เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ผู้จัดการทีม แมนฯ ซิตี้ ออกโรงแจงเหตุผลที่เจ้าตัวนิยมเฉ่งนักเตะออกกล้องทีวีหลังจบเกม และถูกวิจารณ์ว่าเป็นการกระทำที่ไม่ให้เกียรติลูกทีม
กวาร์ดิโอล่า นายใหญ่สแปนิชสร้างความตกตะลึงบ่อยครั้งถึงการเทรนนักเตะในสนามหลังจากเกมจบลงแล้วโดยเขาเคยทำสิ่งนี้กับ โยชัว คิมมิช เป็นคนแรกสมัยกุมบังเหียน บาเยิร์น มิวนิค เมื่อปี 2016
จากนั้นหลังย้ายมาคุมทีม แมนฯ ซิตี้ กวาร์ดิโอ่ล่า ยังไม่เลิกนิสัยดังกล่าวโดยเขาเคยต่อว่า เฌเรมี่ โดกู มาแล้วหลังเกมจบลงเพื่อแนะนำแทคติกต่อลูกทีม
กระทั่งล่าสุดในเกม พรีเมียร์ลีก นัดเปิดบ้านเสมอกับ อาร์เซน่อล 0-0 กวาร์ดิโอล่า เข้าไปคุยกับ แจ็ค กรีลิช ตัวสำรองอย่างฉุนเฉียวหลังจบเกมแล้วท่ามกลางการจับภาพของกล้องทีวี แม้จะไม่มีใครรู้ว่าทั้งสองคุยอะไรกัน
ต่อกรณีดังกล่าว ริชาร์ด คีย์ส พิธีกรรายการฟุตบอลช่อง บีอิน สปอร์ตส อดไม่ได้ที่จะวิจารณ์ กวาร์ดิโอล่า ว่าควรต่อว่านักเตะในห้องแต่งตัวมากกว่าฉีกหน้ากันในสนาม
"เข้าไปในห้องแต่งตัวเถอะ! กล้องเห็นทุกอย่างหมดแล้ว มันดูน่าเอือมระอา เข้าไปในอุโมงค์เลย! มันไม่ควรเกิดขึ้นในสนามหากเขาต้องการบอกกับทุกคนถึงสิ่งที่พวกเขาทำพลาด" คีย์ส เอ่ย
กระทั่งล่าสุดเมื่อ 2 เม.ย.นายใหญ่ เรือใบสีฟ้า แจกแจงเหตุผลถึงการกระทำดังกล่าวออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
"ผมทำต่อหน้ากล้องสำหรับอีโก้ของผม ผมเป็นคนที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในทีม ผมต้องการให้กล้องได้ภาพที่น่าพอใจอย่างไม่น่าเชื่อ มันเป็นเหตุผลที่ทำให้ผมพยายามวิจารณ์นักเตะในสนาม และบอกให้พวกเขาได้รู้สึกว่าพวกเขาแย่ขนาดไหน"
"แม้แต่ตอนที่ เออร์ลิ่ง ทำแฮททริคได้ เขาก็ได้รับคำชมจากผม" กุนซือสแปนิชตบท้ายด้วยมุกจากที่เขาเคยต่อว่า เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ ดาวยิงทีมชาติ นอรเวย์ เช่นกันทั้งๆที่กองหน้าร่างยักษ์ซัดแฮททริคได้แท้ๆ