี้เมื่อ ลิเวอร์พูล ไม่อาจสร้างผลงานที่ดีอย่างต่อเนื่องได้ และเสียท่าให้กับทีมรองบ่อนอีกตามเคย
ก่อนหน้านี้ ทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ เพิ่งเสียเซลฟ์ออกไปโดน ฟอเรสต์ สยบ 1-0 มาคราวนี้ก็ถูก ลีดส์ ทีมในโซนท้ายตารางอีกรายบุกมาเอาชนะถึง แอนฟิลด์ ด้วยสกอร์ 2-0 ส่งผลให้ หงส์แดง ลงเล่นในเกม พรีเมียร์ลีก ไปแล้ว 12 นัด และมีผลงานชนะ เสมอ และแพ้อย่างละสี่นัดเท่ากันเป๊ะ
1.หงส์ เปลี่ยนตัวเดียวได้ ติอาโก้ คืนฟิต
ลิเวอร์พูล เปลี่ยนโผ 11 คนแรกแค่รายเดียวจากเกม แชมเปี้ยนส์ลีก นัดบุกชนะ อาแจ็กซ์ 3-0 หลังได้ ติอาโก้ เพลย์เมคเกอร์คนสำคัญฟิตสมบูรณ์กลับมาลงบู๊ และส่งผลให้กัปตันทีม จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กระเด็นไปนั่งข้างสนาม
ด้าน เจมส์ มิลเนอร์ อดีตขุนพลทีม ลีดส์ มีชื่อเป็นตัวสำรอง ขณะที่ ยูงทอง โรเตชั่นทีมสามตำแหน่งจากเกมล่าสุดที่แพ้ ฟูแล่ม คารัง 3-2
กระนั้นก็ดี หากจะเทียบจากเกมลีกนัดก่อนที่ออกไปแพ้ ฟอเรสต์ 1-0 หงส์แดง ปรับโผสามรายโดยมี เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ , ติอาโก้ และ ดาร์วิน นูนเญซ เสียบแทน มิลเนอร์ , เคอร์ติส โจนส์ และ ฟาบิโอ คาร์วัลโญ่
2.ครึ่งแรก ยูงทอง สู้ได้สนุก
แม้เปอร์เซนต์การครองบอลของ ลีดส์ ในฐานะทีมเยือนจะเป็นรอง หงส์แดง บานเบอะตามคาด 69:31% แต่จากจังหวะทำเสียว บอกเลยว่าทีมของ เจสซี่ มาร์ช ไม่ได้เป็นรองเจ้าบ้านแต่อย่างใดในทุกๆครั้งที่พวกเขาได้โอกาสโต้กลับ
รวม 45 นาทีแรกของเกมซึ่งทั้งสองทีมเสมอกัน 1-1 ลิเวอร์พูล ได้ง้างยิงน้อยกว่าด้วยซ้ำ 6:9 ครั้ง แต่ทั้งสองทีมส่งบอลเข้ากรอบเท่ากัน 3 ครั้ง และเจ๊ากันไปโดย เร้ด แมชีน ก่อความผิดพลาดตั้งแต่นาทีที่ 4 เสียประตูให้คู่แข่งก่อนอีกจนได้จากฝีเท้าของ โรดรีโด้ ก่อนจะมาได้ โม ซาลาห์ ตีเสมออย่างไวในนาทีที่ 14
3.ซาลาห์ ไม่พลาด แต่ไม่พอ
ถึงตอนนี้ โม ซาลาห์ มีส่วนเกี่ยวข้องกับแปดประตูของทีมแล้วสำหรับเกมที่เขาได้ออกสตาร์ตบู๊กับ ลีดส์ ในศึก พรีเมียร์ลีก สี่นัดนับตั้งแต่ปี 2020
ดาวยิงทีมชาติ อียิปต์ ไม่ทำให้สาวก เร้ด แมชีน ผิดหวังเมื่อเช็คบิล ยูงทอง ได้อีกตามเคยพาทีมเจ้าบ้านตีเสมอลูกยิงช่วงต้นเกมของ โรดรีโก้ ได้ แต่ลงเอยแล้วมันไม่เพียงพอที่จะทำให้ทีมดังของเมอร์ซีย์ไซด์ประสบกับชัยชนะ ซ้ำร้ายยังพ่ายคารังอีกด้วยแม้เจ้าตัวจะมีโอกาสเช็คบิลเพิ่มอีกหลายครั้งก็ตาม
อย่างไรก็ดี ยูงทอง ถือเป็นทีมที่ ซาลาห์ ชื่นชอบในการสอยตาข่ายมากเป็นพิเศษเนื่องจากดาวยิงไอยคุปต์คลำเป้าคู่แข่งรายนี้ได้เพิ่มเป็นเจ็ดเม็ดแล้วซึ่งถือเป็นสถิติที่ดีที่สุดที่ บังโม มีต่อคู่แข่งทุกราย
4.เมส์ลิเยร์ ตัวแปรสำคัญ
ในเกมที่เป็นรองคู่แข่ง ปราการหลังและนายทวารของแต่ละทีมถือเป็นหัวใจสำคัญที่สามารถเป็นตัวแปรต่อการเปลี่ยนผลลัพธ์จากร้ายให้กลายเป็นดีได้
และในที่สุด อิลลัน เมส์ลิเยร์ ก็กลายเป็นฮีโร่ของ ลีดส์ ที่ แอนฟิลด์ เมื่อโชว์ความเหนียวหนึบป้องกันประตูได้อย่างยอดเยี่ยม เปิดโอกาสให้ ซาลาห์ ส่งบอลตุงตาข่ายแค่หนเดียวเท่านั้น นอกนั้นมือกาวชาวเมืองน้ำหอมเซฟได้อย่างหมดจดจนถือเป็นหนึ่งในเกมที่ดีที่สุดของเขาเลยก็ว่าได้
ในฐานะที่ ลีดส์ เป็นรอง ลิเวอร์พูล หลายขุม เมสลิเยร์ โดนเจ้าถิ่นส่องยิงตลอดทั้งเกม 22 ครั้งโดยที่บอลเข้ากรอบ 10 ครั้ง แต่เขาเสียประตูไปเม็ดเดียวเท่านั้นซึ่งเป็นการประวิงเวลาที่ดีก่อนที่ ยูงทอง จะมีฮีโร่อีกคนของเกม
5.แฮปปี้เบิร์ธเดย์ ซัมเมอร์วิลล์
นอกจาก เมส์ลิเยร์ แล้ว ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่า คริสเซนซิโอ ซัมเมอร์วิลล์ ปีกชาวดัตช์เป็นวีรบุรุษอีกรายของ ลีดส์ เช่นกันเพราะหากไม่ได้ประตูของเขาในนาทีที่ 89 ยูงทอง ก็อาจทำได้ดีที่สุดแค่แบ่งแต้มออกจาก แอนฟิลด์ ด้วยผลเสมอ 1-1
อันที่จริง ในเกมก่อนหน้านี้ที่ ลีดส์ เสียท่าคารังแพ้ ฟูแล่ม 3-2 ซัมเมอร์วิลล์ ยิงประตูได้ด้วย แต่เป็นสกอร์ในช่วงทดเจ็บที่ทีมไม่อาจแชร์แต้มกับ เจ้าสัวน้อย ได้ทันเวลา
จนมาในเกมที่ แอนฟิลด์ ดาวเตะวัย 21 ปีก็ได้ฉลองวันเกิดล่วงหน้า (30 ต.ค.) อย่างสุดวิเศษด้วยการสอยตาข่ายให้ทีมบุกมาพิชิต เร้ด แมชีน 2-1 ซึ่งนอกจากจะสร้างฝันให้เป็นจริงแล้ว มันยังเป็นของขวัญวันเกิดชิ้นที่สำคัญที่สุดในอาชีพนักเตะของเขาอย่างไม่ต้องสงสัยที่ทำให้ ลิเวอร์พูล แพ้คาบ้านเป็นเกมแรกในรอบ 29 นัด แถม เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ กองหลังตัวเก่งของ เร้ด แมชีน ยังแพ้เกมลีกนัดเหย้าเป็นครั้งแรกของเขาหลังย้ายมาจาก เซาธ์แฮมป์ตัน เมื่อปี 2018 เช่นกัน