จบแล้วท็อปโฟร์, อันโตนี่ ฮีโร่ทิพย์! 5 ข้อเกม แมนยู แบ่งแต้ม เบิร์นลีย์

 จบแล้วท็อปโฟร์, อันโตนี่ ฮีโร่ทิพย์! 5 ข้อเกม แมนยู แบ่งแต้ม เบิร์นลีย์
แมนฯ ยูไนเต็ด วนลูปกลับมาสร้างความหงุดหงิดให้กับแฟนบอลอีกตามเคยในการลงเล่นเกม พรีเมียร์ลีก ที่สนาม โอลด์ แทรฟฟอร์ด รับการมาเยือนของ เบิร์นลีย์ เมื่อวันเสาร์ที่ 27 เม.ย. แต่ลงเอยแล้วพวกเขาทำได้แค่เสมอกับทีมเยือน 1-1 ทั้งๆที่ อันโตนี่ อุตส่าห์ ยิงประตูให้ทีมนำหน้าในช่วงท้ายเกมนาทีที่ 79 แต่สุดท้าย ผีแดง ปิดจ็อบไม่ได้ และเสียลูกโทษให้ เดอะ คลาเร็ตส์ แบ่งแต้มไปก่อนหมดเวลาสามนาทีจากการก่อความผิดพลาดของนายทวาร อ็องเดร โอนาน่า

1. ผีชุดเดิมกำราบดาบคู่

แมนฯ ยูไนเต็ด ภายใต้การคุมทีมของ เอริค เทน ฮาก ใช้งาน 11 นักเตะชุดเดิมทุกตำแหน่งจากเกม พรีเมียร์ลีก แมตช์เปิดบ้านสยบ เชฟฯ ยูไนเต็ด 4-2 เมื่อวันพุธที่ผ่านมา

อย่างไรก็ดี ที่แตกต่างไปจากนัดก่อนคือเจ้าบ้านได้ เมสัน เมาท์ กองกลางทีมชาติ อังกฤษ หายเจ็บกลับมานั่งเป็นตัวสำรองได้ตามที่นายใหญ่ดัตช์คาดหมาย

ขณะเดียวกัน ผีแดง หวังสร้างผลงานชนะเกมลีกสองนัดซ้อนได้เป็นหนแรกนับตั้งแต่เดือนก.พ.

2. เดอะ คลาเร็ตส์ สลับหอกรายเดียว

เบิร์นลีย์ ของกุนซือ แว็งซ็องต์ กอมปานี วางใจขุมกำลังชุดเดิมเช่นกันจากเกมล่าสุดที่บุกไปทุบ เชฟฯ ยูไนเต็ด 4-1 เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมายกเว้นตำแหน่งกองหน้ารายเดียว

ผู้จัดการทีมชาวเบลเยี่ยมเลือกส่ง ดาวิด ดาโทร โฟฟาน่า ที่ยืมมาจาก เชลซี ลงเล่นเป็นตัวจริง และดร็อป ชาร์ลี เทย์เลอร์ ไปนั่งข้างสนาม

แม้ เบิร์นลีย์ จะบุกมาชนะที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด หนล่าสุดเมื่อปี 2020 แต่ กอมปานี อดีตกองหลัง แมนฯ ซิตี้ เคยบุกมาเฮที่นี่ในฐานะนักเตะด้วยสกอร์ 6-1 ในปี 2011 และ 3-0 ในปี 2014

3. ปัญหาที่แก้ไม่ตก

หลังเปิดบ้านแซงชนะ เชฟฯ ยูไนเต็ด ได้ 4-2 จากการยิงเพิ่มสองประตูในช่วงสิบนาทีสุดท้าย แมนฯ ยูไนเต็ด มีแววกู้ศรัทธากลับมาจากสาวกได้ในเกมเฝ้ารังต้อนรับการมาเยือนของ เบิร์นลีย์ อีกทีมที่อยู่ในโซนตกชั้น

จากที่เห็นลูกทีมของ เทน ฮาก ทำเกมรุกใส่ทีมรองบ๊วยได้ดี  แต่ปัญหาคือการจบสกอร์ที่ไม่เอาไหน และทำไปทำมากลายเป็นอาคันตุกะที่กลับมาเดินหน้าได้อย่างน่าเกรงขามกว่าจนทำเอา อ็องเดร โอนาน่า ต้องออกแรงเซฟป้องกันไม่ให้ทีมเสียประตูหลายหนก่อนที่เกมในครึ่งแรกจะจบลงแบบไม่มีสกอร์

รวมแล้วจึงเป็นอีกเกมที่ ผีแดง แสดงให้เห็นถึงธาตุแท้ว่าพวกเขาเป็นทีมที่ถูกฝ่ายตรงข้ามสร้างโอกาสทำประตูใส่ได้เยอะมากไม่ว่าจะเป็นคู่ต่อกรที่มีระดับหรือว่าทีมที่ต่ำชั้นกว่าก็ตาม

อันรวมถึง เบิร์นลีย์ ในเกมนี้ด้วยทั้งๆที่เท่าที่ผ่านมาสถิติเผยว่าทีมของ กอมปานี พยายามยิงประตูในเกม พรีเมียร์ลีก ซีซั่นนี้เฉลี่ยแล้วอยู่ที่ตัวเลข 3.6 ครั้งต่อเกมเท่านั้น แต่สำหรับนัดนี้ที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด หลังจบ 45 นาทีแรก พวกเขาได้สับไกมากถึง 9 ครั้ง และเข้ากรอบมากกว่าเจ้าบ้าน 5 ครั้งด้วยเนื่องจาก ผีแดง ได้ยิง 12 ครั้งก็จริง แต่ส่งบอลเข้ากรอบได้แค่ 2 ครั้งซึ่งเห็นได้ชัดว่า โอนาน่า ต้องทำงานหนักอีกตามเคย

และที่สำคัญ แมนฯ ยูไนเต็ด ครองบอลได้น้อยกว่าซะอีกจากสัดส่วน 51:49% ซึ่งเป็นเพราะว่านับตั้งแต่ผ่านช่วง 20 นาทีแรกของเกม เบิร์นลีย์ บุกไปสร้างปัญหาให้เจ้าบ้านได้หลายต่อหลายหน

4. ผลลัพธ์ที่เหมาะสม

ปฏิเสธไม่ได้ว่า อเลฮานโดร การ์นาโช่ คือหนึ่งในความหวังใหม่ของ แมนฯ ยูไนเต็ด ทั้งในแง่ของการสร้างโอกาส และการยิงประตูเนื่องจากเป็นที่คาดหมายกันว่าดาวเตะอาร์เจนไตน์จะผงาดขึ้นมาเป็นสตาร์เบอร์หนึ่งคนใหม่ของทีมแทนที่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้

ก่อนหน้านี้ในหลายๆนัด เทน ฮาก สร้างความไม่พอใจให้กับแฟนบอลและกูรูบางรายจากการตัดสินใจเปลี่ยนตัว การ์นาโช่ ออกโดยตลอด แต่ไม่ใช่เกมนี้กับ เบิร์นลีย์ ซึ่งปีกเลือดฟ้าขาวได้อยู่ในสนามครบ 90 นาที แถมมีโอกาสทำประตูหลายหน แต่เรื่องที่น่าผิดหวังคือดาวเตะละตินไม่คมพอที่จะสอยตาข่ายคู่แข่งได้ และเป็นสิ่งที่เขาสมควรพัฒนาอย่างยิ่งทั้งๆที่โอกาสเปิดกว้างให้หลายหน

จนในที่สุด อันโตนี่ เกือบกลายเป็นฮีโร่ของ ผีแดง จากการพังประตูได้ในช่วงท้ายเกมนาทีที่ 79 อันเป็นสิ่งที่กองเชียร์ เร้ด อาร์มี่ ไม่ได้คาดหมายเนื่องจากพ่อค้าแข้งแซมบ้าทำให้พวกเขาผิดหวังมาโดยตลอด

กระนั้นก็ดี ประตูแรกของ อันโตนี่ ใน พรีเมียร์ลีก ซีซั่นนี้ไม่มากพอที่จะทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด กำชัยชนะได้เนื่องจาก เดอะ คลาเร็ตส์ ต่อกรกับพวกเขาในเกมนี้ได้อย่างไม่เป็นรอง กระทั่งสามนาทีสุดท้าย โอนาน่า ที่ช่วยทีมได้มากพอสมควรก็มาทำพลาดจนเสียลูกโทษซึ่ง เซกี้ อัมดูนี่ สังหารไม่พลาดแบ่งแต้มให้อาคันตุกะไปได้อย่างสมควรเนื่องจากสถิติหลังเกมเผยว่าพวกเขาครองบอลได้มากกว่าเจ้าบ้านด้วยซ้ำในสัดส่วน 53:47% และได้ยิง 16 ครั้งเข้ากรอบ 7 ครั้ง ขณะที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ยิง 27 ครั้งเข้ากรอบ 10 ครั้ง แต่ได้มาแค่ประตูเดียวซึ่งฟ้องให้เห็นว่าทีมของ เทน ฮาก ไม่ดีพอที่จะได้สามแต้มเต็ม

5. อย่าไปเลยแชมเปี้ยนส์ลีก

ไม่ว่าจะมองในมุมไหน และแฟน แมนฯ ยูไนเต็ด จะพยายามเข้าข้างหรือเอาใจช่วยทีมรักยังไงต้องยอมรับว่าด้วยฟอร์มแบบนี้ที่ข่มทีมรองบ่อนไม่ได้เลย และมันเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในซีซั่นนี้เป็นเรื่องไม่สมควรอย่างยิ่งที่ทีมของ เทน ฮาก จะได้สิทธิ์ฟาดแข้งในรายการ แชมเปี้ยนส์ลีก

กระทั่งหลังเจ๊ากับ เบิร์นลีย์ ซึ่งแม้ว่า โอนาน่า จะสมควรถูกตำหนิข้อหาทำฟาวล์จนเสียลูกโทษก่อนหมดเวลาสามนาที แต่จากภาพรวมตลอด 90 นาที มันชี้ให้เห็นว่าทีมของ เทน ฮาก ไม่คู่ควรที่จะได้กลับไปฟาดแข้งถ้วย แชมเปี้ยนส์ลีก ในซีซั่นหน้าเนื่องจาก ผีแดง เต็มไปด้วยปัญหาที่โค้ชดัตช์สะสางไม่ได้ไม่ว่าจะเป็นเกมรุกที่ไม่มีความหลากหลาย จังหวะคลำเป้าที่ไม่เด็ดขาด และเกมรับที่มีช่องโหว่ให้ฝ่ายตรงข้ามเล่นงาน รวมทั้งการขยันก่อความผิดพลาดของนักเตะ

ทั้งหลายทั้งปวงนี้จึงเป็นการหมักหมมปัญหาที่ทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ห่างไกลจากอันดับท็อปโฟร์ จนในที่สุด เทน ฮาก เลิกคุยโวและยอมรับเต็มปากหนแรกแล้วว่า เร้ด เดวิลส์ มีแววต้องลงเล่นถ้วย ยูโรปาลีก ในซีซั่นหน้ามากกว่า

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังตกรอบแบ่งกลุ่มถ้วย แชมเปี้ยนส์ลีก อย่างน่าอับอายในซีซั่นนี้ จึงเห็นได้ชัดว่า แมนฯ ยูไนเต็ด ไร้ซึ่งศักยภาพที่คู่ควรต่อการได้ร่วมพะบู๊ฟุตบอลรายการใหญ่ อีกทั้งผู้บริหารน่าจะต้องมองหากุนซือคนใหม่อย่างไม่มีทางเลือกอื่นด้วยหากพวกเขาอยากเห็นทีมกลับไปท้าทายตำแหน่งแชมป์ได้อีกครั้งเหมือนสมัยที่รุ่งโรจน์สุดขีด


ที่มาของภาพ : gettyimages,
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport