ความภูมิใจที่ใครก็ขโมยไปจาก อาร์เซนอล ไม่ได้

ความภูมิใจที่ใครก็ขโมยไปจาก อาร์เซนอล ไม่ได้
การชูมือขอบอลอย่างกระตือรือร้นของ ไค ฮาแวร์ตซ์ คือความชัดเจนที่สุด..

"รีบโยนมาทางนี้ โอกาสทองแล้ว"

เขารู้ว่าตัวเองไม่ล้ำหน้าแน่นอน และมันคือโอกาสสำคัญที่อาจจะหาไม่ได้อีก

การไม่ล้ำหน้าจากแนวแผงหลังของคู่แข่งนั้นเรื่องหนึ่ง แต่การไม่ล้ำหน้าจากการมีนักเตะคู่แข่งหนึ่งคนยืนห้อยอยู่นั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่งเลย

เพราะการไม่ล้ำหน้าแบบแรก แนวรับคู่ต่อสู้ยังรีบถอยลงมาช่วยป้องกันได้ทั้งแผง แต่อย่างหลังคุณจะมีพื้นที่โล่งและมีเวลาพอสมควรให้คิดให้ทำสิ่งที่ควรจะทำ

ไค ฮาแวร์ตซ์ ได้โอกาสนั้น จากการมอบให้ของกาเซมิโร่

เป็นอีกเกมที่ กาเซมิโร่ ถูกวิจารณ์ถึงผลงานในสนาม จังหวะนั้นเขาไม่ได้รีบขยับตัวขึ้นไปให้พ้นแนวผู้เล่นคนหน้าสุดของคู่แข่งเหมือนที่เพื่อนร่วมทีมทำ ดูคล้ายกับจะไม่ตื่นตัวเท่าใดนัก

จังหวะอย่างนี้เป็นความเสี่ยงเพราะบอลที่เปิดยาวจากประตูขึ้นไปไม่มีอะไรรับประกันได้เลยว่าบอลจะเป็นของฝ่ายไหน

ถ้าทีมของตนจะเก็บบอลได้ก็แล้วไป แต่ถ้าเป็นในทางตรงกันข้ามมันหมายความว่าหากบอลถูกแทงคืนกลับมาอย่างรวดเร็วมันจะกลายเป็นการโจมตีที่อันตรายทันทีเพราะตัวบนสุดคนนั้นไม่ล้ำหน้า

และเมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ยังเปิดโอกาสให้ ฮาแวร์ตซ์ มีเวลามากพอที่จะรอจน เลอันโดร ทรอสซาร์ สปรินต์จากนอกเขตโทษเยื้องไปทางซ้ายเข้าสู่จุดสังหารกลางประตูระยะแค่ 6 หลาอีก

จอนนี่ อีแวนส์ กวดมาทันและรักษาระยะห่างไม่ให้ ฮาแวร์ตซ์ เลี้ยงตัดเข้ากลาง แต่การคุมห่างของเขาส่งผลอีกแบบเพราะเวลาที่ถูกยืดออกไปนั้นช่วยให้ ทรอสซาร์ วิ่งเข้าจุดนัดพบได้ทันโดยที่ดาวเตะเยอรมันยังมีช่องว่างเหลือเฟือที่จะผ่านบอลเข้าไปยังจุดนั้น

ประตูขึ้นนำของอาร์เซน่อลได้มาโดยแมนฯ ยูไนเต็ด พลาดเปิดโอกาสให้เอง และพวกเขาก็ลงโทษเจ้าถิ่นอย่างเด็ดขาด

ที่สำคัญมันกลายเป็นประตูเดียวของเกมทำให้ทีมได้สามคะแนนที่ต้องการที่สุด

เกมแพลนของอาร์เซน่อลในเกมนี้ชัดเจน เล่นเพื่อ 3 แต้ม ไม่เสี่ยง ไม่รีบ ไม่เร่ง เน้นความแน่นอน

มันเป็นเกมที่ดูผิดไปจากธรรมชาติของอาร์เซน่อลอยู่สักหน่อย ฤดูกาลนี้เราได้เห็นทีมปืนใหญ่เปิดเกมรุกต่อเนื่อง มีความพยายามที่จะทำประตู ยิงได้แล้วก็บุกต่อเพื่อยิงเพิ่ม

มันเป็นอย่างนี้เสมอมา มีเพียงเกมเยือน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เมื่อปลายเดือนมีนาคมเท่านั้นที่ มิเกล อาร์เตต้า เน้นความรัดกุมชัดเจน

ไม่เปิดเกมบุก ไม่เปิดหน้าแลก ตั้งใจเล่นเพื่อเอาคะแนนกลับลอนดอน หนึ่งคะแนนคือเป้าหมาย สามคะแนนคือโบนัส

จากเกมนั้นแล้วก็คงจะเป็นเกมนี้ ที่ความเข้มข้นในเกมบุกของอาร์เซน่อลไม่ใช่สิ่งที่ปรากฏให้เห็น

พวกเขาประคองตัว ควบคุมสถานการณ์ เล่นให้แน่น ปิดช่องว่างทั้งหมดไม่ให้นักเตะยูไนเต็ดได้มีโอกาสทำประตู

อาร์เซน่อลทำได้ดีถ้าดูจากโอกาสอันน้อยนิดของทีมปีศาจแดง ยิ่งในสภาพทีมที่ตัวหลักหายเกลี้ยงหาคนเปลี่ยนเกมแทบไม่เจอด้วยแล้วทีมของ เอริก เทน ฮาก ก็เจอภารกิจที่ยากจริง ๆ หลังเสียประตู

ชนะเท่าไหร่ไม่ใช่เรื่องสำคัญ หัวใจของมันคือต้องชนะเท่านั้น อาร์เซน่อลยึดมั่นในเป้าหมายนี้และบรรลุมันได้สำเร็จ

เป็นการทำได้ตามเป้าหมายก่อนเข้าสู่เกมปิดฤดูกาล..

------------

ไม่ว่าผลสุดท้ายจะออกมาเป็นอย่างไร นี่คือฤดูกาลที่สาวกเดอะกันเนอร์สทุกคนสามารถภาคภูมิใจได้เต็มที่

ภาคภูมิใจกับทีมรักที่เติบโตขึ้นไปอีก และตอบทุกคำถามได้อย่างหมดจด

โอเคล่ะครับสำหรับใครที่เป็น Perfectionist ทุกอย่างต้องสมบูรณ์แบบที่สุด อาร์เซน่อลไม่ควรแพ้ แอสตัน วิลล่า เพราะนั่นคือจุดพลิกผันที่ทำให้ทีมอยู่ในสถานการณ์เป็นรอง แมนฯ ซิตี้

แต่ก็คงต้องถามกลับว่าแล้วผลงานชนะ 15 จากช่วงยิงยาว 17 เกม แพ้แค่ครั้งเดียวต่อวิลล่าและบุกเสมอแมนฯ ซิตี้ ที่เอติฮัด สเตเดี้ยม ไม่มีความหมายกับคุณเลยจริง ๆ หรือ

หรือการชนะ 8 นัดติดตั้งแต่เดือนมกราคมถึงมีนาคม ต่อด้วยการเอาตัวรอดจากฝันร้ายเดือนเมษายนฤดูกาลที่แล้ว (ปีก่อนเสีย 9 คะแนน ปีนี้เสียแค่ 3 คะแนน) และการตอบสนองความพ่ายแพ้ต่อทีมสิงห์ผงาดด้วยการเดินหน้าชนะ 5 นัดรวด

ในจำนวน 5 นัดรวดที่ชนะนั้นมีเกมถล่มเชลซี บุกชนะสเปอร์ส และบดแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เก็บสามคะแนนสำคัญเข้าสู่นัดปิดฤดูกาลได้หมดจดรวมอยู่ด้วย..

มันยังไม่เพียงพอต่อการเป็นที่พอใจอีกหรือ

เสียดายส่วนเสียดาย แต่กับความเป็นจริงที่เกิดขึ้น อาร์เซน่อล ยกระดับมาตรฐานของตัวเองขึ้นมาลุ้นแชมป์เต็มตัวยิ่งกว่าเดิมอย่างปราศจากข้อสงสัย

ส่วนจะดีพอหรือยังดีไม่พอที่จะโค่นแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็เป็นเรื่องที่อีกเพียงไม่กี่วันเราจะได้คำตอบ แล้วจากนั้นชีวิตก็ก้าวต่อไป

เปลี่ยนจุดอ่อนให้เป็นจุดแข็งให้ดี ปรับจุดด้อยให้เป็นจุดเด่นให้ได้ คนที่มีหน้าที่ทำงานก็ต้องทำงานเหล่านั้นต่อไป ไม่มีใครอยู่เฉย

อาร์เซน่อลไม่ได้โยนฤดูกาลนี้ทิ้งด้วยความพ่ายแพ้ต่อแอสตัน วิลล่า เกมเดียวหรอก ตรงกันข้ามพวกเขาแสดงให้เห็นการตอบสนองที่จริงจังและหัวจิตหัวใจที่มั่นคงด้วยการผ่านด่านทดสอบใหญ่ ๆ แบบเก็บเรียบทั้งหมด

เปรียบเทียบกับความตุปัดตุเป๋ในช่วงเมษายนอันบีบคั้นเมื่อปีที่แล้ว เสมอลิเวอร์พูล แล้วต่อด้วยเสมอเวสต์แฮม เสมอเซาธ์แฮมป์ตัน ปิดด้วยการถูกแมนฯ ซิตี้ บอมบ์ยับ

ไปแล้วไปเลย ตั้งหลักกลับมาก็ไม่ทันเสียแล้ว

กับปีนี้มันเป็นอีกภาพหนึ่งเลย เหมือนเด็กวัยรุ่นที่เติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ ล้มแล้วตั้งสติ เข้าใจมัน ลืมให้เร็ว และแก้ตัวได้ทันที

ถ้าจะมองหาช่วงเวลาที่อาร์เซน่อลหลุดออกข้างทางจริง ๆ ในซีซั่นนี้ มันเกิดขึ้นในช่วงเดือนธันวาคมต่างหาก ทีมปืนใหญ่เสียไป 11 จาก 21 คะแนนที่มีให้เก็บในเดือนนั้น

แต่ในภาพรวมแล้ว No matter what..

ไม่ว่าจะจบอย่างไร แล้วมันทำไมเล่า ต่อให้จบด้วยการเป็นพระรอง ต้องรอคอยแชมป์ลีกต่อไป มันก็ลบล้างความภาคภูมิใจที่ทุกคนร่วมกันสร้างขึ้นมาไม่ได้

ถึงจุดนี้ ผมคิดว่าแฟนบอลทีมปืนใหญ่สามารถภูมิใจในทีมของพวกคุณได้อย่างที่สุด

ภูมิใจที่ทีมตอบคำถามยาก ๆ ทั้งจากคนนอกและคนในเองได้ทั้งหมด ตอบมันได้ครบทุกข้อ ทั้งยังสร้างผลงานที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม

ความรู้สึกลุ้นแชมป์ยาว ๆ แบบนี้ของอาร์เซน่อลเกิดขึ้นหนสุดท้ายเมื่อไหร่กันนะ

ฤดูกาลก่อน? มันก็ยาวนานเอาเรื่อง แต่พอพ้นเดือนเมษายนสถานการณ์ก็พลิกผันเสียแล้ว

ฤดูกาลก่อนนั้น ก่อนนั้น และก่อนนั้นขึ้นไปอีก.. ไม่มีเลย

ไม่มีจนพอจะพูดได้ว่าย้อนไปได้กระทั่งถึงฤดูกาลอินวินซิเบิล 2003/04 นั่นแหละ

ยี่สิบปีแล้วนะครับที่อาร์เซน่อลเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกหนล่าสุด ตอนนั้นไอโฟนรุ่นหนึ่งยังไม่ออกสู่ตลาดด้วยซ้ำ

นานจนแทบจะลืมความรู้สึกตื่นเต้นนั้นไปแล้วว่าเป็นอย่างไร.. แต่มาวันนี้ มิเกล อาร์เตต้า และลูกทีมของเขานำมันกลับมาสู่ทุกคนอีกครั้ง

จะจบอย่างไรไม่รู้หรอกครับ แต่ อาร์เซน่อล ได้ลุ้นแชมป์จนถึงวันสุดท้าย ความภูมิใจนี้ไม่ว่าใครก็ขโมยไปจากพวกเขาไม่ได้

ตังกุย


ที่มาของภาพ : getty images
BY : ตังกุย
ณัฐพล ดำรงโรจน์วัฒนา
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport