ผู้รักษาประตู : อ็องเดร โอนาน่า (แมนฯ ยูไนเต็ด)
แมนยู แพ้ก็จริง แต่พวกเขาจะเสียมากกว่าหนึ่งลูกแน่ หากไม่มี โอนาน่า ยืนเฝ้าเสา ปฏิกิริยาในการป้องกันประตูมีความว่องไวมาก
กองหลัง : วิลเลี่ยม ซาลิบา (อาร์เซน่อล)
ยืนคุมเกมรับไม่ให้แนวรุก แมนยู สร้างความอันตราย รับ แมน ออฟ เดอะ แมตช์ ไปครอบครอง
กองหลัง : มิคกี้ ฟาน เดอ เฟ่น (สเปอร์ส)
จบสกอร์ได้อย่างเฉียบขาดเป็นประตูนำพาชัยชนะให้แก่ สเปอร์ส ต่อลมหายใจลุ้นไป แชมเปี้ยนส์ ลีก
กองหลัง : ยอสโก้ กวาร์ดิโอล (แมนฯ ซิตี้)
ฟอร์มระยะหลัง ไม่มีใครที่จะมาแซงหน้าเขาได้เลย มีส่วนร่วมกับประตูเยอะมาก มีโอกาสซัดแฮตทริกได้แต่ก็ไม่เอา
กองกลาง : โคล พาลเมอร์ (เชลซี)
แทงทะลุช่องแบบคมกริบให้ มิไคโล มูดริค สอยประตูแรก นอกเหนือจากนั้นยังคุมเกมรุกได้ดีเยี่ยม
กองกลาง : ไมเคิ่ล โอลิเซ่ (คริสตัล พาเลซ)
พา พาเลซ ไม่แพ้ใคร 6 เกมติดต่อกัน ก้าวขึ้นมาทดแทน วิลฟรีด ซาฮา ได้ดีเยี่ยม และมีลุ้นที่ประตูของเขาในเกมนี้จะติดลูกยิงสวยงามประจำเดือน
กองกลาง : โทมัส ซูเช็ค (เวสต์แฮม)
ทำผลงานได้ดีและมีชื่อทำสกอร์ด้วยวอลเลย์อีซ้ายสุดสวย แม้เจองานยากกับการรับมือ ทาฮิต ชอง แต่เขาก็เคลียร์บอลได้สวย ๆ หลายครั้ง
กองกลาง : เอเบเรชี่ เอเซ่ (คริสตัล พาเลซ)
ประสานงานเข้าคู่กับ โอลิเซ่ ได้ดีจริง ๆ
กองกลาง : แบร์นาร์โด้ ซิลวา (แมนฯ ซิตี้)
จัดการทำสองแอสซิสต์ และขับเคลื่อนแดนกลางให้ แมนซิตี้ ได้ดีเอามาก ๆ
กองหน้า : จอน ดูราน (แอสตัน วิลล่า)
ใช้เวลาไม่กี่นาทีกับการเป็นตัวสำรอง ปลุกชีพให้ แอสตัน วิลล่า แบ่งแต้มกับ ลิเวอร์พูล สำเร็จ
กองหน้า : ราฮีม สเตอร์ลิง (เชลซี)
ลงสำรองแล้วซัดประตูได้อย่างเฉียบคม มีส่วนสำคัญต่อชัยชนะของ เชลซี