ลิเวอร์พูล กับข้อดีในการตกรอบเอฟเอคัพ

ลิเวอร์พูล กับข้อดีในการตกรอบเอฟเอคัพ
โลกไม่เคยสงบสุขหรอกครับ แต่ในเรื่องแย่แย่ เราสามารถหามองในแง่บวกบ้าง หรือตรงกันข้าม, พยายามให้มันแย่กว่าที่ควรจะเป็น

ก่อนอื่นก็ต้องแสดงความยินดีกับบรรดาผีน้อย  เอ๊ย ให้เกียรติหน่อย ปีศาจน้อย อเลฮานโดร กานาร์โช่ กับ ค็อบบี้ เมนู  (ย้ำ ขอเรียก เมนู !)  เล่นกันได้โดดเด่นดี

และก็มีฮีโร่คนใหม่ อาหมัด ดิอัลโล่ ที่นับตั้งแต่แทนที่ ราฟาแอล วาราน ในนาที 85 ก็เพรสกองหลังลิเวอร์พูลต่อเนื่อง และทีเด็ดที่สุด เมื่อตัดบอลจาก ฮาร์วี่ย์ เอลเลียต และจบด้วยการเป็นคนยิงประตูชัย 4-3

คุ้มครับคุ้ม ..

หลังจากเพิ่งได้ใบเหลืองไป แล้วมาโดนไล่ออก ได้ใบเหลืองแดงเพราะถอดเสื้อ ฉลองประตู ไม่ต้องมีสติกันแล้วครับ มันต้องแสดงออกแบบนั้นแหล่ะ

ฟุตบอลเป็นเรื่องเอนเตอร์เทน เป็นเรื่องของแพสชั่น และกฎมันก็แค่ โดนพักแข้งในเกมบอลภายในประเทศนัดต่อไป (พักแข้งนัดเยือน เบรนท์เฟิร์ด เสาร์ 30 มีนาคม) ไม่ได้คุมไปถึง เอฟเอ คัพ รอบรองฯ เจอโคเวนทรี ซิตี้ ที่เวมบลีย์ ซะเมื่อไหร่

สำหรับลิเวอร์พูล ไม่โต้เถียงถ้าจะมีใครวิจารณ์ว่า “ต้องโทษตัวเองหล่ะ” ที่เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ 3-4  หลังจากแมตช์รอบควอเตอร์ไฟน่อล ต้องดวลไปถึงช่วงเอ๊กซ์ตร้า ไทม์

ครึ่งชั่วโมงแรก ปีศาจแดงดูเซอร์ไพรส์ เล่นได้เหนือกว่า จากนั้นลูกทีมเจอร์เก้น คล็อปป์ ก็กลับมา แซงนำ และควรจะยิงห่าง ฝังไปแล้วในครึ่งหลัง

ท้ายสุด มันเป็นเกมบ้าบ้า,  เกม แมนฯยูฯ - ลิเวอร์พูล  ที่สนุกกว่าทุกเกมในหลายปีหลัง ลิเวอร์พูล เหมือนจะกลับมาคอนโทรลเกมได้ แต่ก็ผ่านบอลไม่ได้เนี้ยบอย่างที่ควรจะเป็น อย่างหลัง โม ซาล่าห์ โดนเปลี่ยนออกไป ตัวที่ลงมาแทน โคดี้ กัคโป ได้พาบอลสวน คุกคามในสถานการณ์ 5 ต่อ 2 ดันเลือกเล่นผิด และจ่ายบอลย้อนหลัง ฮาร์วี่ย์ เอลเลียต ทำให้เสียจังหวะที่ควรจะฝังคู่แข่งไป

พอผลออกมาแบบนี้ ไม่ได้คิดแก้ตัว หรือเฉไฉ อะไรนะครับ หากก็ยังพอมีแง่บวก มีแง่ดี ให้กับหงส์แดง อยู่บ้างเหมือนกัน

ข้อแรก ; เกมเยือนฟูแล่ม สุดสัปดาห์ 20-21 เมษายน ไม่ต้องเลื่อน

สหายสนิทที่บินจากบางกอก มาดู ลิเวอร์พูล ที่แอนฟิลด์ ทุกเดือนก็ว่าได้มั้งในซีซั่นนี้ เพิ่งส่งตารางแข่งขันของทีมรักมาสะกิดว่า แน่แค่ไหน 

หลังเบรกทีมชาติมีนาคมนี้ กลับมาลิเวอร์พูล ต้องเล่นกับ ไบรท์ตัน (เหย้า, อาทิตย์ 31 มี.ค.) / เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด (เหย้า, พฤหัส 4 เม.ย.) / แมนฯยูฯ (เยือน, อาทิตย์ 7 เม.ย.)

จากนั้นตามมาด้วย ยูโรปา ลีก รอบควอเตอร์ไฟนั่ลเจอ อตาลันต้า  (เหย้า,พฤหัส 11 เม.ย.) / คริสตัล พาเลซ (เหย้า, อาทิตย์ 14 เม.ย.)  /  เจอ  อตาลันต้า  (เยือน, พฤหัส 18 เม.ย.)

คล็อปป์ และลูกทีม ไม่ได้อยากตกรอบ เอฟเอคัพ, คุณลองดูจากสตาร์ทติ้ง ไลน์-อัพ ที่จัดเต็มที่สุด เท่าที่มีในตอนนี้แล้ว

หน้าจัดเต็ม  หลุยส์ ดิอาซ - ดาร์วิน นูนเญซ - โม ซาล่าห์

กลางในฝันนาทีนี้ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ - วาตารุ เอ็นโด - โดมินิค โซโบซไล

หลังอาจจะไม่ใช้ คอนเนอร์ แบรดลี่ย์ แต่ก็เปลี่ยนแค่รายเดียวถ้าเทียบชุดเสมอ แมนฯ ซิตี้ อย่างน่าประทับใจสุดสัปดาห์ก่อน แค่โยก โจ โกเมซ มาเป็นแบ๊คขวา แล้วใส่แบ๊คซ้ายตัวจริง แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ที่กลับมาคราวนี้ ดูประคบประหงมเป็นพิเศษ

จัดแบบนี้ ความรู้สึกแรกของเด็กหงส์ ต้องมี ย่ามใจ กันบ้างแหล่ะ และอาจจะคิดเข้าข้างตัวเองไว้ก่อน อยากจะเห็นสกอร์ขาด 4-0, 5-0

**ถ้า ลิเวอร์พูล เข้าไปเจอกับ โคเวนทรี ซิตี้ ที่เวมบลีย์ ในรอบรองชนะเลิศ ของถ้วยเอฟเอ คัพ (Football Association Challenge Cup) ซีซั่นที่ 143 สุดสัปดาห์ 20-21 เมษายน มีแม็ตช์เพิ่มน่ะ ไม่เท่าไหร่ แต่เกมเยือน ฟูแล่ม ในพรีเมียร์ลีก ต้องเลื่อนวันเตะนี่สิ

อาจมีกลางสัปดาห์ต่อจากนั้น ที่ยัดลงไปได้ แต่แมตช์เยือน เอฟเวอร์ตัน ก็ยังรอกำหนดวันเตะใหม่

เยือน เวสต์แฮม (27-28 เม.ย.) /  ยูโรปา ลีก รอบตัดเชือกนัดแรก (พฤหัส 2 พ.ค.) / ท็อตแน่ม (เหย้า, น่าขยับเป็นวันอาทิตย์ 5 พ.ค.) /  ยูโรปา ลีก รอบรองฯ นัดสอง  (พฤหัส 9 พ.ค.) / แอสตัน วิลล่า (เยือน, น่าจะขยับเป็นอาทิตย์ 12 พ.ค.) /  นัดสุดท้ายพรีเมียร์ลีก เจอ วูล์ฟแฮมป์ตัน (เหย้า, อาทิตย์ 19 พ.ค.) ไหน ปีนี้ลองดูสิ ใครเจอหมาป่านัดสุดท้าย จะไม่ได้แชมป์เหรอ ฮ่าๆ!

จากนั้น ก็อาจจะไปดับลิน เป็นนัดสุดท้ายในการคุมทีมของ คล็อปป์ นัดชิงยูโรปา ลีก วันพุธ 22 พฤษภาคม ฮะ ..

มันอาจจะดีกว่าก็ได้ ถ้าเข้าสู่นัดสุดท้ายของซีซั่น แล้วลิเวอร์พูลยังได้ลุ้นแชมป์ลีกอยู่ โดยที่มีเวลาเตรียมตัวเป็นสัปดาห์บ้าง

ข้อต่อมา ; แพ้ คือ บทเรียน

ถึงแม้ว่าแฟนอาจจะหงุดหงิด ต่อว่า โคดี้ กัคโป เล่นช้าขัดใจ (อีกแล้ว),  ทำไมเอาทีเด็ด โม ซาล่าห์ ที่เล่นดีออก ทำไมไม่คมกัน ทำไมโน่ ทำไมนี่ ..

แล้วไม่คิดบ้างเหรอว่า เจอร์เก้น คล็อปป์ จะหงุดหงิดกว่ามั้ย นักเตะหล่ะ ?

ดาร์วิน นูนเญซ หงุดหงิดตัวเองมั้ย ที่ผ่านบอลเสีย และโดนลงโทษในช่วงเอ๊กซ์ตร้า ไทม์ ทำให้เกมเปลี่ยน

แต่ที่สุดแล้ว มันคือ ฟุตบอล

ในวันที่ แมนฯ ยูฯ เค้าก็สร้างโอกาสได้เยอะ โดยเฉพาะถ้าเล่นอย่างใน 30 นาทีแรก, หรือสร้างโอกาสยิงตรงกรอบ 7 ครั้งในครึ่งแรก  ก็ถือว่าไม่เบาแหล่ะ

เสียใจกันได้ครับ แต่บ่นไปก็เท่านั้น แมตช์จบลงไปแล้ว

แพ้แมตช์นี้ อาจเป็นบทเรียนสำคัญสู่การมาเยือน โอลด์ แทรฟเฟิร์ด ในครั้งต่อไป ซึ่งเป็นเป้าใหญ่กว่าด้วย

- รับมือการคุกคามกราบซ้ายของคู่แข่ง (ไม่ใช่แค่ มาร์คัส แรชเฟิร์ด) ยังงัยหนอ อาจจะใส่ ไอ้หนูคอนเนอร์ ลงตั้งแต่แรก หรือรุ่นพี่ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ คัมแบ๊คแล้ว ลงไปเล่นเกมรุกเลย ถ้าหาก อิบราฮิม่า โกนาเต้ ยอดเซ็นเตอร์ฮาล์ฟพร้อมยืดออกมาซ้อนพื้นที่ฝั่งนั้นให้

- ทั้งเกมลีกที่แอนฟิลด์ และเกมเอฟเอ คัพ ล่าสุด รู้สึกว่า ลิเวอร์พูล เล่นไม่เป็น ลิเวอร์พูล! การผ่านบอลพลาดเยอะไปตลอดเกม การเสียทั้ง 2 ประตูในช่วงเอ๊กซ์ตร้า ไทม์ ก็มาจากการเล่นผิดพลาดรายบุคคล

- และถ้าเป็นเกมพรีเมียร์ลีกเข้มข้น รับรองได้ว่า คล็อปป์ คงให้ โม ซาล่าห์ (ถ้าฟิตเต็มที่) เล่นเต็มเกม ตามที่แฟนๆ อยากจะเห็น

และ และ 

**ถ้าเป็นเกมพรีเมียร์ลีกนะ บรูโน่ แฟร์นันด์ส ได้ใบเหลืองมาแล้ว เอาเท้าพุ่งเข้ามายันจนเสียฟรีคิกแบบนั้น ต้องออกแอ๊คชั่นกดดันฮะ

คิดในทางกลับกัน ถ้าจอมบ่นมันโดนกระทำ จะดิ้นพล่าน และโวยวายสักแค่ไหน  ฮ่าๆ !!

ลิตเติ้ลโจ


ที่มาของภาพ : gettyimages
BY : ลิตเติ้ลโจ
สุรศักดิ์ มากทวี
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport