เชลซี ได้ปิดภารกิจเฟ้นหาโค้ชใหม่เรียบร้อยหลังจากที่เลือก เอ็นโซ่ มาเรสก้า เข้ามารั้งบังเหียนภายใต้สัญญาระยะยาว 5 ปีพ่วงด้วยอ็อปชั่นขยายเพิ่มอีกปี
ชื่อเสียงของเขาใช่ว่า "โนเนม" เสียทีเดียวจากผลงานผ่านหูผ่านตามากับ เลสเตอร์ ซิตี้ ชุดคืนเวทีพรีเมียร์ลีกสดๆ ร้อนๆ แต่นอกจากนั้นมีเหตุผลอะไรบ้างที่เหมาะสมแก่งานใหม่ชิ้นนี้
นี่คือ 5 เหตุผลที่อาจจะบ่งบอกได้ว่า มาเรสก้า คือคนที่ใช่!
1. อาร์เตต้า โมเดล
หลังตั้งไข่เป็นสตาฟฟ์โค้ช อัสโคลี่ ในลีกรองอิตาลี ประเทศบ้านเกิด มาเรสก้า อดีตมิดฟิลด์ เวสต์บรอมวิช กลับมายังเกาะอังกฤษเมื่อซัมเมอร์ปี 2020 ได้เรียนรู้งานจากสุดยอดกุนซือระดับ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่รั้วสโมสร แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สะสมทั้งเรื่องแท็กติก-วิธีการซ้อมจนถึงปี 2021 ก็ย้ายไปเติบโตรับงานคุม ปาร์ม่า ซึ่งตอนนั้นอยู่ในเซเรีย บี
อย่างไรก็ดี มาเรสก้า ไม่สามารถพาทีม "จัลโล่บลู" เลื่อนชั้นได้ทันทีจนถูกปลดในฤดูกาลเดียว กระทั่งปี 2022 ได้หวนคืนถิ่น เอติฮัด สเตเดี้ยม เป็น 1 ในโค้ชผู้ช่วยของ เป๊ป ซึ่งดูเส้นทางแล้วคล้ายคลึงกับ มิเกล อาร์เตต้า ศิษย์เก่า กวาร์ดิโอล่า ที่เพิ่งได้รางวัลยอดเยี่ยมจากการยกระดับ อาร์เซน่อล สู่ทีมลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก
2. ปรัชญา และความสำเร็จกับ เลสเตอร์
ฤดูร้อนปี 2023 มาเรสก้า บินเดี่ยวอีกครั้งเมื่อเซ็นสัญญา 3 ปีคุม เลสเตอร์ ที่เพิ่งตกชั้นจากพรีเมียร์ลีกพร้อมกับสูญเสีย 2 คีย์แมนแดนกลางทั้ง เจมส์ แมดดิสัน และ ยูริ ตีเลอมันส์ แต่ยังคงทำผลงานได้เยี่ยมยอดด้วยแผนการเล่น 4-3-3 สลับกับ 4-2-3-1 เน้นการครองบอล รวมถึงใช้ อินเวิร์ต ฟูลแบ็ก ที่มีประสิทธิภาพจับต้องได้ในลีกใหญ่ยุโรป
กุนซือหนุ่มอิตาเลียนพาทีมจิ้งจอกคว้าแชมป์ลีกแชมเปี้ยนชิพตั้งแต่ยังไม่ปิดซีซั่น พร้อมตีตั๋วคืนเวทีลีกสูงสุดได้ภายในปีเดียวตามเป้าหมาย เรื่องนี้พิสูจน์ให้เห็นว่าเขาปรับตัวภายใต้ความกดดันได้ดี
3. ใส่ใจในดาวรุ่ง
มาเรสก้า มีทักษะชั้นดีอย่างหนึ่งเหมือนโค้ชระดับท็อปหลายๆ ราย ซึ่งก็คือความใส่ใจพิถีพิถันในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ทั้งการฝึกซ้อม และเกมสนามจริง นอกจากนี้ยังมีส่วนร่วมพัฒนานักเตะดาวรุ่งมากมาย
ใกล้ตัวที่สุด โคล พาลเมอร์ ว่าที่ลูกทีมคนใหม่หน้าเก่า เคยร่วมงานกันในรั้ว "เรือใบสีฟ้า" ตลอดจนอ้ายแอ้ด แมนฯ ซิตี้ รุ่นหลังๆ อย่าง ริโก้ ลูอิส หรือ ออสการ์ บ็อบบ์ ก็เช่นกัน ทั้งหมดนั้นตรงตามนโยบายสโมสร เชลซี ที่ต้องการพัฒนานักเตะอายุน้อยที่มีอยู่เต็มทีม
4. สร้างบรรยากาศดีมีอารมณ์ร่วม
มาเรสก้า ได้รับคำชื่นชมในการสร้างสปิริตทีมที่ดี ตลอดจนความสัมพันธ์ระหว่างนักเตะด้วยกัน ไม่ว่าสมัยคุม ปาร์ม่า ที่นำโดยแข้งเก๋า-เก๋าอย่าง จานลุยจิ บุฟฟ่อน หรือสมัยอยู่ แมนฯ ซิตี้ ต่างไม่เคยมีปัญหากระทบกระทั่งกับใคร
ขณะเดียวกัน ยังมีเนื้อหาอ้างอิงจากบทความ "Enzo Maresca: Football obsessive and Pep Guardiola disciple whose ‘idea’ is total domination" เรียบเรียงโดย จอห์น เพอร์ซี่ นักข่าวค่าย เทเลกราฟ ระบุว่านายใหญ่หัวเหม่งคนนี้มีอารมณ์ร่วมหลงใหลในเกมฟุตบอลมากๆ มักจะใช้เวลาว่างวันหยุดไปกับการเตรีจยมทีม วางแผนฝึกซ้อม มีความทะเยอทะยานที่จะพัฒนาตัวเอง และทีมอยู่ตลอดเวลา
5. ความยั่งยืน
บนวัย 44 ปีไม่มากไม่น้อยตรงกับสเป๊กที่ ท็อดด์ โบห์ลี่ และบอร์ดบริหารทีม "สิงโตน้ำเงินคราม" วางเอาไว้ ดูแล้วเหมาะสมกับแผนการสร้างทีมที่มั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว
เทียบกับโค้ชคนก่อนๆ จะเห็นข้อแตกต่างโดย โธมัส ทูเคิ่ล กับ แกรม พ็อตเตอร์ ต่างอยู่ในวัย 40 ตอนปลาย ในราย เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ปาเข้าไป 52 มีแค่ แฟร้งค์ แลมพาร์ด ที่อายุไล่ๆ กันกับ มาเรสก้า